ได้เวลามาสาวไส้เน่าคนในครอบครัวกันเองอีกครั้ง ค่ำนี้มีสี่คนนำทีมแฉแหลกโดย โจ ธรัช ศุภโชคไพศาล น้องเขยของจา , แวว ชรินทร์ทิพย์ ยีรัมย์ ภรรยาของโจ , พ่อจา ทองดี ยีรัมย์ และแม่จา รินทร์ ยีรัมย์ ย้อนกันไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เกิดเหตุทะเลาะตบตีกันระหว่างคู่กรณีอีกฝั่งคือ จา พนม ยีรัมย์ กับภรรยา บุ้งกี้ ปิยรัตน์ ยีรัมย์ และแม่ยายของจา นางวรรณา สุรวิทยานนท์ สรุปต่างฝ่ายต่างแจ้งความกันในข้อหาทำร้ายร่างกาย ที่สถานีตำรวจคลองข่อย นนทบุรี


...
โจย้อนเล่าเหตุการณ์วิวาทกัน อย่างเป็นฉาก ๆ ว่า “ประเด็นก็คือเหมือนเดิม พ่ออยากจะเจอจานะ พ่อรู้ข่าวว่าจะไปเมืองนอก ก็เลยอยากจะเจออยากจะคุย งั้นผมไปธุระให้เดี๋๋ยวจะพาไปหาจา ผมไปขับรถวน ๆ ที่บ้านจาตั้งแต่ตอนตี 5 ช่วงจังหวะบ่าย ๆ มีรถชนที่หน้าบ้านเขา จามากับแฟนพอดี ก็เลยโทร.บอกพ่อที่รออยู่ที่โรงแรมจะออกมามั้ย เราขับรถวนอยู่ เราขับรถตามรถเบนซ์จาไปเรื่อย ๆ เราตามไปสักพักก็คลาดกัน ก็นึก ๆ ว่าเขาจะไปไหนได้ ก็นึกขึ้นได้ว่า เขามีหลานเรียนอยู่ ก็ไปจอดรอที่ซอย ๆ แถวโรงเรียน ไปตามดูว่าจาอยู่มั้ย ก็เกิดรถชนเฉี่ยวท้ายรถของจา ตอนนั้นผมอยู่คนเดียว ภรรยาจาลงมาเคลียร์อุบัติเหตุที่เราไปเฉี่ยวท้ายรถเขา ผมไม่ลงกลัวมีเรื่อง บุ้งกี้เรียกให้มาเคลียร์กันจังหวะที่เคาะ ๆ แฟนผม (แวว) มาพอดี


“บุ้งกี๋เคาะเปิดประตูรถ พอเห็นผมก็บันดาลโทสะอัดผมเลย เปิดประตูกระแทกผม จังหวะนั้นพี่จาลงมาดูว่าแฟนเอะอะโวยวายอะไร พ่อมาเห็นก็เข้าไปกอดพี่จาเลยเพราะคิดถึง พ่อก็ชวนพี่จาไปคุยกันหน่อยก็ชวนพี่จาขึ้นรถ พอลูกจะขึ้นรถบุ้งกี้ดึงว่าอย่าไป ๆ ยื้อกันไปมาอยู่ริมถนน จาก็เข้ามาซัดทำร้ายผม เพราะภรรยาเขาไปบอกว่าผมไปทำร้ายเขาก่อน บุ้งกี๋ใช้โทรศัพท์มือถือทุบฟาดผมสามสี่ทีที่หัว พ่อจาเข้าไปโอบกอดลูก ด่า ๆ เราก็พยายามบอกหยุด ๆ ไม่ได้มาทะเลาะ ถ้ามาทะเลาะจะมากับพ่อทำไม เราหลีกเลี่ยงตลอด บรรยากาศแบบนี้มันทุเรศก็พยายามจะให้มันดี ให้พ่อได้เจอกับจาแค่นั้น ระหว่างที่ยื้อกันจาก็จะต่อยเรา บุ๋งกี้ก็ยื้อแล้วก็ไปทุบโดนพ่อจา พ่อไปกันก็เลยโดนที่แขนทำให้เลือดออก เหตุการณ์มันวุ่น
