ช่วงพักการแข่งขันก่อนนัดชิงอันดับ 3 และชิงชนะเลิศ ข่าวใหญ่ของวงการลูกหนังโลกโฟกัสไปที่การซื้อขายนักเตะเตรียมรับฤดูกาลใหม่ โดยเฉพาะหลุยส์ ซัวเรซ ศูนย์หน้าอุรุกวัยที่ย้ายจากลิเวอร์พูลไปอยู่กับบาร์เซโลนาเรียบร้อยแล้ว ด้วยค่าตัว 75 ล้านปอนด์ แพงเป็นอันดับ 3 ของโลก เป็นรองแค่คริสเตียโน โรนัลโด และกาเรธ เบล ทั้ง 3 คนล้วนเล่นในลา ลีกา สเปน
เป็นอันว่า บาร์ซาได้นักเตะสมใจ ส่วนลิเวอร์พูลก็รับเงินก้อนโตไปเสริมทัพต่อไป ส่วนโทษแบนห้ามเล่นทีมชาติ 9 นัด จากเหตุการณ์กัดไหล่จอร์โจ คิเอลลินี กองหลังอิตาลีในบอลโลกที่บราซิล ทุกคนเข้าใจตรงกัน ไม่มีปัญหาต้องตีความ เหลือแต่การห้ามยุ่งเกี่ยวกับฟุตบอล 4 เดือน ต้องรอดูต่อไปว่า บาร์ซาและซัวเรซจะทำอะไรได้บ้าง
ฟีฟ่ายืนยันว่า ซัวเรซห้ามซ้อมกับสโมสรในช่วงเวลา 4 เดือน สิ้นสุดเดือน ต.ค. การฟิตซ้อมเรียกความฟิตซัวเรซคงทำได้ด้วยตัวเอง เหลือแต่การทำความเข้าใจกับเพื่อนร่วมทีมที่ต้องรอให้พ้นโทษเสียก่อนถึงจะซ้อมร่วมกันได้
บาร์ซาเคยเปิดตัวเนย์มาร์ ดาวดังแซมบ้าอย่างยิ่งใหญ่เมื่อปีที่แล้ว มีแฟนบอล 90,000 คนมาร่วมเป็นกำลังใจที่คัมป์นูถึง 90,000 คน แต่อาจจะเปิดตัวซัวเรซแบบนั้นไม่ได้ ถ้าฟีฟ่าถือว่า เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับฟุตบอลอย่างเป็นทางการ นี่คือสถานการณ์ล่าสุดของซัวเรซ ที่พลาดพลั้งคุมตัวเองไม่ได้ในเกมที่พบกับอิตาลี สร้างความยุ่งยากตามมาอีกมากมาย แฟนบอลทั่วไปล้วนยกย่องในฝีเท้า อยากเห็นเขาในสนามมากกว่าถูกลงโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้ หวังว่าไปอยู่กับบาร์ซาคงไม่เกิดเรื่องแบบนี้อีก
ส่วนความเคลื่อนไหวช่วงโค้งสุดท้ายที่บราซิล ฟีฟ่าประกาศรายชื่อนักเตะลุ้นรางวัล ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำเวิลด์คัพ 2014 ออกมาแล้ว ก่อนที่จะประกาศผลหลังจบนัดชิงชนะเลิศระหว่างเยอรมนีกับอาร์เจนตินา
...
