เหตุเกิดตรง‘จุดชมวิว’ เพิ่งแต่งงาน2อาทิตย์ ผู้ชายไปเสนองานวิจัย พาภรรยาไปเที่ยวด้วย
สุดสลดด็อกเตอร์หนุ่มอาจารย์วิศวะฯ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ควงภรรยาสาวทันตแพทย์ ท่องเที่ยวฮันนีมูนที่สหรัฐอเมริกา ถึงคราวเคราะห์ ถูกฟ้าผ่าเสียชีวิตทั้งคู่ที่จุดชมวิว “แกรนด์ แคนยอน” สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังเมืองลุงแซม หลังทั้งคู่เพิ่งจัดพิธีวิวาห์หวานชื่นไปเมื่อวันที่ 12 ก.ค.ที่ผ่านมา ก่อนที่ฝ่ายชายจะไปเสนอผลงานวิจัยในการประชุมที่สหรัฐฯพร้อมพาภรรยาสาวคนสวยไปฮันนีมูนด้วย เผยเหตุฟ้าพิโรธที่แกรนด์ แคนยอน เกิดขึ้นบ่อยครั้งมีนักท่องเที่ยวได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก 2 สามีภรรยาชาวไทยถือเป็นรายที่ 2-3 ที่เสียชีวิต โดยมีเด็กชายชาวมะกันบาดเจ็บด้วยอีก 1 คน คณบดีวิศวะฯ มช. สุดเศร้าสูญเสียบุคลากรคุณภาพ
เรื่องราวน่าสลดใจของคู่สามีภรรยาชาวไทยควงคู่ไปฮันนีมูนสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของสหรัฐอเมริกา ถึงคราวเคราะห์ถูกฟ้าผ่าเสียชีวิต 2 ศพเปิดเผยเมื่อวันที่ 27 ก.ค. นายภาณุพล รักแต่งาม ผู้สื่อข่าวไทยรัฐ ประจำประเทศสหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ฟ้าผ่าใกล้จุดชมวิวของ “แกรนด์ แคนยอน” สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของประเทศสหรัฐอเมริกา ในช่วงที่อยู่ในรัฐอริโซนา ชื่อ “เลอร์แฟร์ฟ โอเวอร์ลุค” (LeFevre Overlook) ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน ซึ่งต่อมาทราบว่าทั้งคู่เป็นสามีภรรยาชาวไทย ชื่อ ดร.อารัมภ์ กาวีวงศ์ และ ทพ.ญ.รัชยา ตันตรานนท์ อายุ 30 ปีเท่ากัน และมีเด็กชายชาวอเมริกันซึ่งมาเที่ยวกับครอบครัวได้รับบาดเจ็บอีก 1 คน
จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า ดร.อารัมภ์ กาวีวงศ์ จบการศึกษาระดับปริญญาเอกจากประเทศญี่ปุ่น ปัจจุบันเป็นอาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ส่วน ทพ.ญ.รัชยา ตันตรานนท์ ภรรยาเป็นทันตแพทย์ ยังอยู่ระหว่างศึกษาต่อที่ประเทศญี่ปุ่น โดยทั้ง 2 เพิ่งเข้าพิธีมงคลสมรสกันที่โรงแรมพูลแมนแบงคอกโฮเทลจี ย่านสีลม กทม. เมื่อวันที่ 12 ก.ค.ที่ผ่านมา หรือเพียง 11 วัน ก่อนที่จะเสียชีวิตพร้อมกันที่แกรนด์ แคนยอน โดยบนเฟซบุ๊กของอาจารย์หนุ่มมีภาพพิธีมงคลสมรสอันหวานชื่นของทั้งคู่มากกว่า 1,000 รูป ท่ามกลางญาติพี่น้องเพื่อนฝูงมาร่วมแสดงความยินดีกันเนืองแน่น
