ระยอง-ซวยซํ้าซาก เจอคราบนํ้ามันดิบ เกยหาดรำพึง7ก.ม.

หน่วยงานรัฐระดมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เกิดเหตุ โรงงานไออาร์พีซีระเบิดตรวจทั้งสุขภาพและผลกระทบสิ่งแวดล้อม เบื้องต้นพบชาวบ้านกว่า 50 ราย แสบตา คันตัว ส่วนสภาพอากาศได้รับผลกระทบไม่มาก ด้านผู้บริหารไออาร์พีซีขอโทษชาวบ้าน ประกาศรับผิดชอบเต็มที่ เผยวงเงินประกัน 1,200 ล้านเหรียญฯ ขอเวลาหาสาเหตุ 3 วัน คาดมาจากท่อส่งไฮโดรเจนรั่วไหล อาจต้องปิดซ่อมหน่วยปรับปรุงคุณภาพน้ำมันเตา 3 เดือน ประเมินสูญเสียรายได้ 480 ล้านบาท ขณะเดียวกัน โรงเรียนใกล้นิคมมาบตาพุด เจอกลิ่นแก๊สทุเรียนเน่าลอยคลุ้ง ต้องหามครู-นร.ส่งโรงพยาบาลจ้าละหวั่น ถึงขั้นสลบ 3 ราย ส่วนหาดแม่รำพึงเจอคราบน้ำมันดิบปริศนาลอยมาเต็มหาด

หลังเกิดเหตุระเบิดที่หน่วยปรับปรุงคุณภาพน้ำมันเตาของบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) ตั้งอยู่หมู่ 5 ต.เชิงเนิน อ.เมืองระยอง จ.ระยอง ตั้งแต่เมื่อเย็นวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทำให้เกิดควันไฟและกลิ่นเหม็นคลุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ แม้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้หลังจากนั้นไม่นาน แต่ทางจังหวัดระยองสั่งปิดพื้นที่เกิดเหตุรวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหายและผลกระทบต่อชาวบ้านและสิ่งแวดล้อม

พบชาวบ้านแสบตา-คันตัว

ทั้งนี้ เมื่อเช้าวันที่ 10 มิ.ย. ผู้บริหาร บจม.ไออาร์พีซีร่วมกับสาธารณสุขจังหวัดระยอง จัดทีมแพทย์พยาบาลลงพื้นที่ดูแลตรวจสุขภาพของชาวบ้านรอบเขตประกอบการอุตสาหกรรมไออาร์พีซี เพื่อเฝ้าระวังผลกระทบด้านสุขภาพ โดยพบนักเรียนโรงเรียนวัดปลวกเกตุที่อยู่ใกล้โรงงานได้รับผลกระทบจำนวน 16 คน ครู 1 คน มีอาการแสบตา คันตามตัว คลื่นไส้ แพทย์ได้จ่ายยาให้รับประทาน และได้ออกตรวจ 3 จุด คือที่ชุมชนปลวกเกตุ ชุมชนหมู่บ้านระยองซิตี้ปาร์ค ต.เชิงเนิน และสถานีอนามัยบ้านก้นหนอง ต.บ้านแลง อ.เมืองระยอง พบว่ามีชาวบ้านออกมารับบริการตรวจสุขภาพค่อนข้างเบาบาง โดยชาวบ้านที่ออกมารับการตรวจทั้ง 3 จุด รวมแล้วมีเพียง 40 ราย ซึ่งส่วนใหญ่จะมีอาการแสบตา แสบจมูกและระคายเคืองคันตามผิวหนัง ซึ่งแพทย์ได้ตรวจสุขภาพพร้อมให้คำแนะนำและแจกจ่ายยาแก้แพ้และยาทาผิวเพื่อแก้การระคายเคืองให้ไปรับประทาน ส่วนการเฝ้าระวังสุขภาพของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ไออาร์พีซียังได้ตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนด้านสุขภาพขึ้นที่ศูนย์การเรียนรู้เครือข่ายชุมชนไออาร์พีซีอีกด้วย เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง

...