“พ่อก็หอบ จริง ๆ พ่อช่วยผมนะ ล็อกจาไว้เพื่อไม่ให้ต่อย ไม่งั้นผมคงโดนซัดหนัก ๆ คงจะน็อกไปตรงนั้น กลายเป็นว่าพ่อเจ็บไปเองล้มไปเลย จาจะซัดผมไปโดนพ่อกระเด็นอารมณ์มันเดือด บุ้งกี้ก็จะไปทุบแววในรถต่อ พี่ชายไปดึงบุ้งกี๋ออก แม่จาก็ช่วยดึงออกไม่งั้นคงเละ บุ้งกี่๋จะเอาชนะด้วยกำลังอย่างเดียว เราก็บอกว่ามาคุยกัน ๆ อย่ามีเรื่อง ไปคุยกันที่ สน. ก็ได้ จับผมไปเลยก็ได้
“เราไม่สู้ไม่ทำเขายื้อกันจนเหนื่อย พ่อสลบนะ ที่บอกว่ามีคนสองคนนั้น คือวินมอเตอร์ไซค์ขี่รถมาจอดนะ เรียกตะโกนว่า ช่วยด้วย ๆ ช่วยจับ จา พนมด้วย ไม่ไหวแล้วจะตายแล้ว ผมก็ตะโกนพ่อก็ตะโกนช่วยด้วย ๆ ผมโกรธแล้วเข้าไปดันจาก็เลยล้ม ดูพ่อก่อนพ่อไม่ไหวแล้ว พอยุติได้ก็มาคุยกันตอนนั้นพ่อสลบแล้วลุกขึ้นมา ลูกอย่าเพิ่งไปมาคุยกับพ่อก่อน อย่าเพิ่งพี่จาอย่าเพิ่งไปมาคุยกันก่อน บุ้งกี๋ก็ด่า ๆ คุยกันกับจาว่าไป สน. ได้มั้ย บอกว่าได้ งั้นก็ไป สน. แต่พอขึ้นรถไป สน.แฟนจาบอกไม่ไป จะไปบ้านตอนนั้นผมนั่งรถมากับจาเลย เพราะรีบมากจาขึ้นรถแล้ว ถ้าไม่ได้ขึ้นก็ไม่ได้ไป เราก็บอกว่าขอให้พ่อคุยได้มั้ย แล้วผมจะไม่มายุ่ง เพราะมันไม่ไหวแล้วมันเยอะ ผมเสี่ยงมาก ตอนแรกคิดว่าจะไป สน. อยู่แล้ว เข้าใจว่าจะไป สน.ไม่มีใครอยากตาย เพราะคุยกันแล้ว
...
“พอถึงบ้านไม่รู้พี่จาคิดอะไรนะ พี่จาถอดเสื้อแล้วบอกว่า มะ ๆ โจมะ ๆ ผมก็บอกว่าพี่ ๆ ใจเย็น ๆ สภาพผมตอนนั้นเสีื้อขาดวิ่นแล้ว รองเท้าไม่มี ให้สู้มั้ยไม่กล้าสู้หรอก จังหวะนั้นแม่บุ้งกี้มา พอมาถึงก็ด่าแล้วทุบเราเลย ด่าว่าดีเลยมาให้ฆ่าถึงบ้าน ลูกก็กระโดดขี่หลังแล้วทุบท้ายทอย ผมก็โอ๊ย อย่า ๆ เจ็บ ๆ ผมมาดี ๆ ผมแค่อยากให้พ่อคุยกับจา เขาก็ทุบ ๆ จนเขาเหนื่อย เอาเล็บจิกหน้าผมอย่าทำ ผมไม่ได้โต้ตอบอะไรเลยก็กำโทรศัพท์มือถือ เขาคิดว่าผมจะถ่ายคลิปก็เลยดึงแขนจะเอาโทรศัพท์ จริง ๆ จะโทร.ให้คนมาช่วย ไม่มีใครรู้ว่าผมอยู่ที่นี่ จะโทร.บอกแฟนว่า เฮ้ย มาบ้านจา เขาทุบผมที่ถนน สักพักก็มีชาวบ้านมาสองคนซึ่งผมไม่รู้จัก บอกว่าพอแล้ว ๆ พอปล่อยผมแล้วเขาก็ขึ้นบ้านไป ตอนนั้นผมเหนื่อยมาก นั่งอยู่ริมฟุตปาธ เหนื่อยจนไม่มีเสียงแล้ว ความจริงคือผมโดนกระทำ ที่มาวันนี้ได้ก็ต้องขออนุญาตหมอ”


...
