AAS Auto Service จับมือกับ Porsche AG จัดเต็มขนทัพรถสปอร์ตหรูกว่า 20 คัน ให้สื่อมวลชนและลูกค้าลงทดสอบสมรรถนะอย่างเต็มพิกัดในกิจกรรม Porsche World Roadshow 2013 ที่สนามพีระเซอร์กิต พร้อมเปิดตัว New Cayman รุ่นล่าสุด ครั้งแรกในไทย...

ย้อนเวลากลับไปสู่จุดกำเนิดของ Porsche รถสปอร์ตคันเล็กจากแนวความคิดของ Dr.Ferdinand Porsche ผู้ก่อตั้งและวางรากฐานอันมั่นคงของบริษัท ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง Dr.Ferdinand Porsche ได้เข้าไปร่วมพัฒนารถ Volkswagen ใน ฝรั่งเศส เป็นการชดเชยค่าเสียหายจากสงครามที่เยอรมนีก่อขึ้น ความชิงชังทำให้รัฐบาลฝรั่งเศสในยุคนั้นสั่งจำคุก Dr.Ferdinand Porsche ในฐานะอาชญากรสงคราม ขณะเดียวกัน ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน Ferdinand Anton Ernst Porsche หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ Ferry ต้องเข้าไปทำงานสร้างรถแข่งแบบกรังด์ปรีซ์เครื่องยนต์วางกลางลำให้กับโรงงาน Cisitalia ในประเทศอิตาลี สำหรับ Ferry Porsche แล้ว การมาทำงานด้านรถแข่งในอิตาลีคือการเก็บเงินจำนวนหนึ่งเพื่อนำไปถ่ายตัวบิดา ออกมาจากคุก นอกจากนี้ โรงงาน Cisitalia ยังได้ทำการผลิตรถยนต์แบบสปอร์ตคูเป้ต้นทุนต่ำที่ใช้ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ต่างๆ จากรถ Fiat

...


หลังจาก Dr.Ferdinand Porsche ออกจากคุกในปี คศ 1948 บิดาผู้ให้กำเนิดแบรนด์ Porsche ได้เดินทางกลับไปยังบ้านเกิดในประเทศออสเตรียซึ่งกลายเป็นสถานที่ตั้งและที่ทำงานแห่งใหม่ที่ย้ายหนีการโจมตีทางอากาศจากเครื่องบินรบของฝ่ายสัมพันธมิตร ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เครื่องบินทิ้งระเบิดท่ี่มักบินมาโจมตีเมือง Stuttgart จน Dr.Ferdinand Porsche ต้องหอบครอบครัวหลบหนีจากเยอรมนีมายังประเทศเล็กๆ ที่สวยงามและเป็นเหมือนบ้านเกิดเมืองนอน ในออสเตรีย ลูกชายของ Ferdinand Porsche ได้นำเอารถต้นแบบที่เรียกว่า 356/1 ที่ลงมือออกแบบและสร้างด้วยตนเองมาให้พ่อดู มันคือรถสปอร์ตเล็กๆ แบบสองที่นั่ง ที่เอาเครื่องยนต์มาจากรถ Volkswagen ที่ พ่อเคยสร้าง โดยทำการปรับแต่งเครื่องยนต์บางชิ้นส่วนและเพิ่มเติมส่วนที่จะทำให้มี สมรรถนะดีขึ้น ช่วงล่างและระบบห้ามล้อก็นำมาจากรถเต่ารวมถึงแซสซีส์ด้วยเช่นกัน ทำให้มันมีฐานล้อสั้นลงประมาณ 1 ฟุต ชื่อรหัสตัวรถ 356/1 คือการเชื่อมโยงรถสปอร์ตรุ่น 355 ที่พัฒนาขึ้นโดย Ferry Porsche ลูกชายคนเก่งที่ได้รับอิทธิพลทางแนวความคิดในการสร้างรถสปอร์ตจาก Ferdinand Porsche

...

...