มีรายงานว่า เหตุการณ์ฟ้าผ่าที่แกรนด์ แคนยอน เกิดขึ้นได้ตลอดเวลาในช่วงที่เกิดพายุฤดูร้อน โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุการณ์คล้ายๆกัน เป็นเหตุให้นักท่องเที่ยวที่ยืนชมวิวอยู่ริมหน้าผาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 4 คน ทั้งนี้ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวของแกรนด์ แคนยอน และเจ้าหน้าที่ดูแลวนอุทยาน หรือปาร์ค เรนเจอร์ จะออกเตือนนักท่องเที่ยวให้ระวังฟ้าผ่าที่จะมีขึ้นหลังจากเกิดฟ้าร้องประมาณ 30 วินาที โดยเตือนให้หลบอยู่ในอาคารหรือในรถ นอกจากนี้ จะคอยบอกนักท่องเที่ยวให้หลีกเลี่ยงจุดชมวิวโล่งๆ รวมถึงเตือนไม่ให้นักท่องเที่ยวจับรั้วเหล็กริมหน้าผาขณะเกิดฝนตกฟ้าคะนองด้วย
รายงานข่าวระบุด้วยว่า ในอดีตที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ฟ้าผ่าที่แกรนด์ แคนยอน เป็นจำนวนมาก มีทั้งบาดเจ็บเล็กน้อยจนถึงบาดเจ็บสาหัส และมีนักท่องเที่ยวจากเยอรมนีวัย 64 ปี เสียชีวิตเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2554 แต่ข่าวระบุว่าเป็นการเสียชีวิตเพราะอาการหัวใจวายหลังได้รับบาดเจ็บเพราะถูกฟ้าผ่า และคู่ฮันนีมูนจากเมืองไทย ถือเป็นผู้เสียชีวิตรายที่ 2 และ 3 ขณะที่หน่วยงานพยากรณ์อากาศแห่งชาติ เปิดเผยหลังจากเหตุการณ์สลดที่แกรนด์ แคนยอน ว่า ในปีนี้ที่ประเทศสหรัฐฯ มีผู้เสียชีวิตเพราะเหตุการณ์ฟ้าผ่าแล้ว 14 คน ผู้เสียชีวิตมากที่สุดในอริโซนาและฟลอริดารัฐละ 3 คน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานจากเมืองฟีนิกซ์ รัฐอริโซนา เมื่อวันที่ 27 ก.ค. โดยอ้างการเปิดเผยของสำนักงานนายอำเภอเขตโคโคนิโค เคาน์ตี้ว่า ผู้เสียชีวิตเพราะถูกฟ้าผ่าใกล้อุทยานแห่งชาติ แกรนด์ แคนยอน แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของสหรัฐฯ ถูกระบุแล้วว่าเป็นสามีภรรยานักท่องเที่ยวชาวไทย โดยผู้เป็นสามีชื่อ อารัมภ์ กาวีวงศ์ และภรรยาชื่อ รัชยา ตันตรานนท์ อยู่ในกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ถูกฟ้าผ่าที่บริเวณจุดชมวิว “เลอร์แฟร์ฟ โอเวอร์ลุค” ซึ่งอยู่ห่างจากอุทยานแห่งชาติแกรนด์ แคนยอน ไปทางเหนือประมาณ 48 กิโลเมตร เมื่อวันอังคารที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา
สำนักงานนายอำเภอโคโคนิโค เคาน์ตี้ แถลงว่า นายอารัมภ์ และนางรัชยา เป็นชาวจังหวัดเชียงใหม่ ทางภาคเหนือของไทย ถูกประกาศว่าเสียชีวิตในจุดเกิดเหตุหลังถูกฟ้าผ่า แต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้ประกาศเอกลักษณ์ว่าเป็นใครโดยทันที เพื่อแจ้งญาติพี่น้องในประเทศไทยให้รับรู้เสียก่อน เหตุฟ้าผ่าครั้งนี้ ยังทำให้เด็กชายคนหนึ่งซึ่งอยู่ในกลุ่มนักท่องเที่ยวอีกกลุ่มได้รับบาดเจ็บด้วย
