"ชัชชาติ" แจงปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายตึก สตง. ถล่ม เน้นการค้นหาผู้รอดชีวิต รับโซน A และ D โอกาสรอดน้อย
เมื่อเวลา 16.50 น. วันที่ 1 เม.ย. 68 ที่ศูนย์บัญชาการเขตจตุจักร บริเวณหน้าไซต์งานโครงการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. พร้อมด้วย รศ.ทวิดา กมลเวช รองผู้ว่า กทม. นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกกรุงเทพมหานคร และนายภัทร์กร สินสุข ผู้อำนวยการสำนักงานเขตจตุจักร ร่วมกันแถลงความคืบหน้าล่าสุดของปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหาย
นายชัชชาติ กล่าวว่า ขณะนี้ปฏิบัติการอยู่ในขั้นตอนการค้นหาผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง โดยได้เริ่มดำเนินการเคลื่อนย้ายสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของเมื่อวานที่ผ่านมา โดยทีมกู้ภัยนานาชาติผู้เชี่ยวชาญระดับโลกได้ติดตั้งเครนขนาด 600 ตัน 1 ตัว, 500 ตัน 1 ตัว และ 200 ตัน 2 ตัว เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงาน สามารถเริ่มยกซากปรักหักพังได้ตั้งแต่เวลา 08.00 น. โดยได้ดำเนินการยกไปแล้วตามกำหนดภายในเที่ยงวัน และจะทยอยยกอีก 6-7 ชิ้น เพื่อเข้าสู่โครงสร้างด้านใน
ขณะนี้ยังไม่พบสัญญาณชีพ แต่มีการตรวจพบร่างผู้เสียชีวิตประมาณ 12 ร่าง อย่างไรก็ตาม การนำร่างออกมาไม่ใช่เป้าหมายหลักในขณะนี้ ทีมกู้ภัยจะนำร่างที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายออกมาก่อน ส่วนร่างที่อยู่ลึกและมีสิ่งกีดขวางทับถมจะยังไม่ดำเนินการ เพื่อเร่งค้นหาผู้รอดชีวิต โดยจะมีการลาดตระเวนสำรวจอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งคืน เนื่องจากทีมผู้เชี่ยวชาญต่างชาติยังคงมีความหวังในการค้นหาผู้รอดชีวิต ทุกหน่วยงานยังคงปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ กรมโยธาธิการและผังเมืองได้ประสานงานเพื่อเก็บหลักฐาน กรุงเทพมหานครได้ให้ความร่วมมือ
นายชัชชาติ กล่าวถึงการคาดการณ์จำนวนผู้รอดชีวิตว่า ไม่สามารถระบุเป็นเปอร์เซ็นต์ได้ แต่ทีมงานยังคงมีความหวังและปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ โดยจากการสำรวจภายในพบว่าอุณหภูมิไม่สูงมากและมีโพรงอากาศอยู่ อาจทำให้ผู้ที่ติดอยู่สามารถรอดชีวิตได้หากไม่ถูกทับถมโดยตรง อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่มีการเผยแพร่เกี่ยวกับจำนวนผู้สูญหายที่สแกนพบ 50-60 คนนั้น เป็นเพียงการประมาณการของเครื่องมือ อาจนำไปสู่ความเข้าใจผิดและการประเมินสถานการณ์ที่ไม่ถูกต้อง ขอความร่วมมือทุกฝ่ายให้ติดตามข้อมูลจากการแถลงข่าวของหน่วยงานหลัก
...

สำหรับร่างผู้เสียชีวิต 12 ร่างที่ตรวจพบนั้น เป็นจุดที่มีการสำรวจและพบชิ้นส่วน เช่น มือหรือขา แต่ยังไม่สามารถนำออกมาได้ทันที โดยจุดที่พบร่างจำนวนมากคือโซน B และโซน D ซึ่งเป็นบริเวณบันไดหนีไฟและเชื่อมต่อกับอาคารจอดรถด้านหลัง ส่วนโซน A และโซน D มีโอกาสรอดชีวิตน้อย เนื่องจากโครงสร้างมีการทับซ้อนกันในลักษณะแพนเค้ก และการเข้าช่วยเหลือเป็นไปด้วยความยากลำบาก ผู้เชี่ยวชาญจำเป็นต้องสอบถามข้อมูลจากผู้รอดชีวิตเพื่อระบุจุดที่มีผู้คนหนีภัยมามากที่สุด ข้อมูลเบื้องต้นระบุว่าเป็นโซน B และโซน C
อุปสรรคในการปฏิบัติงาน คือ ความไม่มั่นคงของซากปรักหักพังที่มีขนาดใหญ่ ทำให้รถยกอาจมีกำลังไม่เพียงพอ ต้องมีการตัดแยกชิ้นส่วนให้เล็กลงก่อนทำการยก การปฏิบัติงานในขณะนี้มีลักษณะเหมือนการปลอกหอม คือการเปิดชั้นทีละชั้น และส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปสำรวจในแต่ละชั้น ขอให้ติดตามข้อมูลจากการแถลงข่าวของหน่วยงานหลัก เนื่องจากมีหลายหน่วยงานเข้าร่วมปฏิบัติการ
การปฏิบัติงานจะคัดเลือกเจ้าหน้าที่ให้ตรงกับภารกิจ โดยจะใช้ผู้เชี่ยวชาญด้านการค้นหาในการค้นหาผู้สูญหาย และใช้ผู้เชี่ยวชาญด้านการกู้ร่างในการนำร่างออกมา
นายชัชชาติ กล่าวต่ออีกว่า ขณะนี้มีการระดมกำลังและทรัพยากรเพียงพอแล้ว หากมีสิ่งใดขาดแคลนจะมีการร้องขออย่างแน่นอน เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญจากนานาชาติได้รวมตัวอยู่ที่นี่แล้ว นอกจากนี้ ได้มีการย้ายกองบัญชาการส่วนหน้า จากพื้นดินไปอยู่ที่ชั้น 5 ของลานจอดรถ เพื่อให้สามารถมองเห็นพื้นที่โซน B และ C ได้ทั้งหมด และยืนยันว่าจะร้องขอความช่วยเหลือหากมีความจำเป็น
อุปกรณ์ที่ต้องการในขณะนี้ คือ อุปกรณ์ตัด ปัจจุบันมีจำนวนเพียงพอแล้ว ส่วนประเด็นข้อสงสัยเกี่ยวกับการขนย้ายเศษซากอาคาร ได้มีการนำไปไว้ที่บริเวณทางรถไฟใกล้ศาลเยาวชนแล้ว สำหรับเรื่องหลักฐาน ทางกรมโยธาธิการได้เข้ามาพูดคุย แต่ในขณะนี้เน้นการช่วยเหลือผู้สูญหายเป็นอันดับแรก การเก็บหลักฐานสามารถดำเนินการเพิ่มเติมภายหลังได้ และยินดีให้ความร่วมมือเต็มที่ ส่วนเรื่องการตรวจสอบเหล็กนั้น ขอสงวนความเห็นเนื่องจากมีหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง