ปากปล่องภูเขาไฟบางแห่ง กลายเป็นลากูนน้ำเค็ม (Santiago)

สำหรับนักเดินทางที่แสวงหาความแปลกใหม่ และนักดำน้ำที่รื่นรมย์กับความงามของโลกใต้ทะเลแล้ว “กาลาปากอส” หนึ่งใน 10 เกาะที่ติดอันดับว่าสวยงามที่สุดในโลก น่าจะเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ฝันถึง

แน่นอนเกาะที่อยู่ไกลจากแดนดินถิ่นไทยเหลือตาขนาดนี้ กว่าจะไปพิชิตได้ก็ต้องใช้เวลาเดินทางกันอย่างสะบักสะบอม มากกว่า 24 ชั่วโมงแน่นอน

ข้อแรกที่นี่ไม่มีเครื่องบินบินตรงจากประเทศไทยหรือดินแดนไหนๆ นอกจากประเทศเอกวาดอร์ และยิ่งไปกว่านั้นเมืองที่จะมีเครื่องบินบินไปยังกาลาปากอสได้ก็มีแค่ 2 เมืองเท่านั้น คือ กีโต เมืองหลวงของเอกวาดอร์ และกวายาคิล เมืองใหญ่ที่สุดของประเทศ และยังเป็นเมืองที่มีอาชญากรรมสูงสุดของโลกด้วย

แค่คิดก็สยองเสียแล้ว แต่เอาเถอะสำหรับนักเดินทางแล้ว เมื่อมุ่งมั่นจะไปให้ถึงฝันก็ต้องลืมความลำบากและอุปสรรคที่รออยู่
หลังใช้เวลามากกว่า 35 ชั่วโมง ทั้งนั่งเครื่องบิน รอเครื่องบิน เราก็มาถึงกาลาปากอส เกาะสวรรค์ มหัศจรรย์ธรรมชาติตามที่ตั้งใจไว้

...

กาลาปากอส หมู่เกาะแห่งความอุดมสมบูรณ์ไร้กาลเวลา ตั้งอยู่กลางมหาสมุทรแปซิฟิก อยู่ห่างจากชายฝั่งที่เป็นแผ่นดินของทวีปอเมริกาใต้ประมาณ 1,000 กิโลเมตร มีเกาะใหญ่ๆถึง 6 เกาะ ไม่รวมเกาะต่างๆ โดยรอบอีกประมาณ 40 เกาะ

หนึ่งในความงดงามทางธรรมชาติของกาลาปากอส คือ ความงามจากทัศนียภาพอันหลากหลายของภูมิประเทศที่มีความแตกต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิง นอกจากจะล้อมรอบด้วยทะเลสีครามใสแล้ว บนเกาะยังมีทั้งพื้นที่แห้งแล้ง ป่าฝนสีเขียว หน้าผา ทิวเขา ปล่องภูเขาไฟ เหว หาดทรายดำที่เกิดจากลาวา เนื่องจากเกาะนี้เกิดจากการสะสมตัวของลาวาภูเขาไฟ จึงมีลานลาวาขนาดใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 100 ปี ยิ่งทำให้กาลาปากอส เป็นเกาะที่น่าสนใจและน่าค้นหาความมหัศจรรย์เหนือกาลเวลามากขึ้นไปอีก

จุดเด่นของกาลาปากอส ที่นักเดินทางต่างเดินทางมาค้นหา คือ ความเป็นธรรมชาติที่ไม่เปลี่ยนแปลงนานนับร้อยปี และชีวิตสัตว์โลกที่มีให้เห็นกันแบบจะจะ ทั้งสัตว์บนบกและใต้ทะเล อ้อ! อาจจะมีบางชนิดที่อยู่ได้ทั้งในน้ำและบนบกด้วย

และอย่างที่บอกบนเกาะนี้มีสัตว์มากมายหลากหลายชนิดกว่า 9,000 สายพันธุ์ มากกว่า 75% เป็นสัตว์ที่พบได้ที่เดียวในโลก เช่น เจ้าเต่ากระดองยักษ์กาลาปากอส ที่เมื่อโตเต็มที่จะมีน้ำหนักมากกว่า 200 กิโลกรัมเลย และที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุด เพราะพวกมันมักจะออกมาอวดโฉมให้ดูอย่างรู้หน้าที่

...