ด้าน ดร.ณัฐ วรยศ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เผยว่า ดร.อารัมภ์ กาวีวงศ์ อายุประมาณ 30 ปี เป็นอาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ เดินทางไปนำเสนอผลงานวิจัยในการประชุมอาจารย์มหาวิทยาลัยต่างๆที่เมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยมี ทพ.ญ.รัชยา ตันตรานนท์ ภรรยาสาวที่เพิ่งแต่งงานกันได้ประมาณ 2 อาทิตย์ร่วมเดินทางไปด้วย หลังจากเสร็จสิ้นการนำเสนอผลงานวิจัยแล้ว ดร.อารัมภ์ได้ขออนุญาตลางานต่อเพื่อพาภรรยาไปฮันนีมูนตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในสหรัฐฯ โดยมีกำหนดเดินทางกลับในวันที่ 27 ก.ค. แต่มาเกิดเหตุน่าเศร้าขึ้นก่อน
ดร.ณัฐเผยถึงประวัติด้านการศึกษาของ ดร.อารัมภ์ กาวีวงศ์ จบการศึกษาระดับปริญญาตรี ด้านวิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อปี พ.ศ.2549 จากนั้นไปศึกษาต่อในระดับปริญญาโทและระดับปริญญาเอก ในสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ ที่สถาบันเทคโนโลยีแห่งโตเกียว ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น จบการศึกษาเมื่อปี พ.ศ.2553 หลังเรียนจบปริญญาเอกแล้วมาบรรจุสอนที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้ประมาณ 2 ปี ส่วนตัวเป็นคนที่มีอุปนิสัยใจคอดีมาก ช่วยงานภาควิชาและคณะด้วยความขยันขันแข็งมาตลอด ข่าวการเสียชีวิตของ ดร.อารัมภ์สร้างความตกใจและเสียใจให้กับอาจารย์ในภาควิชา รวมทั้งลูกศิษย์ลูกหาที่ต้องสูญเสียคนดีมีความรู้ความสามารถและมีอนาคตไกลไปอย่างน่าเสียดาย
ส่วน ทพ.ญ.รัชยา ตันตรานนท์ ตรวจสอบประวัติเคยทำงานอยู่ที่คลินิกยูสไมล์ เลขที่ 278/6 ข้างห้างสรรพสินค้าแหลมทอง เยื้องมหาวิทยาลัยบูรพา ถนนลงหาดบางแสน ต.แสนสุข อ.เมืองชลบุรี ผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบ ได้รับการเปิดเผยจาก น.ส.ณัฐนรี แสงแก้ว อายุ 31 ปี เจ้าหน้าที่ฝ่ายสูจิบัตร คลินิกยูสไมล์ ว่า ทพ.ญ.รัชยาเคยมาเป็นหมอฟันที่คลินิกได้ประมาณ 3-4 ปี โดยจะมาเข้าเวรอาทิตย์ละ 1 ครั้ง นิสัยส่วนตัวเป็นคนน่ารักเป็นกันเองกับผู้ร่วมงานและคนไข้ แต่ได้ลาออกจากคลินิกแห่งนี้ไปแล้วประมาณต้นปีที่ผ่านมา และทราบว่าเพิ่งแต่งงานเมื่อไม่นานมานี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความตกใจให้กับผู้ที่เคยร่วมงานกันที่คลินิกเป็นอย่างมาก และฝากแสดงความเสียใจไปยังครอบครัวของ ทพ.ญ.รัชยาด้วย
ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายมนัสวี ศรีโสดาพล อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เผยว่า ได้รับการประสานข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการจากสถานกงสุลใหญ่ไทยในนครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา ว่าได้รับรายงานข้อมูลเบื้องต้นจากเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ ระบุว่าเหตุการณ์ฟ้าผ่าที่แกรนด์ แคนยอน เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา เวลา 15.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือประมาณเวลา 05.00 น.ของวันที่ 24 ก.