หลังจากนั้น Ferdinand Porsche ได้ทำการปรับปรุงพัฒนาตัวรถจนออกมาเป็นรถต้นแบบอีกคันโดยใช้ชื่อเป็นรหัส ตัวเลขว่า 356/2 ซึ่งต่อมาคนทั่วไปรู้จักกันในชื่อ Gmund Coupe มันคือต้นแบบของรถสปอร์ตสองประตูสี่ที่นั่ง ฐานล้อถูกร่นให้สั้นอีกสองนิ้ว ตัวถังภายนอกถูกออกแบบโดยการคำนึงถึงระบบอากาศพลศาสตร์ ส่งผลให้มันมีความล้ำสมัยเกินหน้าเกินตารถยนต์ในยุคนั้น และกลายเป็นต้นแบบของโมเดล 911 ในที่สุด วิศวกรผู้ออกแบบ Erwin Komenda เน้นรูปลักษณ์ที่สร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่มีความปราดเปรียว กับงานวิศวกรรมจักรกลระบบระบายความร้อนด้วยอากาศ

...


ต่อมา Ferdinand Porsche ได้ปรับเปลี่ยนการประกอบธุรกิจจากบริษัทที่ปรึกษาทางวิศวกรรมยานยนต์ มาเป็นบริษัทผลิตรถยนต์อย่างเต็มรูปแบบ รถรุ่น 356 ซึ่งเปรียบเหมือนบรรพบุรุษของ 911 เริ่มต้นสร้างประวัติศาสตร์อันน่าจดจำทั้งบนถนนปกติและในสนามแข่งขัน เหตุผลของการวางเครื่องยนต์ไว้ที่ด้านหลังของ Porsche 356 เพื่อให้ง่ายต่อการติดตั้งและการซ่อมบำรุง ห้องเครื่องขนาดกะทัดรัดเหมาะมากกับเครื่องยนต์ Type 369 40 แรงม้า 1,086 ซีซี ระบายความร้อนด้วยอากาศ รถในยุคแรกของ Porsche ไม่ค่อยมีกำลังมากนักและควบคุมได้ยาก ต่อมาเทคนิคของการวางเครื่องไว้กลางลำตัวหรือ Mid Engine ซึ่งเป็นเทคนิคของรถในทีมแข่ง Cisitalia ประเทศอิตาลีได้ถูกนำมาปรับใช้โดย Ferry Porsche แต่ Ferdinand Porsche ไม่เห็นด้วยและอยากให้รถสปอร์ตของ Porsche มีเครื่องยนต์อยู่ที่ด้านหลังเท่านั้น เครื่องยนต์สูบนอน จ่ายเชื้อเพลิงด้วยคาร์บูเรเตอร์ของ Solex ส่วนถังน้ำมันถูกย้ายไปไว้ด้านหน้าระหว่างแนวของล้อหน้า กับอัตราส่วนกระจายน้ำหนักที่ 35:65 รถ Porsche 356 ถูกออกแบบภายในปี ค.ศ. 1949 โดย Ferry Porsche ผู้ลูกในช่วงที่สุขภาพของ Ferdinand Porsche กำลังย่ำแย่เต็มที อีกสามปีต่อมาในปี 1951 ชายผู้ที่ให้กำเนิดชาติพันธ์ุของรถสปอร์ตเครื่องวางหลังก็เสียชีวิตลงอย่างสงบ เหลือไว้เพียงตำนานแห่งความเร็วบนสนามแข่งขัน แบบแปลนเครื่องยนต์ลูกผสมแบบ Hybrid ในยุคแรกเริ่มที่กลายเป็นความจริงในปัจจุบัน กับรถแข่งเครื่องยนต์ V16 พลังสูง รวมถึงรถเต่าที่ Ferdinand Porsche เคยคิดค้น


