บุกพิสูจน์อาถรรพณ์มนตร์ดำ “ทำเสน่ห์-บาตรแตก” เปิดขั้นตอนพิธีกรรมเข้มขลัง ความเชื่อโบราณที่ต้องแลกด้วยชีวิต ซึ่งยังมีกลุ่มคนที่เชื่อสิ่งเหล่านี้อยู่ในท้องถิ่น ครูผู้สืบทอดวิชา ด้านไสยเวท เล่าว่า “เราทำเขามันก็เป็นกรรม เรายิ่งทำมันก็เป็นกรรม ทำของใส่เขาฆ่าเขา ผลสุดท้ายกรรมตกที่คนรอบข้าง”

พิธีกรรมไสยเวท มนตร์ดำ ที่เชื่อว่าอาถรรพณ์แรง มีตั้งแต่ ยาเสน่ห์ ฝังรูปฝังรอย ถอนของ และบาตรแตก เป็นวิชาอาคมสืบทอดต่อกันมายาวนาน แม้ปัจจุบันเทคโนโลยีจะมีความทันสมัย แต่มีคนที่เชื่อสิ่งเหล่านี้อยู่ ทีมงานเดินทางไป จ.สุรินทร์ เพื่อตามหาความจริงเกี่ยวกับพิธีอาถรรพณ์ มนตร์ดำกับครูที่สืบทอดมาหลายสิบปี

“โง่ก สุขแสวง” ครูผู้สืบทอดวิชาด้านไสยเวท เล่าว่า “มนตร์ขาว มนตร์ดำ” ไม่ได้แยกออกจากกัน ว่าอันไหนเป็นมนตร์ขาวอันไหนเป็นมนตร์ดำ แต่คนมักคิดไปเอง ทั้งที่จริงแล้วไม่มีมนตร์ขาว และมนตร์ดำ มีแต่การทำของ

ทีมข่าวได้ “ลองของ” ตามพิธีความเชื่อ ซึ่งครูผู้ประกอบพิธีกรรมลงเสน่ห์ เริ่มจากยกขันธ์ครู ในขันมีใบขนุน 4 ชุด ชุดละ 4 ใบ แทนธาตุทั้งสี่ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ กรวยหมาก 5 กรวย หมาก 4 ลูก เหรียญ 4 บาท แบงก์ 20 หนึ่งใบ และเหล้าขาว 1 ขวด เพื่อบอกกล่าวครูบาอาจารย์ก่อนทำพิธี ข้อห้ามสำคัญคือ ผู้ที่มาประกอบพิธี ห้ามใส่เสื้อสีดำ หากใส่มาต้องเปลี่ยนเสื้อตามความเชื่อ

...

ครูผู้ประกอบพิธีกรรม เล่าถึงความหมายของวิชาเสริมเสน่ห์ว่า คนมาทำพิธีต้องการแปลงรูป แปลงโฉม มีของสกปรกของไม่ดีอยู่ในตัวเราก็ต้องสวดถอนของออก โดยคนทำเสน่ห์ต้องนอนคลุมผ้า คาถาบทสวดที่คล้ายกับการมาติกาบังสุกุลในงานศพ

เมื่อสวดคาถาจบ จะดึงผ้าคลุมที่ปิดผู้ทำพิธีกรรมออก เสมือนการแปรรูปเป็นคนใหม่ จากนั้นผูกสายสิญจน์ที่ข้อมือ แล้วคว่ำมือที่หมายถึงไล่สิ่งชั่วร้าย หงายมือหมายถึง เรียกขวัญเข้าตัว

จากนั้น พรมน้ำมนต์ในโอ่ง เพื่อพลิกชะตาชีวิตเป็นคนใหม่ โดยน้ำมนต์จะแช่ผานไถนาโบราณ ที่มีความหมายคือ ผานไถนาพลิกแผ่นดินได้ก็เปลี่ยนชีวิตเราได้ ซึ่งในโอ่งน้ำมนต์จะมีผานไถ 32 อัน หมายถึงอวัยวะทั้ง 32 ของมนุษย์

มาถึงขั้นตอนสำคัญในการลงเสน่ห์ โดยต้องกางร่มแดง ผูกผ้าแดง ใส่รองเท้าแดง ถือเป็นของสำคัญที่ใช้ในพิธีแต่งงานตามความเชื่อคนโบราณ นั่งบนกระด้งที่ใส่เงินเพื่อเรียกทรัพย์ ทามือด้วยขมิ้นจับอะไรจะได้เป็นเงินเป็นทอง

...