คาดเหตุสารไฮโดรคาร์บอนรั่ว

ต่อมาเวลา 10.00 น. นายศักดา พันธ์กล้า รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม นำทีมวิศวกรจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมและสำนักอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง เข้าตรวจสอบโรงงานระเบิดไฟไหม้ใน บมจ.ไออาร์พีซี โดยมีนายพีระพงษ์ อัจฉริยชีวิน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไออาร์พีซี พร้อมคณะให้การต้อนรับพร้อมชี้แจงสาเหตุที่ตึก 10 ปีของบริษัท จากนั้นนายสุกฤตย์ สุรบถโสภณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ไออาร์พีซี ได้ชี้แจงผ่านระบบวีดิโอคอนเฟอเรนซ์ หลังจากนั้นได้เข้าตรวจบริเวณหน่วยปรับปรุงคุณภาพน้ำมันหนักของไออาร์พีซี ซึ่งเกิดเหตุระเบิดและไฟไหม้พร้อมระบุว่า กรณีเกิดเพลิงไหม้ที่หน่วยปรับปรุงคุณภาพน้ำมันเตา (Vacuum Gas Oil Hydro Treating Unit : VGOHT) เพื่อป้อนหน่วยแครกเกอร์เพื่อผลิตเป็นสารโพรไพลีนเป็นหลักที่โรงงานของบริษัท ต.เชิงเนิน อ.เมือง จังหวัดระยอง ในเบื้องต้นสันนิษฐานว่าเกิดจากการรั่วไหลของสารไฮโดรคาร์บอนเป็นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้ บริษัทได้ตัดแยกระบบของหน่วยที่เกิดเพลิงไหม้ออกจากโรงงานอื่นๆของบริษัท และสามารถควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ตั้งแต่เวลา 19.00 น.ของวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยบริษัทดับเพลิงได้ทั้งหมดตั้งแต่เวลา 20.20 น. และจากการตรวจสอบไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว

กระทบสภาพอากาศเล็กน้อย

สำหรับผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม นายสุกฤตย์กล่าวว่าบริษัทได้ส่งรถเคลื่อนที่ออกตรวจวัดสภาพอากาศโดยรอบโรงงานทันทีที่เกิดเหตุ เพื่อตรวจสอบผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม เบื้องต้นพบว่า มีผลกระทบเล็กน้อยต่อสภาพอากาศ โดยช่วงเกิดเหตุยอมรับว่าค่ามาตรฐานฝุ่นขึ้นไประดับสูงสุดเทียบจากกราฟวัดค่าอากาศ แต่ภายใน 1 ชั่วโมง ค่ามาตรฐานฝุ่นลดลง และล่าสุดเมื่อช่วงเช้าพบว่าค่ามาตรฐานฝุ่นกลับมาเป็นปกติแล้ว

ขอโทษพร้อมรับผิดชอบเต็มที่

นายสุกฤตย์กล่าวอีกว่า บริษัทขอแสดงความเสียใจและขอโทษ ยืนยันว่าบริษัทจะเฝ้าระวังผลกระทบต่อชุมชนอย่างใกล้ชิดเพื่อรับผิดชอบต่อความเสียหายด้านสุขภาพและทรัพย์สินของชาวบ้านเต็มความสามารถ โดยตลอดทั้งวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา บริษัทได้ส่งหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกไปตรวจเยี่ยมประชาชนเพื่อรับฟังปัญหาและสร้างความมั่นใจในเรื่องสุขอนามัย และมีเจ้าหน้าที่พร้อมบริษัทประกันภัยเข้าตรวจสอบด้วยจากวงเงินประกัน 1,200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยตามสัญญาการทำประกันภัยบริษัทจะต้องรับผิดชอบเอง 5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่วนที่เหลือบริษัทประกันจะรับผิดชอบต่อเนื่องจากผู้เป็นเจ้าของธุรกิจจะต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย คาดว่าภายในสัปดาห์นี้ก็จะทราบว่าสาเหตุที่แท้จริงของเพลิงไหม้เกิดจากอะไร

