ศึกมรดกเลือด น้องเมียทาสยานรกคลั่ง หลังได้รับการแบ่งสมบัติน้อยกว่าพี่สาว ควงท่อนเหล็กหวังทุบหัว พี่เขยไหวตัวทันคว้า ปืน .38 ยิงสวน 3 นัด เจ็บสาหัส ก่อนตำรวจเข้าระงับเหตุ คุมตัวดำเนินคดีทั้ง 2 ฝ่าย


เมื่อวันที่ 22 ก.ค.67 ร.ต.อ.อดิศักดิ์ สอนบัว รอง สว.สอบสวน สภ.บ้านผือ ได้รับแจ้งเหตุชายคลุ้มคลั่งเมายาอาละวาด ถือท่อนเหล็กบุกรุกบ้านเลขที่ 126 ม.13 บ.ธาตุทรายมูล ต.หายโศก ทุบทำลายบ้าน และจะทำร้ายเจ้าของบ้าน ซึ่งเป็นพี่เขยและพี่สาวแท้ๆ แต่โดนพี่เขยใช้อาวุธปืนยิงสวนไป 3 นัด ได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะจะปีนหน้าต่างเข้าไปทำร้าย ทราบชื่อภายหลังคือ นายสะไกร มาลาศรี อายุ 43 ปี บ้านเลขที่ 127 ม.2 บ.ธาตุ ต.หายโศก อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี


หลังโดนยิงได้วิ่งไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านที่อยู่ห่างจากบ้านที่เกิดเหตุประมาณ 100 เมตร แจ้งรถกู้ชีพ อบต.หายโศก มาช่วยเหลือไปส่งโรงพยาบาลบ้านผือ ส่วนมือปืนผู้ก่อเหตุคือ นายจำนงค์ แข็งขัน อายุ 47 ปี ได้มอบตัวกับผู้ใหญ่บ้านที่บ้านพัก พร้อมอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ จึงรายงานให้ พ.ต.อ.นวกฤต นวการพานิชย์ ผกก.สภ.บ้านผือ รับทราบ ก่อนออกไปตรวจสอบพร้อมด้วยตำรวจชุดสืบสวน และตำรวจป้องกันและปราบปราม

...


ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว มีรั้วรอบขอบชิด พบประตูรั้วหน้าบ้านพัง หน้าต่างห้องนอนข้างบ้านกระจกแตกกระจัดกระจายหลายบาน และคอมเพรสเซอร์แอร์ได้รับความเสียหาย พบ นายจำนงค์ แข็งขัน หรือ หัก อายุ 47 ปี เจ้าของบ้าน และเป็นพี่เขยของผู้บาดเจ็บ นั่งรอมอบตัวพร้อมด้วยอาวุธปืนขนาด .38 สีดำ ไม่มีทะเบียน พร้อมด้วยกระสุน 6 นัด ถูกยิงไปแล้ว 3 นัด อยู่ที่หน้าบ้าน และพบเหล็กแป๊บยาวประมาณ 1 เมตร ของผู้บาดเจ็บวางอยู่ที่พื้นหน้าบ้าน ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ก่อนนำนายจำนงค์ ชี้จุดทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ก่อนควบคุมตัวมาสอบปากคำถึงสาเหตุ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย


เบื้องต้น ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา นายจำนงค์ มือปืน ในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น, มีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” ซึ่งผู้ก่อเหตุไม่มีพฤติการณ์หลบหนี และมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง จึงให้ประกันตัวกลับบ้านเพื่อต่อสู้คดี โดยใช้ตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน 4 หมู่บ้าน ส่วนผู้บาดเจ็บในเบื้องต้นถูกยิงเข้าหัวไหล่ แขน และหน้าอกด้านขวา กระสุนฝังใน ได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนถูกนำตัวส่งต่อไปรักษาที่ รพ.ศูนย์อุดรธานี และแจ้งข้อกล่าวหา นายสะไกร มือเหล็กแป๊บ ว่า บุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน โดยใช้กำลังและอาวุธประทุษร้าย, ภัยสังคม ส่วนข้อหายาเสพติดต้องรอผลการตรวจเลือดจากแพทย์เสียก่อน เนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัสเป็นตายเท่ากัน


นายจำนงค์ แข็งขัน อายุ 47 ปี คนยิง เล่าว่า คนที่ถูกตนยิงเป็นน้องเมีย ช่วงเช้าวันนี้น้องเมียได้มาขู่ฆ่าตนและเมีย พอมาตอนค่ำวันนี้ น้องเมียก็ถือเหล็กแป๊บเข้ามาก่อเหตุ และมีพติฤกรรมติดยาบ้าด้วย จึงมีอาการคลุ้มคลั่งแบบนี้ ส่วนสาเหตุเขาอ้างว่าเครียดที่ได้มรดกที่ดินน้อยกว่าพี่สาว หลังจากแม่ยายตนเสียชีวิตไปเมื่อปี 2560 แต่พ่อตาก็ยังมีชีวิตอยู่ เลยจัดการแบ่งให้ลูกๆ แต่ว่าน้องเมียตนไม่พอใจที่ได้น้อยกว่าพี่สาว และก่อนหน้านี้เคยมีเรื่องกันมาแล้วครั้งหนึ่ง ในเรื่องมาขอแบ่งที่ดินเพิ่ม แล้วก็มาขอไปทุกเรื่อง 


