"กรมอนามัย" เผย เมนูไข่มดแดงกำลังเป็นที่นิยมในช่วงนี้ เพราะอยู่ในช่วงฤดูกาล เน้นปรุงสุกทุกครั้งก่อนนำมารับประทาน เพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อการเกิดโรคอุจจาระร่วง...

เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 57 ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ช่วงนี้เป็นฤดูกาลที่เมนูไข่มดแดง กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะหาซื้อได้ตามท้องตลาด และบางพื้นที่ยังสามารถสอยไข่มดแดงมาปรุงประกอบได้เอง ไม่ว่าจะเป็นเมนูแกงผักหวานไข่มดแดง ต้มยำปลาช่อนไข่มดแดง แกงขี้เหล็กไข่มดแดง ห่อหมกไข่มดแดง ไข่เจียวไข่มดแดง หรือยำไข่มดแดง ซึ่งไข่มดแดงถือเป็นเมนูที่มีคุณค่าทางโภชนาการเพราะมีโปรตีนสูง โดยในไข่มดแดง 100 กรัม หรือประมาณ 6 ช้อนกินข้าว จะมีโปรตีนสูงถึง 8.2 กรัม แถมไข่มดแดงยังมีไขมันและแคลอรีน้อยกว่าเมื่อเทียบกับไข่ไก่ เพราะไข่มดแดงมีไขมันเพียง 2.6 กรัม ในขณะที่ไข่ไก่มีไขมันมากถึง 11.7 กรัม สำหรับปริมาณกิโลแคลอรีในไข่มดแดงให้พลังงาน 86 กิโลแคลอรี ในขณะที่ไข่ไก่ให้พลังงานถึง 155 กิโลแคลอรี เมื่อเทียบคุณค่าทางโภชนาการในปริมาณ 100 กรัมเท่ากัน

นอกจากไข่มดแดงจะเป็นเมนูที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะมีคุณค่าทางโภชนาการแล้ว วิธีการนำไข่มดแดงมาปรุงประกอบให้สะอาด ปลอดภัยก็เป็นสิ่งสำคัญ โดยต้องล้างก่อนนำมาปรุงประกอบอาหาร และต้มหรือลวกให้สุกทุกครั้ง ไม่ควรกินแบบสุกๆ ดิบๆ เพราะอาจปนเปื้อนเชื้อโรค สำหรับวัตถุดิบที่นิยมนำมาปรุงประกอบกับไข่มดแดง มักจะเป็นผักพื้นบ้านจะต้องล้างทำความสะอาด เพื่อลดการปนเปื้อนจากเชื้อโรคและพยาธิ สารพิษ หรือยาฆ่าแมลงเช่นเดียวกัน โดยการล้างอย่างน้อย 3 น้ำ ดังนี้

1.ล้างด้วยน้ำสะอาดหลายๆ ครั้ง หรือล้างด้วยการเปิดน้ำไหลผ่านผักสดอย่างน้อย 2 นาที
2.ใช้สารละลายอื่นๆ ในการล้าง หรือแช่นานประมาณ 2-10 นาที อาทิ น้ำเกลือ หรือใช้น้ำส้มสายชู หรือใช้โซเดียม ไบคาร์บอเนต (เบคกิ้งโซดา หรือผงฟู)
3.นำมาล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีสารพิษตกค้าง และไม่ควรใช้อุปกรณ์ประกอบอาหาร เช่น เขียงหรือมีดร่วมกันระหว่างอาหารสุกและอาหารดิบ

...

"ทั้งนี้ การรับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่จะมีความสะอาด ปลอดภัย แต่ถ้าต้องเก็บอาหารไว้รับประทานมื้อต่อไป ต้องใส่กล่อง หรือเก็บในถุงให้มิดชิด และไม่ควรทิ้งไว้เกิน 2-4 ชั่วโมง หากนานกว่านั้นต้องเก็บไว้ในตู้เย็น และก่อนนำมารับประทานต้องอุ่นให้ร้อนอย่างทั่วถึงนาน 5-10 นาที สำหรับอาหารประเภทยำ ไม่ควรเก็บไว้ค้างมื้อโดยเด็ดขาด เพราะบูดเสียได้ง่ายทำให้ผู้บริโภคเสี่ยงต่อการปวดท้องและโรคอุจจาระร่วงได้” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว.