"แคนนอน" เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ "มิกซ์ เรียลลิตี้" ช่วยพัฒนางานออกแบบและโยงโลกเสมือนเข้ากับสภาพแวดล้อมจริง ผ่านการแสดงเป็นภาพสามมิติในขนาดเท่าของจริงให้ผู้ใช้ที่สวม...
นายฮิเดซาโตะ โคดามะ ประธานบริษัท แคนนอน ไอที โซลูชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันวงจรอายุผลิตภัณฑ์ทุกชนิดมีแนวโน้มสั้นลง จึงเป็นเรื่องสำคัญที่อุตสาหกรรมการผลิตจะต้องสามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์เข้าสู่ตลาดได้อย่างเหมาะสมและทันเวลา ล่าสุด บริษัทได้พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ที่เรียกว่าระบบมิกซ์ เรียลลิตี้ (Mixed Reality : MR System) เพื่อทำให้ผู้ใช้มองเห็นภาพ CG (Computer-generated) รวมเข้ากับสภาพแวดล้อมจริง แม้จะอยู่ในตำแหน่งหรือกำลังเคลื่อนที่ในทิศทางใดก็สามารถเห็นเป็นภาพสามมิติเท่าจริงและตอบโต้กับผู้ใช้ได้จากทุกมุมมอง ช่วยให้ผู้ใช้สามารถประเมินผลงานการออกแบบและประสิทธิภาพการใช้งานของผลิตภัณฑ์ ช่วยลดจำนวนการสร้างผลิตภัณฑ์ต้นแบบ และประหยัดเวลาในขั้นตอนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ทั้งยังลดต้นทุนและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์
ประธานบริษัท แคนนอน ไอที โซลูชั่นส์ (ประเทศไทย) กล่าวอีกว่า บริษัทเลือกเปิดตัวระบบ MR System ในประเทศไทยเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากมีลูกค้ากลุ่มเป้าหมายคือกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมการผลิต ซึ่งประเทศไทยเป็นฐานผลิตที่ใหญ่และมีศักยภาพแห่งหนึ่งของเอเชีย โดยระบบ MR System จะอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของบริษัท แคนนอน ไอที โซลูชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวแทนจำหน่ายและพัฒนา สำหรับราคาระบบ MR System จะแตกต่างกันไปตามองค์ประกอบและความซับซ้อนของระบบ โดยจะมีการออกแบบโปรแกรมตามความต้องการและลักษณะการใช้งานของลูกค้าแต่ละรายโดยเฉพาะ ซึ่งแคนนอนและลูกค้าจะออกแบบและพัฒนาโปรแกรมไปพร้อมกัน
...
สำหรับระบบมิกซ์ เรียลลิตี้ คือ เทคโนโลยีการประมวลผลภาพที่สามารถรวมโลกจริงและโลกเสมือนเข้าได้ด้วยกัน จนเกิดเป็นภาพที่มีรายละเอียดชัดเจนของสภาพแวดล้อมจริงรวมกับภาพ CG ที่สามารถสร้างและเปลี่ยนแปลงได้ตามต้องการ จึงมอบประสบการณ์การสร้างสรรค์ภาพที่ก้าวล้ำไปกว่าเทคโนโลยี VR (Virtual Reality) ที่ทำได้เพียงการสร้างภาพสภาพแวดล้อมโดยใช้ CG เท่านั้น ทั้งนี้ยังแตกต่างจากเทคโนโลยี AR (Augmented Reality) ที่ปัจจุบันใช้อยู่ในวงการเกมส์ โฆษณาและแอพพลิเคชั่นต่างๆ เนื่องจากภาพที่เกิดจาก AR จะเป็นการวางซ้อนภาพ CG บนสภาพแวดล้อมจริงเท่านั้น แต่ภาพจากระบบ MR System จะทำให้ผู้ใช้มองเห็นภาพ CG ขนาดเท่าของจริงในสภาพแวดล้อมจริงจากทุกมุมมองได้อย่างไร้รอยต่อ ทำให้ผู้ใช้รู้สึกเหมือนกับภาพ CG นั้นมีอยู่จริง ขณะเดียวกันก็สามารถออกแบบให้ผู้ใช้โต้ตอบกับภาพเสมือนได้ โดยจะมีไม้เซ็นเซอร์ใช้ถือเพื่อรับการเคลื่อนไหวของมือ และเลือกชิ้นส่วนที่ต้องการโต้ตอบได้ตามโปรแกรมที่ตั้งเอาไว้
ทั้งนี้ การทำงานของระบบ MR System เริ่มจากกล้องวิดีโอสองตัวที่ติดอยู่บน Head-Mounted Display (HMD) หรืออุปกรณ์แสดงภาพที่ผู้ใช้ต้องสวมครอบอยู่บนศีรษะ กล้องวิดีโอสองตัวนี้จะอยู่ที่ด้านหน้าทำหน้าที่จับภาพจริงที่ตามองเห็นเพื่อส่งไปยังคอมพิวเตอร์ ณ ตำแหน่งที่กำหนดให้มีภาพ CG เกิดขึ้นจะมีเครื่องหมายในกรอบสี่เหลี่ยมวางอยู่ตามจุด โดยระบบจะคำนวณและวัดตำแหน่งของผู้ใช้จากเครื่องหมายที่กล้องดังกล่าวจับภาพได้ รวมกับข้อมูลตำแหน่งของผู้ใช้จากเซ็นเซอร์ที่ติดอยู่บน HMD ซึ่งระบบจะทำการจัดเรียงตำแหน่งและแสดงภาพจริงรวมเข้ากับภาพเสมือนบนจอขนาดเล็กใน HMD ภาพที่แสดงอยู่บนจอขนาดเล็กนั้นจะถูกขยายให้ชัดเจนขึ้นด้วยปริซึมทรงอิสระ (Free-form Prism) ที่สามารถเปลี่ยนรูปทรงได้ ทำให้ผู้ใช้ได้สัมผัสกับภาพสามมิติที่มีความคมชัดและมีขนาดสมจริงมากที่สุด.