นักเตะอินทรีเหล็กติดโผมากที่สุด 4 คน ประกอบด้วย มัตส์ ฮุมเมลส์, ฟิลิปป์ ลาห์ม, โทนี โครส และโทมัส มุลเลอร์ อาร์เจนตินามี 3 คน
อังเคล ดิ มาเรีย, ฮาเวียร์ มาสเคราโน, ลิโอเนล เมสซี ที่เหลือ คือ เนย์มาร์-บราซิล, อาร์เยน ร็อบเบน-ฮอลแลนด์ และฮาเมส โรดริเกซ-โคลอมเบีย
ฝ่ายเทคนิคของฟีฟ่าเป็นผู้คัดเลือกโผนักเตะเหล่านี้ ส่วนขั้นตอนการโหวตเป็นหน้าที่ของฝ่ายเทคนิคและผู้สื่อข่าวที่มาทำข่าวบอลโลกครั้งนี้
โดยส่วนตัวแล้วผมเล็งไว้ 2 คน คือ มุลเลอร์ และโรดริเกซ รายแรกโชว์ฟอร์มคงเส้นคงวา เป็นตัวหลักในแนวรุกของเยอรมนี จับบอลทีไรได้ลุ้นทุกครั้ง มีทักษะยอดเยี่ยม หาพื้นที่ในการทำประตูได้ดี ปิดสกอร์เฉียบขาด และขยันเล่น
ส่วนโรดริเกซที่เปิดตัวโด่งดังเป็นพลุแตก คือ จอมทัพหมายเลข 10 ที่ดีที่สุดในบอลโลกครั้งนี้ เป็นหัวใจของโคลอมเบียอย่างแท้จริง ทั้งปั้นเกม และทำประตู ถึงจะตกรอบไปแล้วก็ยังนำดาวซัลโว 6 ลูก นักเตะเบอร์ 10 อย่างเนย์มาร์และเมสซี ก็ยังไม่ใช่ตัวบงการเกม หนักไปทางกองหน้ารอจังหวะทำประตูมากกว่า
นักเตะยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ (โกลเดนบอล) 4 ครั้งหลังสุด ไม่ได้มาจากทีมแชมป์โลก เช่น ปี 1998 โรนัลโด (บราซิล), 2002 โอลิเวอร์ คาห์น (เยอรมนี), 2006 ซีเนอดีน ซีดาน (ฝรั่งเศส) และ 2010 ดิเอโก ฟอร์ลัน (อุรุกวัย) ครั้งนี้โรดริเกซมีโอกาสเช่นกัน
ส่วนลูกยิงประตูสุดสวยมีให้เลือกหลายคน ตั้งแต่เริ่มทัวร์นาเมนต์ การพุ่งโหม่งของโรบิน ฟาน เพอร์ซี เกมที่ดัตช์ถล่มสเปน ลูกวอลเลย์สุดเฉียบของทิม เคฮิลล์ นักเตะออสเตรเลียนัดที่พบกับฮอลแลนด์ ลูกที่เป็นลายเซ็นของเมสซี พลิกบอลเข้ากลางแล้วปั่นเสียบเสาไกลในนัดที่พบกับอิหร่าน การยิงฟรีคิกของดาวิด ลุยซ์ นัดที่บราซิลชนะโคลอมเบีย และลูกพักอกวอลเลย์ของโรดริเกซซัดด้วยซ้ายเช็ดใต้คานในนัดชนะอุรุกวัย
ผมชอบประตูของฟาน เพอร์ซี และโรดริเกซ เป็นพิเศษ จังหวะทิ้งตัวโหม่งแบบโปรเจกต์สไตล์ย้อยข้ามหัวอิเคร์ กาซิยาส ของอาร์วีพี ช่างเหมาะเจาะน้ำหนักและทิศทางราวกับคำนวณมา ส่วนลูกยิงของโรดริเกซ คือ ความคลาสสิก เห็นแล้วต้องบอกว่า ใช่เลย เป็นลีลาของพระเอก เหมือนย้อนกลับไปดูบอลยุค 70-80
เขียนถึงเรื่องภาพรวมบอลโลกแบบนี้แล้ว ใจหายพอสมควร เพราะเป็นสัญญาณว่า การแข่งขันกำลังจะจบลง ผมและเพื่อนผู้สื่อข่าวไทยมาอยู่ที่นี่เกือบ 40 วันแล้ว ย่อมคิดถึงบ้านเป็นธรรมดา แต่ทุกครั้งเมื่อถึงวันท้ายๆของทัวร์นาเมนต์ จะมีความรู้สึกแว่บเข้ามาว่า ไม่อยากให้จบเลย มันเหงาหงอยชอบกลนะครับ.
โต้ บ้านแหลม