ศิษยานุศิษย์เข้ารับมงคลวัตถุด้วยศรัทธา.อนุชานามิ ถิกขะเว วัสสัง อุปะคันตุง.....พระพุทธองค์ทรงบัญญัติ.......ให้ภิกษุสงฆ์อยู่ประจำเสนาสนะในกำหนดคาบเวลา 3 เดือนช่วงฤดูฝนเรียกว่า “เข้าพรรษา” ซึ่งมี 2 ระยะคือ.....ปุริมพรรษา กับ ปัจฉิมพรรษาปีนี้....ปุริมพรรษาเริ่มวันที่ 3 สิงหาคม หลังจากนั้นอีก 1 เดือนเป็นวันเริ่มของปัจฉิมพรรษาคือแรม 1 ค่ำเดือน 9 ซึ่งตรงกับวันที่ 2 กันยายนพุทธบัญญัตินี้....เพื่อให้เหล่าสงฆ์ได้ประจำพื้นที่ได้ศึกษาและปฏิบัติธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด มีโอกาสสงเคราะห์พุทธบริษัท และสร้างสั่งสม “เมตตาบารมี” ด้วยการยั้งการจาริก เพราะภิกษุสงฆ์อาจเผลอไผลไปย่ำเหยียบพืชผลไร่นา สร้างความเดือดร้อนและ เสียหายแก่ชาวนาชาวไร่ เป็นการเบียด-เบียนผู้อื่น....อันทำให้เกิดทุกข์ การปฏิบัติชอบ....เป็นที่ยึดปฏิบัติแก่เหล่าสงฆ์สืบกันมาจนเป็นประเพณีและวัฒนธรรม แต่ด้วยความยาวนานแห่งกาลนับเป็นร้อยเป็นพันปี จากเมตตาบารมีจึงกลายเป็น “เมตตามหานิยม”กับ.... “เมตตามหานิยม” บางวัดหรือศาสนสถานมักจะใช้ช่วงคาบเวลาตลอดไตรมาสประกอบพิธีกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะสร้างหรือปลุกเสกวัตถุมงคล ด้วยศรัทธาว่าสงฆ์ยามเข้าพรรษานั้นเปี่ยมด้วยบารมี และเมตตาธรรมสูง เมื่อบริกรรมคาถาพลังแห่งความขลังจะเพิ่มพูนวัดไผ่เลี้ยง ซอยเพชรเกษม 110 เขตหนองแขม กทม. ก็มีความเลื่อมใสศรัทธาเช่นเดียวกับความเชื่อโบราณที่มีต่อเทศกาลเข้าพรรษา โดยตัดช่วงเอาคาบเวลาที่เปิดม่านเข้าสู่การจำพรรษาปีนี้..... เป็นฤกษ์เปิดตัว “ไม้แหย่แย้”ไม้แหย่แย้.....เป็นได้ทั้งวิทยาศาสตร์และไสยศาสตร์ คือ นักพฤกษศาสตร์ ว่าเป็นพืชในวงศ์ AGAVACEAE ชนิดใบเขียว Dracaena surculosa Lindi มักขึ้นตามที่ดอนทั่วๆไป ใบคล้ายใบมะค่าไก่ มักจะทิ้งใบล่างเห็นต้นเปล่าๆ ผิวลายคล้ายกับหางแย้คนบางกลุ่มบอกว่า....เป็น พืชสมุนไพร “เปล้า ตองแตก” ต้นสูงราวๆเมตรกว่าๆ ออกดอกเป็นช่อๆ ปรากฏในตำรายาไทยหลายสูตรว่ามีโอสถสารออก ฤทธิ์เป็นยาถ่ายพยาธิ และ.....มีพลังลึกลับเอามา ฟาดตามฝาบ้านเรียกจิ้งจกหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต อาจารย์ใหญ่สายกรรมฐานได้ นำพันธุ์จากประเทศลาวมาปลูกไว้ที่วัดสุทธาวาส สกลนคร ซึ่งก็มีศิษย์ได้นำไปปลูกต่อแต่มิได้แจ้งว่าได้รับความสำเร็จจากการขยาย พันธุ์พืชครั้งนี้หรือไม่ เท่าที่พูดกันจากปากต่อปากว่า ในเมืองไทย (พื้นที่ราบ) สามารถปลูกต้นเปล้าตองแตกขึ้นเพียง 3 แห่งเท่านั้น...คือสกลนคร และพิษณุโลกอีกที่หนึ่ง ส่วนอีกแห่งหนึ่งไม่รู้ว่าที่ใด ที่เรียกว่า “ไม้แหย่แย้”.....