อีกลูกโยนในพงหญ้าต่อวงจรพร้อมทำงาน

รอง ผบ.ตร. นำทีมตรวจจุดเกิดเหตุบึม 2 ศพ แก๊งประกอบระเบิด “ไปป์บอมบ์” ย่านมีนบุรีอีกระลอก พบ จยย.บอมบ์อีกคันจอดทิ้งริมถนนห่างไปไม่ไกล ต่อวงจรพร้อมทำงาน ตำรวจเก็บกู้ระทึกก่อนทำลายเสียงดังสนั่น ขอเวลา 1 สัปดาห์โยงที่มาที่ไปรังโจรบึมเกี่ยวข้องการเมืองหรือไม่ ทว่าผลเปรียบเทียบตรงเหตุวินาศ “สมานเมตตาแมนชั่น” ใกล้ตลาดบางบัวทองเมื่อปี 2553 สอบปากคำเจ้าของบ้านระบุชายชื่อ “อ่าว อิสระส์” มาติดต่อขอเช่าทำบริษัทรับเหมาติดตั้งโทรศัพท์วางมัดจำล่วงหน้า 35,000 บาท พยานเห็นคนเข้าออกนับสิบ มีรถตู้คอยรับส่ง คาดดีเดย์วางป่วนเมื่อคืนวันที่ 29 มี.ค. ดันพลาดแผนพังพากันหนีกระเจิง ด้าน “เฉลิม” ออกตัวแค่ฝีมือพวกคึกคะนอง ขณะที่ “ถาวร” โยนนักการเมืองฝั่งตรงข้ามอยู่เบื้องหลัง

คดีระเบิดบริเวณลานจอดรถใกล้ปากซอยราษฎร์อุทิศ 25 แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี กทม.คืนวันที่ 29 มี.ค. ส่งผลให้นายบุญเลื่อน ปิ่นตา อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 57/3 หมู่ 2 ต.ท่าทราย อ.ร้องกวาง จ.แพร่ และนายเกรียงไกร สินอำนวย อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3/518 หมู่ 14 อ.เมืองขอนแก่น ร่างแหลกตายคาที่ มีรถ จยย.ที่ทั้งคู่ขี่มาด้วยกันล้มตะแคงพร้อมระเบิดแสวงเครื่องแบบไปป์บอมบ์จุดชนวนด้วยการตั้งเวลายังไม่ระเบิดอีก 1 ลูก ตำรวจขยายผลแทบตะลึงเมื่อเจอโกดังประกอบบึมขนาดย่อมอยู่ในบ้านเช่า 2 ชั้น เลขที่ 49/1 หมู่ที่ 8 ห่างจุดเกิดเหตุประมาณ 10 เมตร มีเพื่อนร่วมแก๊งอีกหลายคนหลบหนีขึ้นรถตู้ในทันทีเหยื่อระเบิดพลาดท่าทำบึมใส่ตัวเอง

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 30 มี.ค. พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ต.สุคุณ พรหมายน ผบก.น.3 พ.ต.อ.เอก เอกศาสตร์ รอง ผบก.น.3 พ.ต.อ.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล รอง ผบก.น.3 พ.ต.อ.ภิรมย์ สวนทอง ผกก.สส.บก.น. 3 พ.ต.อ.กัญชล อินทราราม ผกก.สน.มีนบุรี พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ ผกก.กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์ระเบิด บก.สปพ. และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ได้เดินทางมาตรวจจุดเกิดเหตุระเบิดอีกครั้งทั่วบริเวณลานดินพื้นที่ว่างเปล่าที่เตรียมจะก่อสร้างสถานศึกษาตอลีบุ้ลอิสลาม ถนนราษฎร์อุทิศ ใกล้ซอยราษฎร์อุทิศ 25 แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี กทม. ระหว่างกำลังเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน ปรากฏมีรายงานพบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิดแสวงเครื่องซุกรถ จยย.ลักษณะเดียวกันจอดใกล้ร้านห้างหุ้นส่วนจำกัด ซิดนีย์ อินเตอร์กล๊าส ประกอบกิจการติดตั้งกระจก ตั้งอยู่เลขที่ 120 ปากซอยราษฎร์อุทิศ 12 อยู่ห่างจากจุดระเบิดคืนวันที่ 29 มี.ค. ประมาณ 2 กม. ทำให้ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. กับพวกต้องถอนกำลังรุดไปยังสถานที่รับแจ้งเหตุล่าสุดพบรถ จยย.ฮอนด้า รุ่นคลิก สีแดงดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ติดตั้งระเบิดแสวง เครื่องชนิดไปป์บอมบ์ทำจากท่อเหล็กอัดดินระเบิด เส้นผ่าศูนย์กลาง ประมาณ 4 นิ้ว ยาว 10 นิ้ว ต่อวงจรอิเล็กทรอนิกส์พร้อมทำงานซุกใต้เบาะที่นั่ง และยังพบระเบิดชนิดเดียวกันอีกลูก ใส่ถุงพลาสติกทิ้งอยู่ในพงหญ้า ห่างจากรถ จยย.บอมบ์ประมาณ 10 เมตร

