กรมอนามัยเผยกินลูกพลับ มะละกอ สับปะรด และผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวขณะท้องว่าง มีผลทำให้ระคายเคืองในกระเพาะอาหาร แนะให้กินในช่วงเวลาที่เหมาะสมจะช่วยควบคุมน้ำหนักได้...

เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 57 ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวถึงมีประเด็นที่มีคำแนะนำให้กินผลไม้ก่อนอาหารจะช่วยให้ร่างกายการดูดซึมสารต่างๆ ในผลไม้ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีงานวิจัยที่เป็นหลักฐานสนับสนุนที่ชัดเจนว่าการกินผลไม้ตอนท้องว่างจะช่วยในการดูดซึมได้ดีขึ้น มีเพียงข้อแนะนำในการเลือกกินผลไม้ให้เหมาะสม เพราะผลไม้บางชนิดก็ไม่ควรกินตอนท้องว่าง เช่น ลูกพลับ เพราะกระเพาะอาหารจะหลั่งกรดออกมามาก หากไปรวมตัวกับยางและสารแขวนลอยในลูกพลับแล้วจะทำให้คลื่นไส้ และระคายเคืองในกระเพาะอาหาร มะละกอไม่ควรกินตอนท้องว่างเพราะเป็นผลไม้ที่มีเอนไซม์มาก สับปะรด ส้ม มะนาว มีรสชาติเปรี้ยวทำให้เกิดการระคายเคืองในกระเพาะอาหารได้ แต่ถ้าจะกินก่อนกินอาหารแค่ 2-3 ชิ้นเล็ก ๆ ก็พอจะกินได้ แต่ควรล้างให้สะอาดก่อนทุกครั้งเพื่อเป็นการลดสารเคมีตกค้าง

การกินผลไม้ให้ได้คุณค่าแต่ละครั้งควรคำนึงถึงปริมาณที่เพียงพอมากกว่าช่วงเวลา โดยในหนึ่งวันควรกินผลไม้ให้ได้มื้อละ 1-2 ส่วนตามแต่ละประเภท เช่น มะละกอสุก 6 ชิ้นพอคำ เงาะ 4 ผล ฝรั่งครึ่งผล สับปะรด 6 ชิ้นพอคำ กล้วยน้ำว้า 1 ผล ชมพู่ 2 ผลขนาดใหญ่ มังคุด 4 ผลขนาดกลาง ส้มสายน้ำผึ้ง 1 ผล เป็นต้น ซึ่งจากรายงานทางคลินิกและระบาดวิทยาพบว่า การกินผลไม้เป็นประจำสามารถลดความเสี่ยงของการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด ความดันโลหิตสูง เบาหวาน และป้องกันมะเร็งบางชนิด รวมทั้งทำให้ระบบขับถ่ายปกติและช่วยควบคุมน้ำหนัก เนื่องจากในผลไม้มีใยอาหารชนิดที่ละลายน้ำ เมื่อกินเข้าไปจะเกิดการพองตัวเป็นเจลแทนพื้นที่บางส่วนในกระเพาะอาหารทำให้รู้สึกอิ่ม อีกทั้งยังกักน้ำตาลและคอเลสเตอรอล จึงลดการดูดซึม ดังนั้นเมื่อกินผลไม้ตอนท้องว่างทำให้รู้สึกอิ่มส่งผลให้กินอาหารมื้อหลัก หลังจากนั้นในปริมาณที่ลดลงตามไปด้วย

"นอกจากนี้ ในผลไม้ยังมีใยอาหารชนิดที่ไม่ละลายน้ำช่วยให้ระบบทางเดินอาหารทำงานได้ดีขึ้น ช่วยเร่งให้อาหารที่กินเข้าไปผ่านไปตามทางเดินอาหารได้เร็วขึ้น ทำให้ขับถ่ายได้เร็ว ช่วยลดการดูดซึมหรือสัมผัสสารมะเร็งที่ปนเปื้อนเข้ามาและเพิ่มมวลอุจจาระ ลดปัญหาท้องผูก ทั้งนี้ควรกินผลไม้ให้หลากหลายสลับกันไปเพื่อให้ร่างกายได้รับสารต่าง ๆ ที่มีประโยชน์อย่างสมดุล” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว.

...