รอวิศวกร กรอ.ตรวจละเอียด

นายสุกฤตย์ยังระบุด้วยว่า ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการตรวจสอบความเสียหายจากเหตุดังกล่าว โดยโรงกลั่นและโรงงานปิโตรเคมีโดยส่วนใหญ่ยังสามารถดำเนินการผลิตได้ มีเพียงแต่หน่วยที่เกิดเพลิงไหม้และหน่วยผลิตใกล้เคียงที่จะต้องหยุดดำเนินการชั่วคราว เบื้องต้นบริษัทประเมินว่ามีผลกระทบต่อการผลิตโดยรวมไม่มากนัก สูญเสียรายได้ 480 ล้านบาท เนื่องจากอาจต้องปิดซ่อมหน่วยปรับปรุงดังกล่าวเป็นเวลา 3 เดือน และทำให้น้ำมันเบนซินหายไปจากระบบการกลั่นของบริษัท 1 ล้านลิตรต่อวัน น้ำมันดีเซล 300,000 ลิตรต่อวัน แต่ไม่กระทบการใช้ในประเทศ เพราะยังมีโรงกลั่นน้ำมันแห่งอื่นๆ มีปริมาณการกลั่นสำรองเพียงพอ พร้อมกันนี้ หากการตรวจสอบอย่างละเอียดของทีมวิศวกรกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) พบว่าเกิดความเสียหายหนักหรือรุนแรงอาจจะมีการออกคำสั่งเข้มข้นเพิ่มเติมสั่งปิดโรงงานจุดที่เกิดเหตุเพิ่มขึ้นจาก 90 วัน หลังจากผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ได้ลงนามสั่งปิดไปก่อนหน้านี้แล้ว ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัย

...

ปิด 3 หน่วยมีผลการกลั่นลด

ขณะที่นายพีระพงษ์ กล่าวว่า ไออาร์พีซีได้สั่งปิดหน่วยผลิตต่อเนื่องที่เกี่ยวข้องกับหน่วยปรับปรุงคุณภาพน้ำมันหนัก ซึ่งเกิดระเบิดและถูกไฟไหม้เสียหายเมื่อวานนี้แล้ว 3 หน่วย (ยูนิต) คือหน่วยกลั่นน้ำมันดิบหรือเอดียู หน่วยกลั่นน้ำมันสุญญากาศ หรือวีดียู และหน่วยแทคเกอร์เครื่องผลิตสารโพเพอร์ลีนหรือดีซีซี ซึ่งผลจากเหตุการณ์ครั้งนี้ได้ส่งผลต่อปริมาณการกลั่นน้ำมันของโรงกลั่นน้ำมันไออาร์พีซี ปริมาณผลิตภัณฑ์น้ำมันเบนซิน ดีเซลและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องต้องลดปริมาณลงถึงร้อยละ 50

กรอ.สั่งตรวจเพิ่มส่วนที่เสี่ยง

ด้านนายณัฐพล ณัฏฐสมบูรณ์ อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) กล่าวว่า สาเหตุเพลิงไหม้ดังกล่าวเบื้องต้นพบว่า เกิดจากท่อส่งไฮโดรเจนเกิดการรั่วไหล ประกอบกับจุดเกิดเหตุมีความร้อนสูง จึงอาจเกิดประกายไฟขึ้นเมื่อไปเจอกับไฮโดรเจน ซึ่งติดไฟง่ายจึงเกิดการลุกไหม้ขึ้น สำหรับการดำเนินการ กรอ.ได้ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดระยองสั่งหยุดดำเนินการในส่วนของยูนิตดังกล่าวเป็นเวลา 90 วัน ในขณะส่วนอื่นๆ ได้ให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบว่ามีความเสี่ยงที่จะเกิดเหตุลักษณะเดียวกันหรือไม่ ซึ่งหากมีความเสี่ยงอาจต้องสั่งให้มีการปรับปรุงกิจการให้เรียบร้อยก่อนอนุญาตให้เปิดกิจการได้

