พบกันอีกครั้ง กลางเดือนมีนาคม หลายคนบ่นอุบ เวลาเดินเร็วมากมาย หลายอย่างเปลี่ยนแปลงเร็วกว่าที่คาดคิด ทั้งสุขภาพ สังขาร…มันช่างไม่เที่ยงหนอจริงๆ ไม่เว้นแม้แต่ "ภาษาไทย" ที่ทุกวันนี้ก็เริ่มจะปรับไปตามสภาพ สภาพอะไรก็ไม่ทราบ แต่น่าจะเป็นตามสภาพผู้ใช้ โดยเฉพาะวัยรุ่นอย่างเราๆ ถ้าไม่พูดก็ดูจะเช้ยเชย กับคำแปลกๆ "บ่องตงๆ", "จุงเบย", "อัลไล", "ฝุดๆ" ฯลฯ

เฮ้อ!!! "สวัสดี…แคมปัส" ฟังแล้วละเหี่ยใจจริงๆ ตอนแรกได้ยินก็พอขำๆ แต่พอนึกไปถึง "ความเป็นไทย" และ "วิวัฒนาการของภาษา" เกิดความรู้สึกไม่สบายใจยิ่งนัก เพราะเวลาผ่านไปไม่นาน ภาษาและศัพท์ใหม่ๆ ก็เกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ ถ้าเป็นไปได้ "สวัสดี…แคมปัส" อยากจะขอให้ทุกคน เยาวชน พี่น้องชาวไทยทั้งหลาย ช่วยกันรักษาภาษาของเราไว้ หัดใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง แต่ถ้าจะพูดเล่นบ้าง อำกันบ้าง ก็ไม่เป็นไร แต่ขออย่างเดียวอย่าใช้จนมันติดปากก็แล้วกัน...สงสารคนคิดเนอะ

กลับมาที่ "แคมปัสรับเชิญ" ของเราดีกว่า สัปดาห์นี้ขอนำเสนอนางเอกหน้าดุ "แจ็คกี้-ชาเคอลีน มึ้นช์" สาวใสวัย 19 ปี ดารานักแสดงมากบทบาท หลายคนเห็นหน้าร้องอ๋อ เพราะ แจ็คกี้ เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงมาได้ประมาณ 4 ปีแล้ว และเล่นละครได้ 3 ปี

...

ก่อนหน้านี้ แจ็คกี้ เล่าว่า เธอเริ่มต้นงานด้านนี้ ตั้งแต่เธออยู่ที่เชียงใหม่ โดยเริ่มจากการเดินแบบ และการที่ชอบร้องเพลง ก็เลยไปประกวดร้องเพลง คุณครูเห็นว่าเธอไปประกวดเวทีโน้นเวทีนี้ตลอด ก็เลยถามว่า สนใจจะไปประกวดมิสทีนไทยแลนด์ไหม เธอก็เลยลองดูสักครั้ง ทำให้เธอผ่านเข้ารอบ จนไปถึงรอบ 15 คน

ถึงแม้ว่า แจ็คกี้ จะชวดตำแหน่งมิสทีนไทยแลนด์ 2008 ไป แต่แจ็คกี้ก็ไม่กลับบ้านมือเปล่า เพราะแจ็คกี้คว้าตำแหน่ง MISS FASHIONISTA by PLATINUM กลับไปด้วย หลังจากนั้นก็มีโมเดลลิ่งที่กรุงเทพฯพาไปแคสงาน แล้วงานถ่ายโฆษณา ถ่ายเอ็มวี ก็เข้ามาตามระเบียบ จนเธอได้เซ็นสัญญากับค่ายทีวีซีน

แจ็คกี้ เรียนอยู่ชั้นปีที 1 ในคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัย กรุงเทพ หลังจากที่เพิ่งเรียนผ่านไปได้ 1 เทอม แจ็คกี้ ได้เลือกวิชาเอกในด้านวิทยุและโทรทัศน์ วิชาโทคือสาขาการแสดง ตอนแรกตัวเธอก็หนักใจว่า จะเลือกเรียนอะไรดี เพราะว่าชอบไปหมดในด้านนิเทศศาสตร์ แต่ด้วยทำงานด้านวิทยุโทรทัศน์อยู่แล้ว ก็เลยเลือกเรียนสาขานี้เพื่อต่อยอดความรู้ แจ็คกี้ กระซิบบอกด้วยว่า เรียนยาก แต่สนุก

"หนูมีความตั้งใจมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ว่าอยากเป็นนักแสดง จึงเลือกที่จะเรียนทางด้านวิทยุโทรทัศน์ ตอนแรกก็คิดว่าจะเรียนอย่างอื่นไหม แต่ถ้าเรียนไปแล้ว เราไม่มีความฝันตรงนั้น ก็เปลี่ยนใจมาเรียนในสิ่งที่เราฝันไว้ดีกว่า เราจะได้ทำแบบมีความสุข สนุกกับมัน และเราจะสามารถนำมาใช้ในการทำงาน ในละครได้ด้วย และถ้าเรียนจบ ก็อยากจะไปทำงานเบื้องหลัง"

ถามถึงเรื่องเกียรตินิยม แจ็คกี้ บอกว่า "ก็ดูๆ กันไปก่อน แต่ไม่น่าจะได้ เพราะต้องทำงานด้วย มีคนบอกว่าถ้าเกรดอยู่ที่ 3.25 ถึงจะได้ แต่ตอนนี้เกรดอยู่ที่ 3.00" แจ็คกี้บอกว่าตอนสมัยมัธยมยังได้ 3.5 เธอบอกว่าตัวเองเป็นคนที่สอบได้คะแนนไม่ค่อยดี แต่ชอบที่จะทำงานส่ง ทำงานออกมาให้ดีๆ เพื่อที่จะให้ได้คะแนนดีดีกลับมา แล้วก็ต้องตามงานส่งให้ครบ

...

ส่วนเรื่องการจัดสรรเวลาระหว่างเรื่องานและเรื่องเรียน คือ แจ็คกี้จะดูว่า ละครเรื่องต่อไป มีคิวถ่ายวันไหนบ้าง แล้วก็ลงเรียนวันที่ไม่มีถ่ายละคร เช่น เรื่องหน้าก็จะมีถ่ายวันพฤหัสฯ-อาทิตย์ เธอก็จะลงเรียน จันทร์ อังคาร พุธ หรือถ้ามีเรียนตรงกับคิวถ่าย ก็เข้าไปคุยกับอาจารย์ ว่าอาจจะมาเรียนได้บ้างไม่ได้บ้าง ซึ่งอาจารย์ก็โอเค เพราะอาจารย์ใจดี แล้วเธอก็ต้องพยายามตามงานให้ทัน

แจ็คกี้ บอกว่า "ภูมิใจมาก ที่ได้ทำงานเลี้ยงแม่ตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น เงินที่ได้มาทุกบาท แจ็คกี้ให้แม่หมดเลย เดี๋ยวแม่ก็จัดการให้เราเอง (หัวเราะ) ช็อปปิ้งก็มีบ้าง แต่ไม่เยอะ เพราะเป็นคนงก ที่งกเพราะว่าเงินมันหายาก แม่จะดูแลให้ตลอด เอาเงินไปจ่ายค่าน้ำค่าไฟ ซึ่งแม่เคยจ่าย มาตอนนี้เราเป็นคนจ่าย มันรู้สึกภูมิใจมากกว่า ว่าเลี้ยงแม่ได้ตั้งแต่อายุ 19 ถึงเหนื่อยแต่ก็ดีใจ ภูมิใจ และอีกอย่าง ถ้าเราสนุกกับงาน มันเหนื่อยแค่ไหน แต่มันก็สนุก ถ่ายละครก็เหนื่อย แต่มันสนุกเลย ทำให้ไม่ค่อยเหนื่อยเท่าไหร่"

สุดท้าย สาวสวย กล่าวทิ้งท้ายได้อย่างมีความหมายว่า "ความฝันมีอย่างเดียวเลย คืออยากเป็นนักแสดง อยากทำงานยู่ในวงการบันเทิง อยากเป็นนักร้อง คติประจำใจก็คือ ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพราะว่าบางครั้งดูตารางงานแล้ว โอ้โห ไม่ได้หยุดเลย ทั้งงานในวงการและงานมหาลัย เลยไม่อยากจะคิดมาก เอาแค่ทำวันนี้ให้ดีที่สุดก็พอ เต็มที่กับวันนี้ แล้วนอนพักผ่อน ส่วนพรุ่งนี้ค่อยเอาใหม่"

ส่วน "สวัสดี…แคมปัส" สัปดาห์หน้าว่ากันใหม่...บ่องตงๆ!!!

...

...