ค. ตามเวลาประเทศไทย มีผู้ประสบเหตุถูกฟ้าผ่า 3 คน มีเด็กชายชาวสหรัฐฯ 1 คน มีอาการหมดสติและได้รับการรักษาตัวในโรงพยาบาลแล้ว ขณะที่มีผู้เสียชีวิต 2 ราย เป็นชาวไทย คนแรกเป็นชายอายุ 30 ปี อีกคนเป็นหญิงอายุ 30 ปีเท่ากัน ฝ่ายชายเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในไทย เดินทางมาประชุมที่เมืองซีแอตเติล และมาพร้อมกับฝ่ายหญิงที่น่าจะเป็นภรรยา จนเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ทั้งนี้ สถานกงสุลใหญ่ไทยฯได้แจ้งมายังกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ให้ติดต่อกับญาติของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย ซึ่งเข้าใจว่าได้มีการติดต่อกับญาติเรียบร้อยแล้ว
นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีสองสามีภรรยาชาวไทยถูกฟ้าผ่าเสียชีวิตที่แกรนด์ แคนยอน ประเทศสหรัฐฯ ว่า อาจเกิดได้จากหลายกรณี เช่น บริเวณที่ฟ้าผ่าอาจมีแร่ที่ดึงดูดสายฟ้า หรือในร่างกายของผู้ที่ถูกฟ้าผ่าอาจใส่วัสดุที่เป็นสายล่อฟ้าก็เป็นได้ ต้องดูที่ปัจจัยอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม สำหรับประเทศไทย จากการสำรวจพบว่าจำนวนผู้บาดเจ็บรุนแรงจากฟ้าผ่าระหว่าง พ.ศ.2551-2555 มี 180 ราย หรือเฉลี่ยประมาณปีละ 36 ราย และอาชีพที่ถูกฟ้าผ่าสูงสุดคือเกษตรกร ส่วนวันที่ฟ้าผ่าสูงสุดคือวันเสาร์ เวลาที่ฟ้าผ่าส่วนใหญ่จะอยู่ที่เวลา 14.00-17.00 น. นอกจากนี้ส่วนใหญ่ผู้ที่ถูกฟ้าผ่ามีโอกาสเสียชีวิตร้อยละ 30 สาเหตุมาจากหัวใจหยุดเต้นด้วยกระแสไฟฟ้าแรงสูงทำให้ช็อกทันที ทั้งนี้ฟ้าผ่าเกิดจากประจุไฟฟ้าจากก้อนเมฆวิ่งลงสู่พื้นดิน และจะผ่าลงในจุดที่สูงสุดของสถานที่นั้นๆ แม้บางครั้งฟ้าผ่าไม่ถูกคน แต่ก็เป็นอันตรายได้หากอยู่ใกล้สิ่งที่ฟ้าผ่า กระแสไฟจากสิ่งที่ฟ้าผ่าอาจพุ่งเข้าสู่คนที่อยู่ใกล้ได้หลายทาง เช่น ผ่านเสื้อผ้าหรือตัวที่เปียก โลหะที่สวมใส่ โครงเสื้อชั้นใน ลวดจัดฟัน สร้อยโลหะ อุปกรณ์โลหะที่ใช้ทำงาน และโทรศัพท์มือถือ เป็นต้น
อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวถึงการป้องกันอันตรายจากการถูกฟ้าผ่าที่ดีที่สุด ได้แก่ 1. หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งในขณะฝนตกฟ้าคะนอง หรือสวมใส่อุปกรณ์ที่เป็นสื่อนำไฟฟ้าทั้งทองคำ เงิน ทองแดง นาก และสร้อยโลหะ หากจำเป็นต้องอยู่ในที่โล่งแจ้งควรนั่งหมอบ ย่อตัวให้ต่ำและชิดกับพื้นให้มากที่สุด แต่ไม่ควรนอนราบกับพื้น รวมทั้งหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ต้นไม้สูง เสาไฟฟ้า ป้ายโฆษณา เพราะฟ้าจะผ่าลงที่สูง 2. ห้ามอยู่ใกล้หรือใช้อุปกรณ์ที่เป็นสื่อนำไฟฟ้า 3. ควรหลบในอาคารที่ติดตั้งสายล่อฟ้า และ 4. หากอยู่ในรถควรปิดกระจกทุกบาน หากฟ้าผ่าลงรถควรตั้งสติ ไม่ควรออกจากรถเด็ดขาด
...