อากาศ 4 จุดใกล้ที่เกิดเหตุยังปกติ

นายวิเชียร จุ่งรุ่งเรือง อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ภายหลังการเกิดอุบัติเหตุระเบิดและมีไฟไหม้โรงงานไออาร์พีซี จ.ระยอง เจ้าหน้าที่ คพ.ได้เข้าไปตรวจวัดปริมาณสารอินทรีย์ระเหยง่าย (วีโอซี) ในอากาศ ประกอบด้วย เบนซีน โทลูอีน และไซลีน บริเวณใกล้กับที่เกิดเหตุ 4 จุดคือ โรงเรียนโปลีเทคนิคระยอง ห่างจากไออาร์พีซี 500 เมตร พบเบนซีน 0.66 ส่วนในล้านส่วน (พีพีเอ็ม) ค่ามาตรฐานคือ 52 พีพีเอ็ม ค่าโทลูอีน 0.309 พีพีเอ็ม ค่ามาตรฐานคือ 200 พีพีเอ็ม และไซลีน 0.299 พีพีเอ็มค่ามาตรฐานคือ 130 พีพีเอ็ม ที่ซอยพัน ร.7 ห่างจากไออาร์พีซี 1 กิโลเมตร พบเบนซีน 0.69 พีพีเอ็ม โทลูอีน 0.047 พีพีเอ็ม และไซลีน 0.028 พีพีเอ็ม ที่หมู่ 4 ต.ตะพง อ.เมือง จ.ระยอง ไม่ได้กลิ่นตั้งแต่เกิดเหตุ และโรงเรียนวัดปลวกเกตุ ที่อยู่ด้านหน้าไออาร์พีซี ค่าเบนซีน 0.04 พีพีเอ็ม โทลูอีน 0.001 พีพีเอ็ม ไซลีน 0.008 พีพีเอ็ม ทั้งหมดอยู่ในสภาพปกติ

...

ยังไม่พบประชาชนป่วย

ขณะที่ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงมาตรการให้ความช่วยเหลือดูแลสุขภาพประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุระเบิดในไออาร์พีซีว่า ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดระยอง จัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่จากโรงพยาบาลระยอง พร้อมด้วยแพทย์ นักวิชาการสอบสวนโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค 1 ทีมใหญ่ ลงพื้นที่เพื่อตรวจสุขภาพและดูแลด้านสภาพจิตใจประชาชนในพื้นที่ 3 ตำบลที่อยู่ใกล้บริษัทฯ ได้แก่ ต.เชิงเนิน, ต.ตะพง และต.บ้านแลง ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 50,000 คน โดยหน่วยบริการแบ่งออกเป็น 3 จุด ได้แก่โรงเรียนปลวกเกตุ ต.ตะพง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพก้นหนอง ต.บ้านแลง และที่หมู่บ้านในตำบลเชิงเนิน เพื่อประเมินผลกระทบและวางแผนการดูแลอย่างต่อเนื่องต่อไป และจากรายงานที่ได้รับ ขณะนี้ไม่มีกลิ่นสารเคมีในบรรยากาศ และยังไม่พบประชาชนเจ็บป่วย อย่างไรก็ตาม หากประชาชนสัมผัสสารเคมีที่อาจตกค้างในอากาศแล้วเกิดอาการระคายเคืองตา ผิวหนัง หรือบริเวณอื่นๆ ขอให้รีบล้างด้วยน้ำสะอาด จะช่วยบรรเทาอาการเบื้องต้นและให้พบแพทย์ ส่วนเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่เป็นโรคทางเดินหายใจอยู่แล้ว เช่น หอบหืด ภูมิแพ้ โรคถุงลมปอดโป่งพอง รวมทั้งโรคประจำตัวอื่นๆ เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน หากมีอาการผิดปกติ เช่น หายใจขัด แน่นหน้าอก ใจสั่น ขอให้ไปพบแพทย์ที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน และขอให้ติดตามข่าวและคำแนะนำการปฏิบัติตัวจากทางราชการ

สภาพจิตใจชาวบ้านยังดีอยู่

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่จากสถาบันจิตเวชศาสตร์ สมเด็จเจ้าพระยา กรมสุขภาพจิต และเจ้าหน้าที่จากสำนักส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน กรมโรงงานอุตสาหกรรม ยังได้ลงพื้นที่เพื่อสอบถามรับทราบปัญหาผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวตามชุมชนต่างๆ รอบเขตประกอบการอุตสาหกรรมไออาร์พีซี ด้วย โดยยืนยันสภาพจิตใจของชาวบ้านยังเป็นปกติไม่เกิดอาการเครียดแต่อย่างใด

...

