ข่าวดีเหล่า‘ชายบ่มิไก๊’ สูตรลับจากเภสัชจุฬาฯ
คณะเภสัชจุฬาฯ มีสูตรลับช่วยชายนกเขาไม่ขันมีความหวังดั่งพบแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ปรุงสมุนไพรไทยสูตรช่วยฟื้นคืนชีพเจ้าโลก คืนความสุขให้กับตัวเอง หลังต้องห่อเหี่ยวหดหู่นกเขาไม่สู้แม้พยายามปลุกปั่น ลั่นได้ผลดีในกลุ่มระยะเริ่มต้น-ปานกลาง
ข่าวดีสำหรับบรรดาชายหนุ่มนกเขาไม่ขัน มีความหวังที่เหมือนแสงสว่างปลายอุโมงค์แล้ว หลังมีการพัฒนาสมุนไพรไทยบรรเทาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ทั้งนี้ ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. รศ.ภญ.ดร.พรอนงค์ อร่ามวิทย์ อาจารย์ประจำภาควิชาเภสัชกรรมปฏิบัติ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยถึงการพัฒนาสมุนไพรไทยเพื่อบรรเทาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ว่า โรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศแม้ไม่ได้เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต แต่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นและการดำเนินชีวิตมากจากสถิติชายไทยอายุ 40-70 ปี อยู่ในภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศจำนวน 527,120 คน คิดเป็นร้อยละ 37.5 ในจำนวนนี้มีความรุนแรงของโรคอยู่ในระดับต่ำร้อยละ 19.1 ระดับปานกลาง ร้อยละ 13.7 และระดับรุนแรงร้อยละ 4.7 ซึ่งจำเป็นต้องใช้ยากระตุ้นสมรรถภาพทางเพศ แต่กลับพบว่ายากระตุ้นสมรรถภาพทางเพศในปัจจุบันจะออกฤทธิ์ในการขยายหลอดเลือดอย่างรุนแรง และออกฤทธิ์ยาวนานกว่า 72 ชั่วโมงแล้วนั้นถือว่าเป็นอันตรายกับผู้ที่มีโรค ประจำตัวโดยเฉพาะโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ
รศ.ภญ.ดร.พรอนงค์เผยต่อว่า ดังนั้น คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงได้ร่วมพัฒนาสมุนไพรที่มีฤทธิ์กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตประกอบด้วย กระชายดำ ปอกกระสา ผลสุกของว่านขันหมาก เม็ดกุยช่าย ดอกคำฝอย และน้ำผึ้ง มาผลิตเป็นยาบรรเทาอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ซึ่งจากการนำไปทดสอบในชายไทยอายุ 30-60 ปี จำนวน 120 คน พบว่าได้ผลเป็นที่น่าพอใจ โดยตัวยาสมุนไพรดังกล่าวจะไปช่วยขยายหลอดเลือดเพื่อให้อวัยวะเพศเกิดการแข็งตัว เช่นเดียวกลุ่มเดิมแต่จะมีฤทธิ์อ่อนกว่า และอยู่ในร่างกายประมาณ 3-4 ชั่วโมง ในขณะที่ยา ตัวเดิมจะอยู่ในร่างกายนานถึง 72 ชั่วโมง อย่างไรก็ตามยานี้จะใช้ได้ผลดีในกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศในอาการระยะเริ่มต้น และระยะกลางเท่านั้น ส่วนผู้ที่มีอาการรุนแรงนั้นยานี้จะใช้ไม่ได้ผล
...
รศ.ภญ.ดร.พรอนงค์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังได้มีการทดสอบความปลอดภัยของยาด้วยการให้กลุ่มตัวอย่างทดลองรับประทานยาสมุนไพรบรรเทาอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศติดต่อกันทุกวันนาน 1 เดือน ผลการทดสอบไม่พบความผิดปกติต่อตับและไต ดังนั้น จึงสรุปได้ว่ายาสมุนไพรดังกล่าว มีความปลอดภัย แต่ในกรณีของผู้ป่วยโรคตับ และโรคไตอยู่แล้วนั้นต้องระวังเป็นพิเศษ ทั้งนี้ หากใช้แล้วพบว่ามีผลข้างเคียงทำให้มีอาการหน้าแดงร้อน หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ ขอให้รีบพบแพทย์ แต่ผลข้างเคียงดังกล่าวพบค่อนข้างน้อยและอยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ตาม แม้จะพบว่ากลุ่มตัวอย่างพึงพอใจในการใช้ยาสมุนไพรบรรเทาภาวะเสื่อมสมรรถทางเพศ แต่ทางผู้วิจัยก็ไม่สามารถบอกว่าได้ว่ายาดังกล่าวให้ผลกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ ได้ผลสูงสุดร้อยละ 100 หรือไม่ เพราะแม้แต่ยากระตุ้นอารมณ์ทางเพศที่ใช้อยู่ในปัจจุบันยังไม่สามารถจะยืนยันผลได้ร้อยละ 100 เพราะอารมณ์ทางเพศเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสภาวะจิตใจที่บางคนอาจจะใช้ยาได้ผล แต่บางคนอาจจะใช้ยากระตุ้นแล้วไม่ได้ผล