ทางบุ้งกี๋ก็ได้รับบาดเจ็บ? “ถ้าจะบอกว่าผมก็ต่อยด้วยมันไม่ใช่หรอก เขาตีผม พอเขาทำเราก็ป้องกันตัว ยื้อกันไปมา ทุบแรงพอเราปัดกลับก็ต้องมีกระทบกลับถูกมั้ยล่ะ และที่แขนเขาเขียว เพราะผมดึงเขาออกมาเอง” ด้านแววภรรยาโจ กล่าวเสริมว่า “เขาด่าอีแวว โน่น นี่ นั่น ใช้โทรศัพท์มือถือฟาดหัวพี่ชายสี่ห้าครั้งจนโนแล้วเลือดออก แม่ช่วยดึงต้องกระเด็นเลย พี่ชายก็บอกว่าพี่ไม่สู้นะ พี่ไม่ทำผู้หญิง เขาก็เอามือถือฟาดใหญ่เลย”
โจ กล่าวอีกครั้งว่า “ถ้าจาได้คุยกันพ่อจะไม่มีปัญหาเรื้อรังอย่างนี้เลย ใครที่บอกว่าให้พ่อตายๆ ไป ใครพูด” พ่อจาพูดทันทีว่า “บุ้งกี้เนอะ” โจกล่าวต่ออย่างตื่นเต้นว่า “เรื่องในครอบครัวมีเยอะ เราต้องยอมรับว่าเรื่องนี้ทำให้สังคมวุ่นวายมาก เรื่องเงินนะมันเยอะ มันก็สำคัญไม่เถียงหรอก แต่มันคงไม่สำคัญเท่ากับพ่อคิดถึงลูกหรอก เพราะเขามีเรื่องเยอะ ไม่ว่าจะโทร.หาลูกยากมาก ถ้าพูดเรื่องเงินส่งเงินให้พ่อหรือไม่ส่งผมไม่ว่าหรอก ถ้าบอกว่าพ่อไม่ป่วยไปเช็กด้วยสิ เรื่องแบบนี้มันโกหกได้มั้ย จะโกหกไปเพื่ออะไร จะแช่งพ่อตัวเองเหรอ แต่ตอนนี้พ่อแข็งแรงแล้ว”
จะไกล่เกลี่ยกันได้มั้ย? “ผมว่าสังคมให้โอกาส ผมไม่ได้มาหาเรื่องขอให้มาคุยกับพ่อ” จะตามจาอีกไปถึงไหน? “ไม่ตามอีกแล้ว ก็คงได้เจอกันที่ สน. หรือเจอกันที่ศาลแล้ว ถ้าเกิดจะมองว่าเราไปทำร้าย ก็ต้องให้ศาลมาพิสูจน์เพราะสังคมรับไม่ไหวแล้ว เรามาตามมาคุยกัน เงินทองถามว่าใครจะเรียกร้องได้ ภรรยาเขาก็ถือดูแลเงิน ข่าวล่าสุดเห็นว่าจาเงินเดือนห้าหมื่นแล้วเราจะไปเรียกเอาอะไร แต่ถ้าเรื่องเงินกับไอยราฟิล์มฟ้องแน่ มันต้องต่อไปอีกยาว เพราะสามปีที่ผ่านมาผมพยายามไม่ยุ่ง เรามีสัญญากันตั้งแต่องก์บาก 2 , 3 ซึ่งมันมีผลประโยชน์เรื่องนี้ต้องพูดกับผม อย่าไปโยงกับพ่อแม่
...


“คุณจาถอนตัวไปตั้งแต่มีแฟน จาถอนหุ้นไปเมื่อสองปีที่แล้วตั้งแต่ตอนบวช จาเชื่อลูกเมียมากกว่าพ่อแม่ หลังจากแต่งงานจาไปเก็บผลประโยชน์มาก้อนหนึ่งเอาไปให้ภรรยา ซึ่งมันไม่ถูกต้อง โดยที่ไม่สนใจสิ่งที่ตกลงเอาไว้กับบริษัท ก่อนหน้านี้ผมเคารพมองจาว่าเป็นฮีโร่ แต่หลังจากที่ผมโดนเขาต่อย ผมก็พอแล้วจะทำอะไรให้จริง จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด สังคมจะได้ทราบว่ามันคืออะไร ถ้าอยากได้เงินนะต้องไปเรียกร้องมาตั้งแต่สามปีที่แล้ว พอมันเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น ผมว่ามันถึงเวลาแล้วที่จะมาเรียกความถูกต้องคืนมา”
ส่วนแบ่ง 25% จากหนังองก์บาก 3 เรื่องเดียว? "เรื่องเดียวใช่ครับ จากรายได้หนังทั่วโลก แบ่งปันผลประโยชน์ 25% ของรายได้ ต้องให้ทางต้นสังกัด (สหมงคลฟิล์ม) มาคำนวณอีกที เรื่องนี้ต้องให้ทางผู้ใหญ่มาชี้แจงทีหลัง” รวมถึงส่วนแบ่งหนังจากดีดีวี วีซีดีด้วย? "ใช่" ที่บอกว่าจาเอาเงินก้อนแรกไปแล้วเอาไปเท่าไหร่? "ประมาณสิบล้าน เงินตรงนี้นะ บอกเลยว่าถ้าเราจะเรียกร้อง ก็เรียกร้องไปแล้วตั้งแต่สามปีที่แล้ว แต่เรายังเห็นแก่ความเป็นพี่น้องกัน ผมพูดเลยว่าเงินก้อนที่จารับไป เพิ่งทราบไม่นานนี้ว่าทางจามาเซ็นรับไปในหนังองก์บาก 3 ทางบริษัทไอยราของเรา เคยทวงถามเงินก้อนนี้ไปทางโน้น (สหมงคลฟิล์ม) แล้วแต่บอกว่ายังไม่ได้รอเก็บ เงินจากทั่วประเทศก่อน ยังไม่สามารถจ่ายได้”
จากนี้จะให้เวลาจากี่วันกับการดำเนินการเรื่องทวงเงินก้อนนี้? "ไม่ต้องให้แล้ว ผมจะเดินไปเอาเรื่องแล้ว ผมออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่ ผมก็จะไปเคลียร์แล้ว (เสียงดุ)” เอาทนายไปด้วยเลย? “อ๋อ แน่นอน ๆ อันดับแรกต้องไปโรงพักก่อน รักษาตัวให้หายเสร็จ อะไร ๆ ทุกอย่างเสร็จ เพราะเรื่องมันเป็นสเต็ป ผมถึงบอกว่าถ้าพูดออกมาเคลียร์ได้นะ มันจะได้ดีกัน ครอบครัวเนี่ยไม่ต้องการอะไรหรอก แค่ต้องการความถูกต้องอย่างเดียว ขอให้ถูกต้องแล้วเราคุยกันได้ ผลประโยชน์นะถ้าพูดตรง ๆ ถึงแม้คุณจาจะออกจากบริษัทไปแล้วเนี่ย เราเคยทำงานด้วยกัน ก็คืองานเขางานเรานั่นแหละ ถ้าเอาความถูกต้องมาพูด สัญญาที่เราถืออยู่เขาไม่มีสิทธิ์มาเอาสักบาทก็ไม่มีสิทธิ์เอา”