สำหรับ ตราสัญลักษณ์นั้น บริษัท Porsche ได้นำไปติดบนรถตั้งแต่ปี ค.ศ. 1952 ตรงกลางพวงมาลัยรถรุ่น 356 หนึ่งปีหลังจาก Dr.Ferdinand Porsche ลาจากโลกนี้ หลังจากนั้นในปี 1955 ตราสัญลักษณ์ได้ถูกติดตั้งลงบนฝากระโปรงหน้า ต่อมาในปี 1959 ตราสัญลัษณ์ Porsche ก็ถูกนำไปติดบริเวณดุมล้อทั้งสี่ ตราสัญลัษณ์เริ่มจากแถบสีแดง-ดำ สลับกับรูปเขากวางหกอัน มันถูกนำมาจากตราสัญลักษณ์ของแคว้น Wurttemberg Baden ในเยอรมนี ตัวอักษร Stuttgart ที่อยู่เหนือรูปม้าพยศตรงกลางคือชื่อเมืองที่ Porsche ถูกก่อตั้งขึ้นเป็นครั้งแรก ซึ่งเมือง Stuttgart มีที่ตั้งอยู่ในแคว้นแห่งนี้ เมื่อประมาณ 1,000 ปีก่อน เมือง Stuttgart ถูกก่อตั้งขึ้นเพื่อใช้เป็นเมืองเพาะพันธุ์ม้า ตราสัญลักษณ์ของม้าพยศจึงมีที่มาจากประวัติศาสตร์การก่อตั้งของเมืองด้วย ตราสัญลักษณ์นี้ เป็นความภาคภูมิใจของ Porsche มาตลอดระยะเวลา 60 ปี


61 ปีต่อมา ในงาน Porsche World Roadshow 2013 ผมกำลังเดินตามความฝันของ Dr.Ferdinand Porsche ด้วยการมาหยุดยืนอยู่ข้างหน้ารถทดสอบรุ่น 911/991 สีน้ำเงินสุกปลั่งที่ทำให้รอบๆ รถคันนี้สดใสขึ้นมาทันที เสียงท่อระบายไอเสียที่ขยายตัวจากความร้อนหลังจากการวิ่งทดสอบในรอบแรกดังกึกๆ กับกลิ่นของเชื้อเพลิงที่ถูกเผาไหม้แล้วปล่อยออกมาที่ท่อท้าย มันมีล้อ 19 นิ้วที่สวยงามกับยางต่างไซส์ที่เน้นให้ล้อหลังซึ่งเป็นล้อขับเคลื่อนมีความอวบอ้วนมากยิ่งขึ้น มันมีเครื่องยนต์สูบนอน 6 กระบอกสูบขนาด 3.4 ลิตร 335 แรงม้าที่ทรงประสิทธิภาพ เวลาที่ผ่านมาถึงกว่าครึ่งทศวรรษขัดเกลาให้รูปทรงของ 911 รุ่นล่าสุดมีทั้งความแบนเตี้ยและกว้าง สัดส่วนที่คล้ายกับนักกีฬาที่แข็งแกร่งจะยิ่งสื่อสารได้ดีมากขึ้นเมื่อก้าว เข้าไปนั่งในตำแหน่งคนขับ เบาะที่โอบรัด ห้องโดยสารแบบสปอร์ตบนแนวทางของ Porsche ที่ไม่มีใครเหมือน นาฬิกา Chronometer พวงมาลัยสามก้านหนังครึ่งอัลลอย ตำแหน่งที่ดีของการนั่งขับกับความเป็นชาติพันธุ์ของ 911 มันส่งสัมผัสที่แทบจะไม่แตกต่างจากรุ่น S มีเพียงการเร่งความเร็วเท่านั่นที่ด้อยกว่าเล็กน้อย โดยภาพรวมแล้ว 911 รุ่นมาตรฐานสีน้ำเงินคันนี้ เหมาะมากกับชายและหญิงที่ต้องการรถสปอร์ตซึ่งมีการขับขี่ที่ดี แต่ไม่ต้องการกำลังมากมายอะไรนัก แม้จะมีเพีียงแค่ 335 แรงม้า แต่การเร่งความเร็วบน 911 รุ่นปกติให้ความสนุกสนานมากจนเกินความต้องการ มันเป็นรถที่สามารถใช้ขับขี่ได้ทุกวันเท่าที่คุณพอใจ ซึ่งจะทำให้คุณดูดีจากระบบรองรับการขับขีี่กับระบบช่วงทรงตัวและชุดส่งกำลัง ขั้นเทพที่จะทำให้นักขับธรรมดาทั่วไปกลายเป็นคนที่มีฝีมือในการควบคุมรถได้ไม่ยากเย็นนัก ต้องของคารวะ AAS Auto และ Porsche AG ที่กล้าหาญชาญชัยในการจัดงานใหญ่ ซึ่งนำเอารถสปอร์ตราคาแพงมาให้ลองกันถึง 23 คัน งานที่มีแต่รถแรงราคาสูงให้สื่อมวลชนกับลูกค้าของ Porsche ได้ทดลองกันถึง 12 วันเต็มๆ


ผมลงจาก 911 รุ่นปกติด้วยความรู้สึกที่ดี แม้จะเริ่มเหนื่อยขึ้นมาบ้างแล้วแต่การขับทดสอบในภาคเช้ายังเหลือตัวแรงตัวหล่อให้ลงไปอัดในพีระเซอร์อีกเพียบ พี่แมน ทัศไนย ไรวา บก.ของ Car Thai Edition ขอตัวเข้าไปพักทานน้ำทำให้ผมต้องหวดเจ้า Boxster S คนเดียวโดดๆ ถึง 4 รอบสนาม นี่คือ Porsche คันเล็กแบบเปิดประทุนที่มี DNA เชื่อมโยงกับ New Cayman แบบแยกกันไม่ออก ผมชอบโป่งล้อที่มีล้อลายสวยขอบ 19 นิ้วติดมาให้จากโรงงานสำหรับรุ่น Boxster S สัดส่วนของตัวถังถูกปรับแก้มากมายเริ่มจากฐานล้อที่ถูกขยายขึ้นอีก 60 มิลลิเมตร วิศวกรของ Porsche ให้คำแนะนำว่ามันช่วยให้รถมีความเป็นไดนามิกมากยิ่งขึ้นจากการทรงตัวที่ดี กระจกบานหน้าต่ำลงอีก 40 มิลลิเมตรและมีองศาที่ลาดเอียงมากยิ่งขึ้นเพื่อความลู่ลม ตัวถังสั้นลง 13 มิลลิเมตร จุดศูนย์ถ่วงถูกดึงลงให้ต่ำอีก 13 มิลลิเมตร ตัวถังทนแรงบิดได้ดีขึ้น 40% ซึ่งนับว่ายอดเยี่ยมมากสำหรับรถเปิดประทุนที่ไม่มีความแข็งของหลังคามาช่วย เสริมรับแรงบิดตัวเมื่อเข้าโค้งแรงๆ รถทดสอบ Boxster S คันนี้มีชุดส่งกำลังแบบ PDK-7 ที่ทำให้มันเบาลงอีก 30 กิโลกรัมเมื่อเปรียบเทียบกับรถรุ่นเก่า อัตราเร่งและความเร็วปลายที่ดีขึ้นมากกลายเป็นก้าวกระโดดครั้งสำคัญของเจ้ากบตัวเล็กคันนี้ ตำแหน่งที่ต่ำลงของเบาะมากถึง 10 มิลลิเมตร เมื่อผมปรับเบาะให้ต่ำสุดๆ ท่านั่งที่จมลงไปในตัวรถสร้างความมั่นคงในการขับทดสอบบนสนามแข่งที่ต้องใช้ความเร็วมากกว่าการขับทดสอบบนท้องถนนทั่วไป คอนโซลกลางปุ่มและสวิตช์ได้รับแนวคิดมาจาก Panamera แม้คอนโซลจะมีขนาดเล็กกว่ามาก ที่โดดเด่นมากคือเครื่อง 3.4 ลิตรแบบ 6 กระบอกสูบ นอนยันชักข้างหายใจด้วยตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งพาระบบอัดอากาศ เครื่องยนต์ถูกวางไว้กลางลำแบบที่ผมชอบมากที่สุด ผมกดปุ่มที่เป็นรูปท่อไอเสียที่ติดตั้งอยู่ใกล้ๆ กับซุ้มเกียร์เพื่อให้เสียงของมันเร้าใจมากขึ้น หลังคาผ้าใบแบบสองชั้นมีน้ำหนักเบากว่าหลังคาโลหะทุกแบบและทำงานด้วยความเร็วเพียงแค่ 9 วินาทีเท่ากันกับ 911 รุ่นเปิดประทุน


พวงมาลัยไฟฟ้าให้สัมผัสที่ดีและทำให้มันมีชุดบังคับเลี้ยวที่เบาลงมาก เมื่อทำงานร่วมกับช่วงล่างและระบบช่วยทรงตัวผมขอบอกได้คำเดียวว่าสุดยอด พวงมาลัยแบบใหม่ทำให้ New Boxster ไม่ต้องมีท่อไฮดรอลิกยาวเป็นเมตรวิ่งไปมาใต้ท้องรถ น้ำหนักที่ลดลงและต้นทุนที่ต่ำลงมาคือเรื่องที่ดีในการพัฒนารถรุ่นใหม่ให้ประสบความสำเร็จ การทำงานของเกียร์ PDK-7 เหมือนกับรถรุ่นพี่ 911 ทุกประการ อัตราทดที่จัดจ้านทำให้มันไล่กวดรถที่แรงกว่าได้อย่างไม่ลดละ ความเร็วตอนเข้าโค้งและแรงเหวี่ยงหนีศูนย์กลางหรือแรงจีทำให้ผมรู้สึกดีมาก แต่ก็เหนื่อยมากเช่นกัน ในสนามพีระเซอร์กิตกับรถสปอร์ตเครื่องวางกลางลำ คุณไม่จำเป็นต้องทำตัวเป็นพระเอกด้วยการโชว์แมนขับแบบบ้าระห่ำ หากคุณคุ้นเคยกับการขับแบบลากรอบ ก็ลองกดโหมดสปอร์ตใช้งานไปตลอดทางเมื่อขับเจ้า New Boxster S เกียร์ที่ลดลงต่ำให้หนึ่งเกียร์ก่อนเข้าโค้งกับเสียงเครื่องยนต์ที่แผดดัง เมื่อรอบกวาดขึ้นและความมั่นคงเมื่อพุ่งทะยานออกจากปลายโค้ง 100R รอบแล้วรอบเล่า ประสิทธิภาพของแซสซีส์ เครื่องยนต์และระบบส่งกำลังหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวจนคุณแทบจะไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปเสียเงินกับรุ่นที่แพงกว่าอย่าง 911 เปิดประทุน ช่วงเวลา 4 รอบสนามจบลงอย่างรวดเร็วเมื่อวิ่งครบและต้องเปลี่ยนรถอีกครั้ง สิ่งที่ผมจำได้อย่างแม่นยำเมื่อได้ลองขับทดสอบ New Boxster S คือเมื่ออัดเข้าโค้งหนักๆ มันไม่เพียงเปลี่ยนทิศทางได้อย่างฉับพลันทันทีในช่วงออกจากโค้ง แต่ยังให้สัมผัสที่หนักแน่นเวลากระแทกเบรกก่อนหัวโค้งเมื่อใส่มาสุดๆ แล้ว หมุนพวงมาลัยทับไลน์ของรถคันนำซึ่งเป็น 911/997 Carrera GTS ซึ่งหากวัดกันในโค้งแล้ว New Boxster S ไม่มีจุดไหนเลยที่แสดงออกถึงความอ่อนด้อยด้านประสิทธิภาพ