ด้วยทางฝั่งลาวและอีสานนิยมบริโภคสัตว์ชนิดนี้เป็นอาหาร เวลาออกล่าหรือจับ มันก็จะหลบแล้วหนีลงรู จึงใช้ต้นหรือกิ่งไม้นี้แหย่ตามลงไป แล้วดึงกลับคืนอย่างช้าๆ แย้จะคลานออกมาตามปลายไม้ ให้จับตัวได้อย่างง่ายดาย ....ขึ้นอยู่กับว่าผู้ล่า “จะจับเป็นหรือจับตาย”......แม้แต่งูในรูก็เช่นกัน จะเลื้อยอ่อนระทวยหมดพิษสง ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่เรียก “ไม้แหย่งู” กลับใช้ว่า “ไม้แหย่แย้” เพียงอย่างเดียว.......!!ไม้แหย่แย้ โดยถือเป็นวัตถุมงคลประจำถิ่นแถบชายแดนสระแก้ว ปราจีนบุรี เป็นเครื่องรางของขลังที่มาใหม่ ยังไม่ได้จัดเข้าสู่ทำเนียบยอดนิยมในบ้านเรา ในระยะหลังๆ มีการตื่นตัวเริ่มเป็นที่รู้จักแก่นักนิยมสะสมวัตถุมงคล บ้างนำไปเป็นมวลสาร บ้างก็พกติดตัวด้วยเชื่อว่าจะได้รับความเมตตา มีพลังในการดึงดูดและสะกดใจให้คนรักคนหลง คล้ายกับมหาเสน่ห์หรือสาลิกาลิ้นทอง บางตำราว่าถึงขั้นอิทธิคุณด้านโชคลาภและมหาระรวย อะไรเทือกนั้น...!!! แม้วิทยาการด้านเทคโนโลยีจะรุดหน้าไปไกลอย่างก้าวกระโดด ปัจจุบันก็ยังมีบางคนนำ “ไม้แหย่แย้” ติดตัวเพื่อเป็นมงคลหรือใช้เป็นเครื่องเหนี่ยวจิตใจ ตามความเชื่อที่สืบสานกันมาตั้งแต่ โบราณกาล....ที่มิอาจลบทิ้งได้ตามความศรัทธาที่ยังฝังแน่น....หลวงพ่อยุทธ เจ้าอาวาสวัดไผ่เลี้ยง จึงได้ สร้างไม้แหย่แย้ จ่ายแจกศิษยานุศิษย์ โดยถือฤกษ์มงคลในการประจุบริกรรมคาถา 3 วาระแห่งตรุษ คือตรุษฝรั่ง 25 ธันวาคม 2554 ตรุษจีน 23 มกราคม 2555 และตรุษไทยคือ 15 เมษายน ซึ่งเป็น.....“พญาวัน” “หลวงพ่อยุทธ” มหายงยุทธ อุปคุตโต ป.ธ. 3 หรือ “พระครูวิมลอรรถวาที” อายุ 80 ปี เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ตั้งแต่อายุ 13 ปี โดยบรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดปากคลองมะขามเฒ่า ชัยนาท...และอุปสมบทที่เดียวกันด้วยความเลื่อมใสต่อหลวงปู่ศุข....จึงได้ศึกษาวิชาอาคมในสายของหลวงปู่ศุขมาตั้งแต่เป็นสามเณรควบคู่กับในทางปริยัติธรรม เมื่อพ้นนวกะได้ออกธุดงค์ปฏิบัติกิจกรรมฐานโปรดสัตว์ตามสถานที่ต่างๆกระทั่งปี 2526.....มาปักกลด ณ หนองค้างพลู เขตหนองแขม กทม. ได้เทศน์โปรดแม่บุญเลี้ยงกับแม่ไผ่ จนเกิดแรงศรัทธาจึงพร้อมใจถวายที่สวนให้สร้างวัด เลย เอาชื่อ 2 พี่น้องมาเป็นอนุสรณ์ให้นามว่า.....วัดไผ่เลี้ยงหลวงพ่อยุทธ....จำพรรษาที่วัดไผ่เลี้ยงมาโดยตลอดตั้งแต่สร้างกระทั่งถึงปัจจุบัน สืบสานกิจกรรมต่างๆในทางเมตตามหานิยมตามวิชาสายหลวงปู่ศุข จนได้รับแรงศรัทธาแก่บุคคลทั่วไปทั้งไกลใกล้โดยเฉพาะ “ไม้แหย่แย้” ชุดนี้ได้รวบรวมประจุคาถาทุกบทของสายวัดมะขามเฒ่า ส่วนจะเข้มขลังขนาดไหนนั้น.....หลวงพ่อยุทธ ตรวจสอบพลังแล้ว บอกเพียงสั้นๆ....“ผ่าน”คำนี้ไม่รู้ว่า....การันตี หรือ ทิ้งทวน...!!ก้อง กังฟู