เจ้าหน้าที่ได้ปิดการจราจรและกันพื้นที่ให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องออกห่างจากรัศมีอานุภาพของแรงบึมเป็นระยะทางกว่า 500 เมตร เพื่อความปลอดภัย ก่อนใช้หุ่นยนต์เก็บกู้ระเบิดยิงปืนแรงดันน้ำทำลายวงจรปลดระเบิดท่ามกลางความโล่งอกของชาวบ้าน ถึงกระนั้นก็ตาม หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดได้นำระเบิดที่พบทั้ง 2 ลูกไปทำลายทิ้งบริเวณลานดินพื้นที่ว่างที่พบระเบิดเมื่อคืนวันที่ 29 มี.ค.จนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวเล่นเอาผู้คนละแวกนั้นแตกตื่นเล็กน้อย สอบสวนพยานทราบว่า หลังจากเกิดเหตุระเบิดเมื่อตอนกลางคืน มีคนร้ายเป็นชายขี่รถ จยย.มาจอดทิ้งไว้พร้อมโยนถุงระเบิดไปในพงหญ้าก่อนจะมีรถตู้วิ่งมารับหลบหนี

พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ ผกก.กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์ระเบิด บก.สปพ. เปิดเผยว่า ระเบิดที่พบทั้งหมดรวม 9 ลูก เป็นระเบิดแสวงเครื่อง ชนิด ไปป์บอมบ์ ทำจากท่อนเหล็กตัดยาว ประมาณ 10 นิ้ว เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 4 นิ้ว อัดดินระเบิดปิดหัวท้ายต่อวงจรอิเล็กทรอนิกส์ใช้ถ่านก้อนขนาด 9 โวลต์ มีสายไฟฟ้าโผล่ออกมา โดยอาจจะไปต่อกับโทรศัพท์มือถือ หรือนาฬิกาเพื่อตั้งเวลาจุดระเบิด เหตุที่ระเบิดและทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย อาจเกิดจากการผิดพลาดการต่อวงจรอิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่สมบูรณ์ หรืออาจเกิดจากความร้อน และเสียดสีจากพื้นถนนที่ขรุขระจนระเบิดทำงานเอง

ด้าน พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร.ให้สัมภาษณ์ว่า ตามแนวทางการสืบสวนทราบว่า กลุ่มคนร้ายมีประมาณ 10 คน มาเช่าบ้านตั้งแต่เมื่อวันที่ 8 มี.ค. ที่ผ่านมา คาดว่าใช้เป็นแหล่งประกอบระเบิด แต่เมื่อเกิดการผิดพลาดระเบิดขึ้นจนมีคนตาย มีพยานเห็นชาย 3 คน นั่งรถตู้ออกจากจุดเกิดเหตุ และยังมีชายอีกประมาณ 3-4 คน เก็บวัสดุอุปกรณ์และชิ้นส่วนประกอบระเบิดรวมถึงพยานหลักฐานหลายอย่างออกมาจากบ้านเช่าเรียกรถแท็กซี่ออกตามรถตู้ไปอย่างรีบร้อน เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบ คาดว่าน่าจะไม่เกิน 1 สัปดาห์ คงจะรู้ที่มาที่ไปว่าเหตุการณ์นี้จะเกี่ยวข้องกับการเมืองและระเบิดรายวันที่เกิดขึ้นใน กทม.อยู่ในขณะนี้หรือไม่

ต่อมา พนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี นำนางกิ่งแก้ว กองเพชร อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 888 ถนนสายไหม แขวงและเขตสายไหม กทม. เจ้าของบ้านเช่ามาสอบปากคำ ระบุว่า ผู้ที่มาเช่าชื่อนายอ่าว อิสระส์ อายุประมาณ 45 ปี อ้างจะเอาบ้านทำเป็นบริษัทรับเหมาติดตั้งโทรศัพท์ ค่าเช่าเดือนละ 7,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา แต่ไม่ได้นำเอกสารบัตรประชาชนมาให้แล้วมอบเงินมัดจำกับค่าเช่าล่วงหน้าไว้ 35,000 บาท จากนั้นนางกิ่งแก้วก็ไม่ได้มาดูบ้านอีกเลยกระทั่งเกิดเหตุขึ้น

นอกจากนี้ ตำรวจยังได้พยานแวดล้อมเพิ่มเติมเห็นความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนในบ้านว่า มีชายประมาณ 5-6 คน ผู้หญิง 1 คน ใช้ยานพาหนะรถ จยย. และรถตู้สีขาว เข้าออกตลอดเวลา แต่ไม่มีใครสนใจมากนัก เนื่องจากเป็นบ้านหลังเดียวในย่านนั้นที่เจ้าของบ้านนับถือศาสนาพุทธ ส่วนเพื่อนบ้านที่เป็นชุมชนนับถืออิสลามกันหมด เบื้องต้น พนักงานสอบสวนเตรียมรวบรวมข้อมูลเพื่อขอศาลอนุมัติออกหมายจับนายอ่าว อิสระส์ ผู้ที่มาขอเช่าบ้านประกอบระเบิด ในข้อหาร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในความครอบครอง

มีรายงานว่า ระเบิดชนิดที่พบกลุ่มงานเก็บกู้และตรวจสอบวัตถุระเบิด บก.สปพ.ได้พยายามนำไปตรวจเปรียบเทียบกับบึมป่วนกรุงหลายแห่งที่เกิดขึ้นถี่ยิบในเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา โดยเฉพาะคาร์บอมบ์ที่พบจอดทิ้งริมถนนในซอยแจ้งวัฒนะ 13 ใกล้เวทีชุมนุมของพุทธอิสระเพียงแค่ 100 เมตร

แต่ยังไม่ตรงกัน ทว่ากลับเป็นลักษณะที่พบในเหตุระเบิดอาคารสมานเมตตาแมนชั่น ใกล้ตลาดบางบัวทอง จ.นนทบุรี เมื่อเดือน ต.ค.2553 ที่คนร้ายใช้เป็นรังประกอบระเบิดเช่นกันก่อนเกิดความผิดพลาดตูมสนั่นจนมีผู้เสียชีวิตรวม 4 ราย แต่สุดท้ายไม่สามารถคลี่คลายสาวถึงต้นตอของขบวนการที่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองสมัยนั้น

ขณะที่แนวทางการสืบสวนของ บก.สส.บช.น. และ กก.สส.บก.น.3 กำลังเร่งตรวจสอบประวัติผู้ตายทั้ง 2 คนเพื่อแกะรอยผู้ร่วมขบวนการประกอบระเบิดลอตมหึมาชานกรุงครั้งนี้ว่า มีวัตถุประสงค์ไปก่อเหตุป่วนสถานที่แห่งใด และเชื่อว่าระเบิดทั้งหมดที่ประกอบเรียบร้อยเตรียมทำเป็น จยย.บอมบ์สร้างสถานการณ์นั้นน่าจะกำหนดดีเดย์ตามแผนปฏิบัติการของกลุ่มผู้ไม่หวังดีเมื่อคืนวันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมา แต่คนร้ายพลาดท่าทำบึมเองเสียก่อน เพื่อนร่วมแก๊งที่เหลือจึงพากันหนีกระเจิง

ที่หน่วยเลือกตั้งที่ 7-15 โรงเรียนวัดบางบอน เขตบางบอน วันเดียวกัน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในฐานะ ผอ.ศอ.รส.กล่าวถึงเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นว่า เป็นฝีมือของคนที่มีความคึกคะนองพกระเบิดมา 2 ลูกแล้วเกิดทำงานขึ้นเป็นเหตุให้ถึงแก่ชีวิต ไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่างแก่ประชาชนคนทั่วไป

โดย ศอ.รส.ไม่สามารถที่จะห้ามปรามได้ ใครกระทำผิดต้องจับกุม ไม่มีละเว้น แต่คดีนี้ผู้ครอบครองระเบิดเสียชีวิตจึงไม่ต้องติดตามจับกุมใคร แต่ยังต้องสืบสวนถึงที่มาของระเบิดที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้ พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่เพิ่มความรัดกุมในการตั้งจุดตรวจค้นและจับกุมผู้พกพาอาวุธให้มากขึ้น

ส่วนนายถาวร เสนเนียม แกนนำ กปปส. แสดงความเห็นว่า เรื่องที่เกิดขึ้น กปปส. ติดตามอยู่ เพราะทราบตั้งแต่คืนวันที่ 28 มี.ค.ว่าจะมีการดำเนินการให้เกิดความสูญเสียกับมวลมหาประชาชนทั้งในการเดินขบวนและที่เวทีปราศรัย หากพร้อมกระทำได้เมื่อใดก็จะดำเนินการทันที ขณะนี้ระเบิดยังมีอีก ทำให้ต้องระมัดระวังมากขึ้น เหตุที่เกิดขึ้นมีความเชื่อมโยงกับนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามกับ กปปส. ตอนนี้รู้ตัวแล้ว ฝ่ายที่จ้องจะดำเนินการเตรียมการเต็มที่อยู่แล้ว แม้เป็นเรื่องไม่สมควรเกิดขึ้นจากฝ่ายที่มีอำนาจ แต่กลับมีการรับสมัครกองกำลังเพื่อมาประหารฝ่ายตรงข้าม ตนจึงขอให้หยุดการกระทำดังกล่าวด้วย

...