พระกลัดมันบุกปล้ำสีกาวัย 53 ปี ขณะไปขุดหน่อไม้ท้ายหมู่บ้าน แถมพูดไม่เกรงใจผ้าเหลือง "ขออาตมาทีหนึ่ง" แต่เหยื่อไหวตัวทันชักพร้าขู่ให้หยุดก่อนวิ่งหนีไปขอชาวบ้านช่วยล้อมจับ ขณะที่พระรูปดังกล่าวหวิดโดนประชาทัณฑ์ โชคดี จนท.ตำรวจเชียงราย มารับตัวไปส่งเจ้าคณะอำเภอสอบประวัติเพื่อดำเนินการตามวินัยสงฆ์...
เมื่อวันที่ 2 ต.ค.56 ร.ต.ต.นิ่ง เป็นมูล หัวหน้าตู้ยามสันทราย ต.สันทราย อ.แม่จัน จ.เชียงราย ได้รับแจ้งจากนายศักดิ์เรียน บุญมาเที่ยง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 บ.ดงสุวรรณ ต.สันทราย อ.แม่จัน จ.เชียงราย ว่า มีพระเข้าไปกอดผู้หญิงขณะกำลังขุดหน่อไม้ในป่าท้ายหมู่บ้าน และขอร่วมหลับนอนด้วย ขณะนี้ ได้ถูกชาวบ้านควบคุมตัวไว้ที่ศาลาร้านค้าในหมู่บ้าน เมื่อได้รับแจ้งจึงนำกำลังเข้าไปตรวจสอบ พบพระวัฒนา ยโสธโร (เขื่อนคำป้อ) อายุ 41 ปี สังกัดมหานิกายวัดหนองต้อม หมู่ 6 ต.แม่ข้าวต้ม อ.เมือง จ.เชียงราย บวชมา 4 พรรษา กำลังถูกชาวบ้านล้อมจับกักตัวไว้ที่ศาลาพักข้างร้านค้าในหมู่บ้านด้วยความเคียดแค้น จะกรูเข้าไปรุมประชาทัณฑ์ แต่ถูกผู้ใหญ่บ้านห้ามปรามไว้ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวส่ง ร.ต.ท.โชคชัย จันทามา พงส.สภ.แม่จัน จ.เชียงราย ดำเนินคดี
นางเชอรี่ (นามสมมุติ) อายุ 53 ปี ชาวบ้าน ต.สันทราย อ.แม่จัน จ.เชียงราย ผู้เสียหายซึ่งกำลังตื่นตกใจมีอาการสั่นมาก ให้การว่าก่อนเกิดเหตุได้จูงควายไปเลี้ยงไว้ในป่าท้ายหมู่บ้าน และขณะนั่งขุดหาหน่อไม้คนเดียว ห่างจากถนนใหญ่ 50 เมตร ก็ได้มีพระวัฒนา เดินเข้ามาทางด้านหลังทำท่าจะเข้ามากอดปล้ำ และ พูดว่า “ขออาตมาทีหนึ่ง” ทำให้ตกใจมาก กลัวจะถูกปล้ำข่มขืน จึงได้ใช้มีดพร้าที่กำลังขุดหน่อไม้ ยกขึ้นมาพูดขู่พระวัฒนาห้ามไม่เข้ามาใกล้ พร้อมกับวิ่งหนีตระโกนขอความช่วยเหลือ จนวิ่งไปหานายภานุพันธุ์ ปันทะทา น้องชายที่อยู่ในบ้านให้ช่วยเหลือ นายภานุพันธุ์จึงพร้อมด้วยชาวบ้านอีกหลาย คนออกไปควบคุมตัวพระวัฒนาขณะที่นั่งอยู่ในศาลาข้างถนน ห่างจากที่เกิดเหตุ 100 เมตร
...
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จนท.สอบสวนพระวัฒนายโสธโร ให้การว่า ได้เดินเร่โปรดญาติโยมมาจาก อ.เชียงแสน แม้จะเป็นช่วงเข้าพรรษาก็ไม่หยุด และเดินมาพักอยู่ศาลาข้างทาง พร้อมกับปฏิเสธว่าไปได้เดินเข้าป่าทำอะไรนางสมหมาย ปันทะทา แต่อย่างไร ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากพฤติกรรมไม่แน่ชัดว่า เป็นพระจริงหรือปลอม เพราะแม้เข้าพรรษาก็ยังเดินเร่ร่อนไปทั่ว จึงควบคุมตัวไปตรวจปัสสาวะที่ รพ.แม่จัน และส่งตัวให้เจ้าคณะอำเภอเมืองตรวจสอบประวัติ พิจารณาดำเนินการตามวินัยสงฆ์ต่อไป.