ระหว่างสวดคาถา จะลงทองคำเปลวที่ สะดือ คือต้นกำเนิดของร่างกาย และใต้ลิ้น จะได้มีวาจาเหนือคนอื่น รวมถึงกลางกระหม่อมเสริมบารมี หลังพิธีจบ พ่อหมอจะเสี่ยงทายด้วยคางไก่ต้ม หากคางที่ได้สวย ลักษณะดี ก็หมายถึงพิธีนี้ได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์

พิธีกรรมเสี่ยงทาย ความเชื่อโบราณสืบทอดมายาวนาน

นอกจากพิธีกรรมการทำเสน่ห์แล้ว ทีมข่าวยังได้เข้าร่วมการทำพิธีกรรมเสี่ยงทายด้วยมีด “โง่ก สุขแสวง” ครูผู้สืบทอดวิชา ด้านไสยเวท กล่าวว่า คนท้องถิ่นเรียก “โบล” คือ การทำนายทายทัก โดยหมอจะปักมีดลงในถ้วยข้าวสาร แล้วตั้งมีดลงในถ้วยที่มีข้าวสาร เทียนหนึ่งเล่ม หมากหนึ่งคำ และเงินสองบาท ถ้ามีดทั้งสามเล่มตั้งอยู่ได้ หมายถึงสิ่งที่เราถามหรือตั้งจิตอธิษฐานจะเป็นจริง

...

ขณะเดียวกันก็มีพิธีกรรมถอนของ โดยคนท้องถิ่นเรียกว่า “ดอกระบัก ดอกระบีน” โดยถอนของด้วยการกินน้ำมนต์ที่แช่รากไม้ อย่าง ชะอม มะรุม หรือ ตดหมูตดหมา เชื่อว่าจะช่วยถอนคุณไสยที่อยู่ในตัวออกไปได้

แต่พิธีที่มีมนตร์อาถรรพณ์ร้ายแรงสุดคือ บาตรแตก หากไปตกอยู่บ้านใคร ไปฝังอยู่ในบ้าน ในสวนไร่นาบ้านใคร บ้านนั้น ฉิบหาย วายวอดหมด

การทำอาถรรพณ์บาตรแตก จะทำเฉพาะกลางคืนเท่านั้น บาตรแตกที่ใช้ ต้องแตกเอง ไม่ได้ถูกทุบทำลาย และมีอาถรรพณ์มากขึ้น ถ้าเป็นบาตรที่เก็บได้จากวัดร้าง

พิธีกรรมทำบาตรแตก ครูจะนั่งอยู่บนเสื่อ ที่มีบายศรีครูในพาน จากนั้นอัญเชิญครูด้วยเครื่องบายศรี ที่ประกอบด้วย จวม คือ กระทงบูชาครู ใบพลู ลูกหมาก กล้วยสุก เหล้า เบียร์ น้ำอัดลม และบุหรี่
โดยกระทงสี่เหลี่ยมหลายๆ อันที่อยู่ในพิธีจะมีรูปหน้าคนในกระทง ซึ่งจะเป็นกระทงนพเคราะห์ เป็นกระทงสี่เหลี่ยม มีข้าวดิบ ข้าวสุก ขนม และรูปคนที่เราต้องการให้มีเคราะห์กรรม ส่วนบาตรแตกจะตั้งอยู่บนเชิงเทินสี่เสาที่ทำจากต้นกล้วย

...

จากนั้นครูผู้ทำพิธีจะสวดคาถา “กรองแซะ” หรือ “คาถาเจ้ากรุงไฟไหม้” เผารูปคนที่เราต้องการทำพิธีใส่ไปในบาตร แล้วสวดส่งของไปให้พร้อมกับขว้างชันโรงใส่กองไฟจนกว่ารูปจะไหม้หมด
แต่ทุกพิธีไสยเวท มนตร์ดำ ย่อมมีข้อแลกเปลี่ยน ครูผู้ประกอบพิธีกรรม เล่าว่า เราทำเขามันก็เป็นกรรม เรายิ่งทำมันก็เป็นกรรม ทำของใส่เขา ฆ่าเขา ผลสุดท้ายกรรมก็ไม่ได้ไปตกที่ใคร กรรมก็ตกอยู่ที่ตัวครู คนรอบข้างคนรักลูกหลานอะไรก็ตายจากไปหมด

สุดท้ายแล้ว พิธีมนตร์ดำที่เราเข้าใจว่าจะมีอาถรรพณ์เกิดขึ้น แท้จริงแล้วก็คือพิธีกรรมจากความเชื่อของคนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งความเชื่อโบราณมักแฝงความหมายในการดำเนินชีวิต ที่หลายคนอาจมองข้าม แต่มุ่งเป้าหมายไปที่ความสำเร็จปลายทาง ติดตาม #ข่าวแสบเฉพาะกิจ และภารกิจ See True "ให้คุณเห็นความจริง" จะพิสูจน์ ตรวจสอบ พร้อมลงทุกพื้นที่ ขยี้ทุกความจริง ทุกวันเสาร์ 6 โมงเย็น ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32.