ต้นฉบับวันนี้เขียนในช่วงบ่ายของวันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม 2556 อันเป็นวันแรกของการถวายอาลัยไว้ทุกข์ เนื่องในการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เมื่อเวลา 19.30 น. ของวันพฤหัสบดีที่ 24 ตุลาคม 2556 ณ โรงพยาบาล จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
ต่อมา สำนักนายกรัฐมนตรีได้ออกประกาศแจ้งให้ข้าราชการไว้ทุกข์ ถวายความอาลัยเป็นเวลา 15 วัน และให้สถานที่ราชการลดธงครึ่งเสาเป็นเวลา 3 วัน ส่วนประชาชนทั่วไปนั้น แม้ทางสำนักนายกรัฐมนตรีจะมิได้แจ้งขอร้องไว้ แต่ทุกคนก็พร้อมใจกันแต่งกายไว้ทุกข์ ถวายความอาลัยเป็นเวลา 15 วัน เช่นเดียวกับข้าราชการทั่วประเทศ
รวมทั้งผู้เขียนคอลัมน์นี้ ซึ่งเคารพนับถือและศรัทธาในพระจริยวัตร และคำเทศนา ของสมเด็จพระญาณสังวรฯ เป็นอย่างยิ่ง จึงขอร่วมถวายความอาลัย ด้วยการงดเว้นที่จะเขียนถึง เรื่องราวสนุกสนานไว้สัปดาห์หนึ่ง
ประกอบกับได้รับหนังสือ ชื่อ “คมธรรมคำชีวิต” ของ สมเด็จพระสังฆราช ที่จัดพิมพ์ โดยสำนักพิมพ์มติชน เนื่องในวาระ 100 ปี สมเด็จพระสังฆราชแห่งสยาม สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เมื่อ 2-3 สัปดาห์ก่อน อันเป็นหนังสือที่รวบรวม 100 ข้อธรรมะของพระองค์ท่านไว้เป็นรูปเล่มสะดวกแก่การอ่านและค้นคว้า
จึงใคร่ถือโอกาสนี้คัดลอก “คมธรรม” หรือที่สำนักพิมพ์มติชนใช้คำว่า “วลีทอง” ของเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช มาสู่กันอ่านอีกครั้ง เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระองค์ท่าน และเมื่อน้อมนำวลีทองเหล่านี้ไปปฏิบัติอันจะมีผล ทำให้ผู้ปฏิบัติประสบความสุข ความเจริญ ทั้งทางโลกและทางธรรมควบคู่กันไป
ขอเริ่มด้วยถ้อยคำที่วางเรียงอยู่ ณ ปกหลังของหนังสือ ความว่า “คนรวยที่ไม่รู้จักพอ ก็เป็นคนจนอยู่ตลอดเวลา คนจนที่รู้จักพอก็เป็นคนมั่งมีอยู่ตลอดเวลา”
ส่วนวลีทองอื่นๆ รวมทั้งสิ้น 100 ข้อ คงไม่สามารถคัดลอกได้ทั้งหมด ขออนุญาตคัดลอกเพียงบางประโยค บางธรรมะมาเป็นตัวอย่างดังต่อไปนี้
“คนโดยมากพากันประมาทเหมือนอย่างว่าไม่แก่ไม่ตาย น่าจะนึกถึงความแก่ความตายกันบ้าง เพื่อจะได้ลดความมัวเมาและทำความดี”
“การชนะนั้น ท่านมุ่งให้เอาชนะตนเอง คือชนะจิตใจที่ใฝ่ชั่วของตน เพื่อที่จะรักษาและเพิ่มพูนความดีของตนให้ดียิ่งๆขึ้น”
“ความเคารพในธรรม ทำให้คนเป็นคน คนที่รู้มาก แต่ใช้ความรู้นั้นช่วยตนเองไม่ได้ เพราะขาดความเคารพในธรรม”
“พุทธศาสนาสอนให้เข้าใจเรื่องกรรม ไม่ใช่ให้คนกลัวกรรม หรืออยู่ใต้อำนาจกรรม แต่เพื่อให้ควบคุมกรรมในปัจจุบันของตน...คนที่มีอำนาจเหนือกรรม คือคนที่ควบคุมจิตเจตนาของตนได้ และตั้งมั่นแน่วแน่อยู่ในธรรม”