นั่นก็คือ กิ้งก่าอิกัวน่า (Iguana) ที่มีมากกว่า 300,000 ตัว บนเกาะทั้งกิ้งก่าสายพันธุ์บกอย่าง Yellow Land Iguanas ที่ชอบเคี้ยวตะบองเพชรเป็นอาหารว่าง หรือกิ้งก่าทะเลหรือกิตซิล่าดำน้ำ ที่สามารถดำน้ำได้ลึกถึง 18–25 ฟุต

เหตุผลหนึ่งที่นักธรรมชาติวิทยาบันทึกไว้ ถึงเหตุผลที่ทำไมจึงมีความหลากหลายของสัตว์นานาชนิดมากที่สุดในโลกที่เกาะนี้ ก็คือหมู่เกาะกาลาปากอส เป็นจุดที่กระแสน้ำเย็นไหลมาบรรจบกับกระแสน้ำอุ่น ดังนั้น สัตว์ทั้งที่ชอบน้ำเย็นอย่างสิงโตทะเล (Sea-lion) และนกเพนกวินก็สามารถที่จะอยู่ได้ ขณะที่สัตว์ที่ชอบน้ำอุ่นก็สามารถอยู่ได้เช่นเดียวกัน

...

นอกจากนี้ ตามเกาะต่างๆของกาลาปากอส เรายังอาจได้พบกับนกทะเลหลายชนิด เช่น นกโจรสลัด นกบูบี้ และนกอัลบาทรอส เรียกว่า มีทั้งสัตว์น้ำ สัตว์บก และแม้แต่สัตว์ที่อยู่บนฟ้า

ทริปนี้เราเลือกที่จะดำน้ำตื้นๆ ชมความงามและธรรมชาติของทั้งโลกบนทะเลและใต้ทะเลอย่างง่ายๆ ซึ่งทันทีที่เสียงกระโดดน้ำดังตูม เราก็ได้ยินเสียงบางอย่างเหมือนฝูงสัตว์กำลังว่ายน้ำเข้ามา ใช่แล้ว! มันคือ สิงโตทะเล ที่มีอยู่ไม่น้อยทั้งที่ท่าเรือและชายหาด และบางครั้งมันก็จะมาดำน้ำเล่นอยู่ไม่ไกลจากคนด้วย ซึ่งแม้มันจะดูเหมือนเชื่องแต่ก็ต้องระวังเพราะบางครั้งเราอาจจะไปทับเส้น หรือถิ่นที่อยู่ของมันโดยไม่รู้ตัวและมันก็พร้อมที่จะทำร้ายเราหากเราเข้าใกล้มากเกินไป ด้วยสัญชาตญาณการปกป้อง

...

นอกจากสิงโตทะเลแล้ว ฉลามหลากหลายชนิดก็เป็นสัตว์ที่เราจะมองเห็นได้ใกล้ๆ ไม่ว่าจะเป็นปลาฉลามหัวค้อน ปลาฉลามกาลาปากอส ปลาฉลามซิลกี้ เป็นต้น สาเหตุที่มีปลาฉลามจำนวนมากมารวมตัวกันที่นี่ นักวิชาการทางทะเลบอกว่า เพราะเกาะนี้ เป็นจุดที่เรียกว่าคลีนนิ่งสเตชั่น ที่จะมีปลาเล็กปลาน้อยอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก พวกสัตว์ทะเลขนาดใหญ่จึงเดินทางมาเพื่อให้ปลาเล็กๆ กัดกินเนื้อร้ายทำการรักษาบาดแผลต่างๆ คงคล้ายๆกับที่เราไปทำสปาปลาให้ปลาตอดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วออกนั่นละ

อีกอย่างที่ทำให้หมู่เกาะกาลาปากอสยังคงความสมบูรณ์ทางธรรมชาติไว้ได้มาก ส่วนหนึ่งมาจากการกำหนดให้ดำน้ำได้เพียงวันละ 3 ไดร์เท่านั้น เพื่อไม่ให้ธรรมชาติถูกรบกวนมากเกินไป

ครั้งหนึ่งในชีวิตของการเดินทาง แค่ได้พิชิตความฝันและสัมผัสกับความพิเศษที่เป็นของขวัญจากโลกและธรรมชาติแบบนี้ ก็คงไม่ต้องการอะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว.