เฟอร์รารี่ลาก200ม.-หนีเข้าบ้าน สวป.ทำงามหน้าหาแพะรับแทน บิ๊กแจ๊ดฉุนกดดัน-ยอมมอบตัว
ลูกชายคนเล็ก “เฉลิม อยู่วิทยา” เจ้าพ่อกระทิงแดง ซิ่งเฟอร์รารี่พุ่งชนดาบตำรวจสายตรวจ สน.ทองหล่อ ดับสยองคาเครื่องแบบ ก่อนเผ่นหนีกบดานเงียบในบ้านซอยสุขุมวิท 53 “คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง” ฉุนขาดประกาศลั่น ถ้าจับไม่ได้ขอลาออก ยกกำลังกองร้อยปราบจลาจลปิดล้อมระหว่างรอหมายค้น ระหว่างนั้น สวป.สน.ทองหล่อกลับทำงามหน้าพาพ่อบ้านสวมรอยเป็นโชเฟอร์หวังรับผิดแทน เจอเด้งช่วยราชการ บช.น.30 วัน สุดท้ายหนุ่มนักเรียนนอกยอมโผล่มอบตัวอ้างถูกผู้ตายขี่รถปาดหน้ากะทันหัน ตำรวจแจ้ง 2 กระทง ขับรถชนคนตาย บวกข้อหาหลบหนี ยื่นเงินสด 500,000 บาท ประกันตัวผู้พ่อตามดูแลไม่ห่าง รับเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบอกลูกชายแค่วอร์มเครื่องทดลองรถ ยินดีรับผิดชอบเป็นเจ้าภาพงานศพเหยื่อทุกคืน
หนุ่มทายาทเจ้าพ่อกระทิงแดงซิ่งรถหรูชนดาบตำรวจดับ เกิดขึ้นเมื่อเวลา 05.40 น. วันที่ 3 ก.ย. พ.ต.ท.วิรดล ทับทิมดี พนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.ทองหล่อ รับแจ้งอุบัติเหตุรถชนตำรวจสายตรวจเสียชีวิตบริเวณถนนสุขุมวิทขาออก ระหว่างซอยสุขุมวิท 47 กับสุขุมวิท 49 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม. จึงรายงานผู้บังคับบัญชาแล้วรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รอง ผบก.น.5 พ.ต.อ.ชุมพล พุ่มพวง ผกก.สน.ทองหล่อ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุพบศพ ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่ ป. สน.ทองหล่อ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 800/1 ซอยสุขุมวิท 55 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม. สวมเครื่องแบบตำรวจนอนหงายจมกองเลือดอยู่ช่องทางขวาสุด ในสภาพน่องข้างซ้ายฉีกขาดถึงกระดูก ใกล้กันยังพบป้ายทะเบียนรถ จยย.ตราโล่ 51511 ตกอยู่ ขณะที่รถ จยย.ไทเกอร์ของดาบตำรวจชะตาขาดล้มอยู่หน้าปากซอยสุขุมวิท 49 ห่างจากจุดพบศพไปประมาณ 200 เมตร
สอบสวนผู้เห็นเหตุการณ์ได้ความว่า ด.ต.วิเชียร กำลังขี่รถ จยย.ออกตรวจพื้นที่ตามปกติ ปรากฏว่า มีรถเก๋งสปอร์ต ยี่ห้อเฟอร์รารี่ สีบรอนซ์เทา ไม่ทราบทะเบียนวิ่งมาด้วยความเร็วพุ่งชน ด.ต.วิเชียรอย่างแรง ก่อนลากร่างดาบตำรวจสายตรวจและรถ จยย.ไถลเป็นระยะทางกว่า 200 เมตร โดยที่คนขับพยายามหักพวงมาลัยส่ายไปมากระทั่งผู้ตายกระเด็นหลุดมานอนแน่นิ่งบนถนน ส่วนรถ จยย.คู่กายกระเด็นไปอีกทาง จากนั้นโชเฟอร์รถสปอร์ตตีนผีได้ซิ่งหนีหายเข้าซอยสุขุมวิท 53
พ.ต.อ.จิรพัฒน์กับพวกตรวจสอบสภาพที่เกิดเหตุอย่างละเอียดจนพบคราบน้ำมันเครื่องรถเก๋งของ ผู้ต้องสงสัยไหลเป็นทางยาวจากปากซอยสุขุมวิท 53 ไปจนถึงหน้าบ้านเลขที่ 9 ที่สร้างเป็นอาคารสูง 6 ชั้น เนื้อที่ 2 ไร่ มีรั้วรอบขอบชิดสูง 3 เมตร ติดตั้งประตูเหล็กแน่นหนา ทราบภายหลังเป็นบ้านของนายเฉลิม อยู่วิทยา เจ้าของเครื่องดื่มกระทิงแดง ผู้สานต่อมรดกธุรกิจระดับมหาเศรษฐีติดอันดับโลกจากนายเฉลียว อยู่วิทยา บิดาที่ล่วงลับ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามขอเข้าไปตรวจสอบภายในบ้านกลับถูกพนักงานรักษาความปลอดภัยเบรกไว้ให้รออยู่รอบนอกเท่านั้น ก่อนมีชายขับรถยี่ห้อโตโยต้า รุ่นคัมรี่ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ภฐ 1116 กรุงเทพมหานคร พาผู้ชายอีกคน นั่งเบาะหลังออกจากรั้วบ้านอย่างรวดเร็ว ทำเอาสถานการณ์เริ่มตึงเครียด
ต่อมา พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รอง ผบช.น. พล.ต.ต.กฤษฏิ์ เปียแก้ว ผบก.น.5 เดินทางตามไปสมทบหน้าบ้านเจ้าสัวกระทิงแดง ก่อนพากันเข้าไปในบ้านใช้เวลานานราว 1 ชั่วโมง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ออกมาเปิดเผยด้วยท่าทีขึงขังว่า พบรถคันก่อเหตุแล้ว แต่ยังไม่เจอตัวคนขับ ทุกอย่างไม่มีปัญหาจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเต็มที่แน่นอน ส่วนคนขับยังไม่เจอเชื่อว่ากำลังติดต่อทนายอยู่ เรื่องนี้ตนยอมไม่ได้ ต่อให้ใหญ่แค่ไหนก็ไม่กลัว ยังไงต้องเอาคนผิดมาลงโทษ เพราะตำรวจตายทั้งคน หลังจากนี้จะไปเตรียมกำลังมา 2 กองร้อย และขอหมายค้นเพื่อเข้าตรวจสอบในบ้านอย่างละเอียดอีกครั้ง หากไม่ได้คนขับตัวจริงมาลงโทษจะขอลาออกทันที
หลังให้สัมภาษณ์เสร็จสิ้น บรรดาผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่หน้าบ้านเจ้าของเครื่องดื่มกระทิงแดงต่างปรบมือดังลั่นที่เห็น ผบช.น.เอาจริงเอาจังในอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ขณะที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ได้สั่งการให้นำกำลังกองร้อยปราบจลาจล บก.น.5 ไปปิดล้อมบ้านตามที่ลั่นวาจาไว้ รอจนได้รับหมายค้นศาลอาญาจึงเข้าบ้านพร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจตรวจรถคันก่อเหตุที่จอดทิ้งชั้นใต้ดินของบ้าน พบสภาพรถเฟอร์รารี รุ่นพินินฟาริน่า สีบรอนซ์เทา ทะเบียน ญญ 1111 กรุงเทพมหานคร แต่ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน กันชนหน้าซ้ายแตก กระจกหน้าฝั่งซ้ายแตกเป็นวงกว้าง มีเครื่องหมายยศนายดาบตำรวจของผู้ตายติดคากระจกด้วย และจากการตรวจสอบสมุดจดบันทึกของ รปภ.ระบุเมื่อเวลา 05.12 น. ได้มีการจดบันทึกไว้ว่า น้องบอสขับรถออกจากบ้านอีกด้วย ทำให้ตำรวจมั่นใจว่า โชเฟอร์หนุ่มรายนี้น่าจะเป็นนายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา อายุ 27 ปี หนุ่มนักเรียนนอกจากอังกฤษ ลูกชายคนเล็กของนายเฉลิมแน่นอน
ปรากฏว่า พ.ต.ท.ปัณณ์ณภณ นามเมือง สวป.สน.ทองหล่อ กลับสร้างเรื่องฮือฮาพานายสุเวศ หอมอุบล อายุ 45 ปี พ่อบ้านที่มีหน้าที่ดูแลรถบ้านเจ้าสัวตระกูลดัง เข้าไปมอบตัวพนักงานสอบสวนที่โรงพักสมอ้างเป็นผู้ขับรถเก๋งเฟอร์รารีพุ่งชนตำรวจเสียชีวิตเอง แต่พอนำตัวไปตรวจร่องรอยคาดเข็มขัดนิรภัย และรอยอัดกระแทกของรถตามร่างกายแล้วไม่พบ นายสุเวศถึงยอมจำนนว่า ไม่ได้เป็นคนขับจริง เพียงแค่มารับหน้าแทนลูกเจ้านาย สร้างความไม่พอใจแก่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.เป็นอย่างมากถึงขนาดมีคำสั่งให้ดำเนินคดีข้อหาแจ้งความอันเป็นเท็จ รวมถึงเซ็นคำสั่งเด้ง พ.ต.ท.ปัณณ์ณภณไปช่วยราชการ บช.น.เป็นเวลา 30 วัน “ที่ผมไม่พอใจก็เพราะไปเอาตัวปลอมมามอบตัว ส่วนคนที่ขับรถชนตำรวจตัวจริงยังลอยนวลอยู่ ผมทราบดีว่า สวป.คนดังกล่าว ทำหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยให้กับบ้านของลูกชายอดีตเจ้าสัวกระทิงแดง แต่ทำงานแบบนี้ใช้ไม่ได้” พล.ต.ท.คำรณวิทย์ให้สัมภาษณ์ด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว
กระทั่งเวลา 10.00 น. หลังนายตำรวจใหญ่นครบาลกดดันอยู่ในบ้านอยู่วิทยานานนับชั่วโมง สุดท้ายนายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา สวมเสื้อโปโลสีน้ำเงิน กางเกงยีนส์สีดำ ใส่หมวกสีน้ำเงิน ยอมโผล่ออกมามอบตัวต่อ พ.ต.อ.ชุมพล พุ่มพวง ผกก.สน.ทองหล่อ ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ตำรวจจึงคุมตัวไปยังโรงพัก รวมทั้งยกรถเฟอร์รารีคันงามไปประกอบหลักฐานด้วย ท่ามกลางทัพสื่อมวลชนที่เฝ้ารอสังเกตการณ์ทำข่าวมาตั้งแต่เช้ามืดจำนวนมาก เมื่อไปถึงทายาทเจ้าพ่อเรดบูลมีอาการเซเล็กน้อยลงจากรถตรงขึ้นห้อง ผกก.เพื่อให้ปากคำเครียด โดยมีนายเฉลิม อยู่วิทยา บิดานั่งรถเก๋ง ยี่ห้อเบนท์ลีย์ สีดำ ทะเบียน กบ 1 กรุงเทพมหานคร ตามไปดูแลลูกชายด้วย แต่ไม่ยอมแสดงความคิดเห็นอะไรในอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น เบื้องต้น ไฮโซหนุ่มนักเรียนนอกให้การภาคเสธรับว่า ขับรถสปอร์ตประสบอุบัติเหตุจริง แต่รถ จยย.ของผู้ตายขี่ปาดหน้าทำให้หักหลบไม่ทัน
พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น.เผยว่า ได้รับคำสั่งจาก ผบช.น.ให้เข้ามาดูแลคดี หลังสอบปากคำนายวรยุทธแล้ว พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นเสียชีวิต และหลบหนีไม่อยู่ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ไม่แจ้งตำรวจที่อยู่จุดเกิดเหตุ ส่วนผู้ต้องหาจะมึนเมาสุราขณะขับขี่หรือไม่นั้น จากการสอบปากคำยังพูดจารู้เรื่องอยู่ แต่ไม่บอกว่า ขับมาเร็วแค่ไหน เห็น ด.ต.วิเชียรขี่รถมาหรือไม่ เหตุใดจึงหลบหนี หลังสอบปากคำแล้วก็จะนำตัวไปตรวจร่างกาย และตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ ที่ รพ.ตำรวจ คดีนี้มีพยานหลักฐานชัดเจน รถเก๋งพนักงานสอบสวนก็ยึดไว้ตรวจสอบ ที่รถยังพบเครื่องหมายนายดาบของผู้ตายติดอยู่ สภาพรถกระจกร้าวเป็นวงกว้าง ถุงลมนิรภัยของรถก็ทำงาน
การสอบปากคำไฮโซหนุ่มนักซิ่งผ่านพ้นไปราว 6 ชั่วโมง ตำรวจได้นำตัวไปตรวจร่างกาย ตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ที่ รพ.สมิติเวช แทน รพ.ตำรวจ เพราะเห็นว่าอยู่ไม่ไกลจากโรงพัก ก่อนเดินทางกลับมาทำเรื่องขอประกันตัว ใช้หลักทรัพย์เป็นเงินสด 5 แสนบาท ซึ่งพนักงานสอบสวนอนุญาตให้ประกันตัวได้ มีนายเฉลิม อยู่วิทยา ผู้เป็นพ่อ ที่เฝ้าดูแลลูกชายมาตลอดเผยเพียงสั้นๆว่า ก่อนเกิดเหตุลูกชายนำรถออกจากบ้านไปวอร์มเครื่อง และทดลองขับบนถนนในช่วงเช้ามืดเท่านั้น ไม่คิดว่าจะเกิดอุบัติเหตุขึ้น ตนก็รู้สึกเสียใจ ตัวลูกชายเองก็รู้สึกเสียใจ และจะดูแลรับผิดชอบให้ดีที่สุด
ด้านนายสมัคร เชาวภานันท์ ทนายความ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุนายเฉลิมติดต่อให้ไปพบที่บ้านเพื่อปรึกษาเรื่องที่เกิดขึ้น จึงแนะนำให้นายวรยุทธมอบตัวไม่ว่าจะถูกหรือผิด ส่วนสาเหตุที่นายวรยุทธขับรถกลับเข้าบ้านทันที เพราะเป็นความตกใจ รีบกลับเข้าไปปรึกษาผู้ปกครอง ไม่ได้หลบหนี และไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์ เรื่องนี้จะผิดจะถูกขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวนเป็นผู้พิจารณา แต่ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ฝ่ายตนยินดีจะชดใช้ค่าเสียหายให้ทั้งหมด และจะเป็นเจ้าภาพงานศพของ ด.ต.วิเชียร ทุกคืน นายเฉลิม อยู่วิทยา จะเดินทางไปร่วมงานศพด้วย แต่ตัวนายวรยุทธคงยังไม่ไป เนื่องจากยังทำใจไม่ได้ และเสียใจว่าไม่น่าเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า ทราบเรื่องแต่แรกแล้ว และสั่งว่า ต้องเอาตัวจริง อย่าเอาตัวปลอมมารับสมอ้างว่าขับไม่ได้ ตนย้ำ ผบช.น.ไปแล้วว่า ชีวิตคนมีความหมาย ไม่ใช่เฉพาะตำรวจ เมื่อถามว่า คดีจะหลุดเพราะนามสกุลอีกหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมตอบว่า ยุคนี้ไม่มีสะดุดที่นามสกุล ใครผิดก็ต้องผิด คนรวยเป็นเทวดาหรือ คนรวยทำผิดไม่ได้หรือ แม้ประมาทเป็นเหตุให้คนอื่นถึงแก่ความตายมันเกิดขึ้นได้ แต่ถ้าทำในลักษณะชนแล้วหนีมันผิดจรรยาบรรณ และถ้าเกิดมีการเปลี่ยนตัว ก็บอก ผบช.น.ไปแล้วว่า ไม่ได้ ต้องหาตัวจริง ทำไมเราต้องไปสะดุดที่นามสกุล
ที่สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตร. บ่ายวันเดียวกัน นายพรอนันต์ กลั่นประเสริฐ อายุ 58 ปี พี่ชาย ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ เดินทางไปรับศพน้องชายท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศก ก่อนเคลื่อนศพไปบำเพ็ญกุศลที่วัดธาตุทอง ศาลา 10 โดยนายพรอนันต์เผยว่า ผู้ตายเป็นน้องชายคนเล็ก ตอนเด็กใฝ่ฝันอยากเป็นตำรวจจึงสอบ ร.ร.พลตำรวจนครบาล บรรจุครั้งแรกที่ สน.ทองหล่อ เมื่อปี 2534 ถึงปัจจุบัน น้องชายเป็นคนสุภาพเรียบร้อย อัธยาศัยดี และตั้งใจทำงาน เป็นที่รักใคร่ชอบพอของเพื่อนร่วมงานและบุคคลใกล้ชิด เรื่องที่เกิดขึ้นรู้สึกรับไม่ได้ ถือเป็นเรื่องที่โหดร้ายมากที่คนก่อเหตุขับรถชนน้องชายแล้วหนี มีการลากศพไปไกล เพราะหากชนแล้วหยุด คงมีโอกาสรอด อาจจะไม่ตาย ยิ่งพอรู้ว่าเป็นลูกคนมีชื่อเสียง อยากฝากถึงพ่อแม่ที่เลี้ยงดูไว้ว่า ควรอบรมลูกให้มีความรับผิดชอบ ทำผิดควรลงมาช่วยไม่ใช่หนีไปแบบนี้ ตนเห็นมาหลายกรณีแล้วที่ลูกคนมีเงินขับรถชนคนตาย จึงไม่คาดหวังอะไร แต่หากเป็นไปได้อยากให้คนก่อเหตุมาขอขมาหน้าศพก็พอ
ส่วน น.ส.นงนุช แสงประพาฬ อายุ 31 ปี อดีตภรรยาของ ด.ต.วิเชียร ร่ำไห้กล่าวว่า แต่งงานอยู่กินกับผู้ตายเมื่อปี 2547 และเลิกรากันในปีถัดมา แต่ก็ยังโทรศัพท์พูดคุย หรือพบเจอหน้ากันอยู่ทุกวัน แม้จะไม่ได้เป็นสามีภรรยากันแล้ว ครั้งสุดท้ายเพิ่งเจอกันเมื่อประมาณ 19.00 น. วันที่ 2 ก.ย.55 ด.ต.วิเชียรเพิ่งกลับมาจากไปร่วมงานศพ ทว่าไม่ได้คุยอะไรกันมาก เพราะ ด.ต.วิเชียรขอนอนพักเพื่อเตรียมตัวเข้าเวรในเวลาเที่ยงคืน ที่ผ่านมา อดีตสามีก็เป็นคนนิสัยดี เรียบร้อย ไม่ค่อยพูดเท่าไร แต่ก็เป็นคนที่ตนรักที่สุด อยากฝากบอกคนที่ก่อเหตุว่า ให้รับผิดชอบในสิ่งที่ก่อขึ้นด้วย
ที่ศาลา 10 วัดธาตุทอง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. เดินทางไปเป็นประธานพิธีรดน้ำศพ ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ เหยื่อเฟอร์รารีทายาทกระทิงแดง มีนายเฉลิม อยู่วิทยา ตามไปขอขมาศพแทนลูกชาย ก่อนเดินพูดคุยญาติผู้ตายเอ่ยปากขอโทษต่อความสูญเสียที่เกิดขึ้น พร้อมชดใช้ค่าเสียหายทุกอย่าง สำหรับการเสียชีวิตของ ด.ต.วิเชียรนั้นถือเป็นการเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีสวัสดิการช่วยเหลือเบื้องต้น 500,000 บาทเศษ และพิจารณา 3 ชั้นยศ เลื่อนเป็น ร.ต.อ.
ขณะที่สำนักข่าวเอพีและเอเอฟพีรายงานข่าวอุบัติเหตุดังกล่าวด้วยเช่นกัน ระบุว่า ตำรวจไทยจับทายาทรุ่นที่ 3 ของตระกูลอยู่วิทยา เจ้าของเครือธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังกระทิงแดง และร่วมก่อตั้งเครื่องดื่มแบรนด์เรดบูล จนติดตลาดต่างประเทศ ฐานต้องสงสัยขับรถชนตำรวจเสียชีวิตแล้วหลบหนี โดยผู้ก่อเหตุขับรถหรูยี่ห้อเฟอร์รารี่ ชนและลากร่างตำรวจผู้เสียชีวิตไปประมาณ 200 เมตร สำหรับผู้ก่อเหตุ ข่าวระบุว่า เป็นหลานชายของนายเฉลียว อยู่วิทยา ผู้ก่อตั้งเครือธุรกิจกระทิงแดงผู้ล่วงลับ ที่ถูกนิตยสารฟอร์บส์ของสหรัฐฯเคยจัดให้เป็นหนึ่งในมหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยที่สุดในไทย ด้วยทรัพย์สินสุทธิรวม 5,400 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 167,400 ล้านบาท
...