คุณพ่อจา ย้ำไม่ได้คิดจะเอาเงินจากลูกชาย ได้ฟังข่าวว่าลูกชายกำลังจะเดินทางไปถ่ายทำภาพยนตร์ที่ต่างประเทศแล้วเลย อยากพบหน้า “ไม่ได้คุยกับลูกมาสองปีแล้ว วันนั้นวันแรกที่ได้เจอกัน จำพ่อได้ไหม เขาตกใจบอกว่าครับ ๆ จะไปกับพ่อ พอบุ้งกี๋เห็นก็ตะโกนใส่ แล้ววิ่งมาตีพ่อ พ่อจะเอาจาขึ้นรถ แต่จาก็ไม่ขึ้น ที่อยากคุยคืออยากจะคุยด้วยในฐานะส่วนตัว ทำไมกีดกันเอาไว้หนักหนา เราไม่ได้คุยกันเลยทำให้คับคั่งใจ ทำให้พ่อไม่สบายต้องเข้าโรงพยาบาล โดนแม่เมียกีดกันไม่ให้พบ เมียจาก็กีดกัน ทำไมต้องกีดกันหนักหนาด้วย เอาตัวออกจากเขาไม่ได้เลย อยากให้จากลับบ้านวันสองวันก็ได้จะได้เคลียร์กัน ถ้าไม่กลับแล้วจะเอาให้สุดขีด จะให้ลูกเขยเอาเรื่องเกี่ยวกับคดีให้สุดขีด เพราะว่าเราตามมานานแล้ว”
ก่อนหน้านี้คุณพ่อบอกว่า จะไม่ตามหาจาอีกแล้ว? “เขาจะไปเมืองนอก ก็เลยอยากจะคุย ไม่ต้องเอาไปสุรินทร์ก็ได้ เอาไป สน. ก็ได้ คิดถึงลูก” ตามหาจาเพื่อจะมาเอาเงินกับลูก? “ไม่เคยคิดอย่างนั้นเลย อยากคุยกับลูก ปัญหาของครอบครัวคือจาขาดทำปะกำช้างมาสองปี มันผิดบรรพบุรุษทำให้สับสน พูดไปอาจจะเชื่อหรือไม่ แต่พ่อจะพูด ปะกำก็คือบรรพบุรุษเรานั่นเอง จะเอาจาไปเคลียร์ไปเซ่นไปไหว้ หลังจากนั้นจาจะไปกลับไปหาลูกหาเมียก็ไม่ว่า” จาไม่ไปทำปะกำเลยทำให้พ่อไม่สบาย? “เออ ๆ ใช่ นี่เป็นส่วนหนึ่ง” ที่เป็นแบบนี้ เพราะจาโดนของหรือไม่? “จาทำไม่ถูกเอง เขาเชื่อลูกเมียมากกว่าเชื่อพ่อ”
ด้านคุณแม่จา กล่าวด้วยน้ำตาคลอ ๆ ว่า “ทางเราไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย ทำไมถึงทำกับพ่อแม่อย่างนี้ โทรศัพท์ก็ไม่เคยโทร.มา อยากคุยอยากเคลียร์กัน แม่รักคิดถึงอยากกอดลูก ไม่อยากเห็นลูกเดินทางผิด มีแม่ที่ไหนไม่รักลูก แม่...(น้ำตาคลอ) ความตั้งใจของแม่คือมาหาลูก แต่ทำไมมาเจอปัญหาอย่างนี้ ทั้ง ๆ ที่แม่มีลูก คิดนะว่าทำไมลูกไม่โทร.มาหาแม่ ติดต่อก็ไม่ติดต่อแม่คิดน้อยใจ นี่เราไม่มีลูกหรือนี่”.




