วันนี้เป็นวันมงคลยิ่ง ตรงกับ “วันมาฆบูชา”  วันสำคัญทางพุทธศาสนาที่รัฐบาลประกาศให้เป็น “วันกตัญญูแห่งชาติ” มาตั้งแต่ปี 2549 เป็น “วันวาเลนไทน์–วันแห่งความรัก” กรมการศาสนาจึงร่วมกับวัดจัดกิจกรรม สัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนและเยาวชนเข้าวัดเพื่อทำบุญทำความดีให้เป็น “วันแห่งความรักที่บริสุทธิ์”  แทนที่จะเป็น “วันแห่งการเสียสาว”  ของวัยรุ่นสมัยใหม่

วันนี้ผมก็หวังว่า พลังแห่งความรักอันบริสุทธิ์ ของ พุทธศาสนา และ คริสต์ศาสนา จะดลใจ คุณทักษิณ ชินวัตร คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ให้ “แบ่งปันความรักให้กับประเทศมากๆ” หันหน้ามาคุยกันให้รู้เรื่อง ประเทศชาติและประชาชนจะได้อยู่เย็นเป็นสุข

วันมาฆบูชา เป็นการบูชาในวันเพ็ญเดือน 3 เพื่อรำลึกถึงวันที่ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประทาน “โอวาทปาติโมกข์” หลักคำสอนสำคัญที่เป็น “หัวใจของพระพุทธศาสนา” แก่ที่ประชุมพระสงฆ์อรหันต์ 1,250 องค์ที่มาประชุมพร้อมเพรียงกันโดยมิได้นัดหมายกัน เพื่อวางหลักการ อุดมการณ์ และวิธีการเข้าถึงสัจธรรม

โอวาทปาติโมกข์ หรือ หัวใจพุทธศาสนา ประกอบด้วยพุทธคาถา 3 ส่วน คือ อุดมการณ์ 4 หลักการ 3 และ วิธีการ 6 ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

พุทธคาถาส่วนที่ 1 คือ อุดมการณ์ 4  ซึ่งเป็นอุดมการณ์ของพุทธศาสนาประกอบด้วย 1.ความอดทนอดกลั้นต่อสิ่งยั่วยุต่างๆที่มากระทบ 2.การมุ่งให้ถึงนิพพานอันเป็นเป้าหมายหลักของผู้ออกบวช 3.การไม่ประทุษร้ายต่อผู้อื่นไม่ว่าทางกายหรือทางใจ 4.การไม่เบียดเบียนผู้อื่นให้เดือดร้อนด้วยความโลภโกรธหลง

สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช พูดถึงอุดมการณ์ 4 ว่า หากมนุษย์อยู่ร่วมกันด้วยความอดทนอดกลั้น รู้จักให้อภัย มีจิตใจเยือกเย็น สุขุม รอบคอบ ไม่ทำร้ายกัน ไม่เบียดเบียนกัน สังคมก็จะมีความสุข อยู่กันด้วยความรักสามัคคี วันมาฆบูชา จึงเป็นวันแห่งความรักของชาวพุทธที่มีต่อมวลมนุษยชาติและสรรพชีวิต ด้วยความตระหนักในคุณค่าของกันและกัน

พุทธคาถาส่วนที่ 2 คือ หลักการ 3 ที่เป็นหัวใจของพระพุทธศาสนาในการเข้าถึงจุดมุ่งหมายของพระพุทธศาสนา ที่พุทธบริษัทพึงปฏิบัติ ประกอบด้วย 1.การไม่ทำบาปทั้งปวง 2.การทำกุศลให้ถึงพร้อม 3.การทำจิตใจให้บริสุทธิ์ ซึ่งก็คือหลักของศีล สมาธิ และปัญญา นั่นเอง

พุทธคาถาส่วนที่ 3 คือ วิธีการ 6 เพื่อให้พระอรหันต์ 1,250องค์ที่จะเป็นพระธรรมทูตออกไปเผยแผ่พุทธศาสนา ให้มีวิธีการสอนในแนวทางเดียวกัน ประกอบด้วย

1.การไม่กล่าวร้าย (เผยแผ่ศาสนาด้วยการไม่กล่าวร้ายโจมตีดูถูกความเชื่อของผู้อื่น)

2.การไม่ทำร้าย (เผยแผ่ศาสนาด้วยการไม่ใช้กำลังบังคับข่มขู่ด้วยวิธีการต่างๆ)

3.ความสำรวมในปาติโมกข์ (รักษาความประพฤติให้น่าเลื่อมใส)

4.ความเป็นผู้รู้จักประมาณในอาหาร (เสพปัจจัยสี่อย่างรู้ประมาณพอเพียง)

5.ที่นั่งนอนอันสงัด (สันโดษไม่คลุกคลีด้วยหมู่คณะ)

6.ความเพียรในอธิจิต (พัฒนาจิตใจเสมอ ไม่ใช่เอาแต่สอนแต่ตนเองไม่ทำตามที่สอน)

วิธีการเผยแผ่พุทธศาสนา 6 ข้อนี้ ผมว่าถ้าตัดข้อที่ 5 เรื่องสันโดษออกไป อีก 5 ข้อ สามารถนำมาใช้กับ “การเมืองไทย” ได้อย่างสบาย โดยเฉพาะ “นักการเมือง” ทั้งเรื่อง การกล่าวร้าย ข่มขู่ ไม่รู้จักสำรวม โลภโมโทสันทุจริตคอร์รัปชัน ไม่รู้จักประมาณตนและพอเพียง

สังคมไทย และ นักการเมืองไทย ถ้านำเอา “โอวาทปาติโมกข์” ชุดนี้ไปปฏิบัติ ผมเชื่อว่า ทุกคนจะเป็นที่รักของทุกคน  จะไม่มีใครเกลียดชังใคร กล่าวร้ายใคร ทำร้ายใคร บ้านเมืองไทยก็จะมีแต่ความสุขความเจริญเหมือนอยู่สวรรค์ชั้นฟ้าเลยทีเดียว.

...

“ลม เปลี่ยนทิศ”