ไม่มีแรงงานบาดเจ็บ

ด้าน นายจีรศักดิ์ สุคนธชาติ ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวภายหลังลงตรวจพื้นที่ เบื้องต้นยัง ไม่มีรางานว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต โดยบริษัทไออาร์พีซีฯมีพนักงานทั้งหมด 3,824 คน ขณะนี้ได้ส่งแรงงานจังหวัด และสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบรายละเอียดแล้ว หากพบว่ามีผู้ใช้แรงงานได้รับบาดเจ็บและผู้ประกอบการต้องการความช่วยเหลือ ตนและ ดร.อำมร เชาวลิต เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ก็พร้อมจะนำทีมแพทย์ลงพื้นที่ช่วยเหลือและแนะนำผู้ประกอบการในการดูแลแรงงานในช่วงที่ไม่มีการทำงาน

ชี้ชาวบ้านเสี่ยงรับสารพิษ

วันเดียวกัน นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เปิดเผยว่า เหตุระเบิดในโรงงานไออาร์พีซีครั้งนี้ ทำให้ชาวบ้านและชุมชนโดยรอบโรงงานตกใจหวาดผวากันเป็นจำนวนมาก เพราะมีเสียงระเบิดเกิดขึ้นหลายครั้งและมีกลุ่มควันมลพิษสีดำทะมึนโพยพุ่งออกมาจำนวนมากนั้น ทราบว่าเป็นการระเบิดและลุกไหม้ของหน่วยกำจัดกำมะถันและไนโตรเจน ของกระบวนการผลิตปิโตรเคมี ซึ่งล้วนเป็นสารอันตราย หรือสารก่อมะเร็ง ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของชาวบ้าน หากสูดดมเอามลพิษเหล่านี้เข้าไปในร่างกาย และมีผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมโดยรวมของจังหวัดระยองด้วย ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาโรงงานดังกล่าวเคยเกิดเหตุในทำนองนี้แล้วหลายต่อหลายครั้ง รวมทั้งการเกิดแฟลร์ (Flare) เป็นกลุ่มควันดำโพยพุ่งออกมาบริเวณหอเผาของปล่องไฟโรงงานอยู่บ่อยครั้ง เป็นที่หวาดผวาของชาวตำบลบ้านแลงที่อยู่ใกล้โรงงานดังกล่าวตลอดมา

เรียกร้อง คสช.สั่งปิด รง.ถาวร

นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน กล่าวอีกว่า ทว่าหน่วยงานที่กำกับดูแล เช่น อุตสาหกรรมจังหวัดระยอง อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กลับมิได้เสนอสั่งการหรือใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.โรงงาน 2535 มาตรา 37 ประกอบมาตรา 39 เพื่อสั่งปิดโรงงานดังกล่าว หรือเพิกถอนใบอนุญาตโรงงาน ดังกล่าวเลย ทั้งๆ มีความผิดเป็นรูปธรรมอย่างซ้ำซากหลายครั้งมาแล้ว ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นล่าสุดนี้หากรอให้ระบบราชการทำหน้าที่ไปตามปกติคงไม่เกิดมรรคผลในการแก้ไขปัญหาระยะยาวได้

“เห็นว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ควรที่จะใช้อำนาจที่เด็ดขาดเพื่อสร้างความสุขให้กับคนระยอง โดยเร่งสั่งการให้รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม/ปลัดกระทรวงอุต-สาหกรรม ใช้อำนาจตามมาตรา 39 วรรคสาม ของ พ.ร.บ.โรงงาน 2535 เพื่อสั่งปิดโรงงานดังกล่าวเป็นการถาวรต่อไป และต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นกับชาวบ้าน สิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรมด้วยและหากเรื่องนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังเพิกเฉย ไม่แก้ไขปัญหาตามที่กฎหมายบัญญัติ สมาคมฯจำต้องใช้สิทธิทางกฎหมายในการฟ้องร้องต่อศาลแทนชาวบ้านต่อไปแน่นอน” นายศรีสุวรรณกล่าว

วอน รง.ออกข่าวให้เร็วกันแตกตื่น