“ทรัพย์ของคนตระหนี่นั้น แม้จะมีมากก็เหมือนไม่มี เพราะไม่เกิดประโยชน์แก่ตนและผู้อื่น”
“วิธีชนะโดยไม่เบียดเบียนใคร เป็นความดีชั้นตรี การชนะที่เกื้อกูลเขาด้วย เป็นความดีชั้นโท การชนะความชั่วของตัวเอง เป็นความดีชั้นเอก”
“คนทำชั่ว แม้จะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นคนดี ก็หาได้ชื่อว่าเป็นคนดีไม่ ผู้ที่รู้และค้านเป็นคนแรก ก็คือตัวเองนั่นเอง”
“ธรรมคือมิตรประจำตน ไม่มีพรากไปจากตน จึงย่อมช่วยตนอยู่เสมอ”
“ในการดำเนินชีวิต ถ้ากลัวจะต้องพบอุปสรรค ก็ทำอะไรไม่ได้ คนที่เข้มแข็งย่อม
ไม่ยอมแพ้ เมื่อพบอุปสรรคก็แก้ไขไปด้วยจิตใจที่มุ่งมั่น”
“วิธีดับความปรารถนาและความต้องการคือ การหัดเป็นผู้ให้บ่อยๆ ให้เสมอๆ”
“ผู้ที่ตายด้วยโรคภัยทางกาย ดีกว่าผู้ที่ตาย แล้วในทางชื่อเสียงและคุณงามความดี โดยโรคภัยทางใจ คือกิเลส”
“การได้มาซึ่งสิ่งของใดๆด้วยวิธีอันมิชอบเป็นการได้ไม่คุ้มเสีย เพราะสิ่งของเหล่านั้น เมื่อถึงเวลาก็หมดสิ้นไป แต่ความเสียหายอันเกิดจากการทุจริตจักยังคงอยู่”
“พระพุทธองค์ทรงสอนไว้อย่างหนึ่ง ที่เป็นคุณอย่างยิ่งแก่ผู้ปฏิบัติ คือทรงสอนให้อยู่กับปัจจุบัน ไม่ให้อาลัยในอดีต ไม่เพ้อฝันถึงอนาคต”
“ผู้ที่ถือเอาในทางทุจริต ถึงจะร่ำรวยก็เหมือนปลวกอ้วน เพราะกัดเสากัดฝาเรือน ปลวกกัดเรือนยิ่งมากยิ่งอ้วนเท่าไร เรือนก็ใกล้พังเข้าไปเท่านั้น จนอาจพังครืนลง ฉะนั้นไม่ควรทำตัวเป็นปลวกอ้วน”
ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ
ทั้งหมดนี้เป็นตัวอย่างเพียง 15 ข้อของคำเทศนาสอนใจของสมเด็จพระสังฆราชเท่านั้น ท่านที่ประสงค์จะอ่านครบทั้ง 100 ข้อธรรมะโปรดหาอ่านได้จากหนังสือ “คมธรรมคำชีวิต สมเด็จพระสังฆราช” ที่มีวางจำหน่ายตามร้านหนังสือโดยทั่วไปในขณะนี้
นอกจากหนังสือเล่มนี้แล้ว ยังมีหนังสืออีกหลายเล่มที่กล่าวถึงพระประวัติและจริยวัตร ของสมเด็จพระสังฆราช ที่จัดพิมพ์ขึ้นในวาระ 100 ปี ซึ่งล้วนแต่เป็นหนังสือที่ทรงคุณค่าและเป็นธรรมโอสถที่อ่านแล้วจะสำนึกในพระกรุณาธิคุณฯ ตลอดจนกระจ่างแจ้งในพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ที่ทรงนำมาบรรยายด้วยภาษาง่ายๆที่น่าเรียนน่ารู้ และน่าศึกษา
กล่าวโดยสรุป แม้ว่าข่าวการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ท่านจะนำมาซึ่งความโศกเศร้าเสียใจและความอาลัยอย่างยิ่งสำหรับพุทธศาสนิกชน ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ แต่คำสอน คำเทศนา และพระจริยวัตรที่ทรงปฏิบัติอย่างงดงามมาโดยตลอด จะยังคงอยู่เป็นแนวทางให้พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย นำไปใช้ปฏิบัติ สืบทอดกันต่อๆไป ตราบนานเท่านาน.
...
“ซูม”