ช่วงเช้าไปพูดกับผู้ใหญ่บ้านไว้แล้ว และก็มีการเจรจาไกล่เกลี่ย แต่เขาขู่ว่าถ้าตนและภรรยายังไม่ทำอะไรให้ก็จะมาฆ่าตนและภรรยาเลย ช่วงเย็นก็มาอาละวาดอีกครั้ง และก็ยังถามเรื่องเดิมอยู่ตลอด โดยมีอาการสติไม่อยู่กับตัว และมีอาการคลุ้มคลั่งเหมือนคนเมายาบ้า ถือเหล็กและตีรั้วเข้ามาภายในบ้านของตน ซึ่งตอนนั้นตนก็อยู่ในห้องนอนกับเมีย และได้ยินเสียงทุบทำลายหน้าต่างห้องนอนข้างบ้าน และกำลังจะปีนหน้าต่างเข้ามา หวังใช้เหล็กแป๊บทำร้ายตนและเมีย ทั้งๆ ในบ้านก็มีพ่อของเขาอายุ 90 อยู่ด้วย ตนเห็นท่าไม่ดีจึงหยิบเอาปืนมายิงใส่น้องเมียไป 3 นัด น้องเมียหงายหลังร่วงลงจากขอบหน้าต่างบ้าน ก่อนวิ่งหลบหนีออกจากบ้านไป

...


"ตอนนั้นคิดว่ายังไงตนและภรรยาก็ต้องถูกเขาฆ่าแน่ๆ หากปล่อยให้เขาเข้ามาภายในบ้าน จึงยิงใส่เขาเพื่อป้องกันตัว และคนในครอบครัวด้วย ไม่งั้นตนและคนในบ้านก็คงต้องตาย หลังก่อเหตุตนก็ได้กราบเท้าขอโทษพ่อตา ซึ่งก็เป็นพ่อของเขา ในสิ่งที่ตนทำลงไปในขณะนั้น ซึ่งพ่อตาก็เข้าใจ รวมทั้งญาติพี่น้อง และชาวบ้านด้วย ส่วนอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ สั่งซื้อมาจากเฟซบุ๊กในราคา 3 หมื่นบาท ไม่มีทะเบียน และซื้อมาได้ประมาณ 1 ปีแล้ว โดยวันนี้ก็เป็นวันคล้ายวันเกิดของตนด้วย และช่วงเช้ายังไม่ได้ทันทำบุญใส่บาตรพระหน้าบ้านเลย และตั้งใจว่าวันนี้จะกินข้าวฉลองวันเกิดกับเมียอย่างมีความสุข แต่ก็มาเจอเรื่องแบบนี้เสียก่อน"


นางสมัย มาลาศรี อายุ 45 ปี ภรรยาคนก่อเหตุ และพี่สาวคนบาดเจ็บ เล่าว่า คนถูกยิงเป็นน้องชายคนสุดท้อง จากพี่น้อง 8 คน ติดยาบ้าและดื่มเหล้า เป็นคนนิสัยดื้อรั้น ไม่ยอมฟังใคร จนลูกเมียหนี ไม่กล้าอยู่ด้วย ส่วนสาเหตุเขาเครียดเรื่องการแบ่งที่ดินมรดก และอยากได้ที่ดินว่างเปล่าที่พ่อเป็นคนครอบครอง รวมทั้งส่วนแบ่งเรื่องเงินประกัน ธ.ก.ส.ของแม่ จำนวน 2 แสนกว่าบาท ที่ตนเอามาจัดงานศพให้แม่รวม 7 วัน จนหมด เมื่อปี 2560 ที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันพ่อของตนมีรายได้จากการให้เช่าพื้นที่ตั้งเสาโทรศัพท์ปีละ 3 หมื่นบาท จึงทำให้น้องชายอยากมีส่วนแบ่งกับพ่อด้วย 

...

รู้สึกเสียใจที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เสียใจที่น้องชายถูกยิงเจ็บ และสามีก็มาถูกจับ แต่ถ้าสามีไม่ทำอย่างนั้นก็คงต้องมีคนใดคนหนึ่งในครอบครัวเสียชีวิต เพราะน้องชายตั้งใจจะมาเอาชีวิตทั้งตนและสามี แม้แต่พ่ออายุ 90 ปี เขาก็จะไม่เว้น เพราะเขาได้มรดกน้อยกว่าพี่น้องทุกคน น้องชายเคยมีเมียและลูก แต่ก็ไม่มีใครอยู่กับเขาได้ เพราะเขาเป็นคนอารมณ์ร้อน เวลากินเหล้าเมาก็จะโวยวายตลอด แม้แต่พ่อแม่ก็ยังไม่สามารถพูดได้

ขณะที่แม่นอนป่วย และก่อนจะเสีย น้องชายของตนก็บอกว่า เมื่อไหร่แม่จะไปสักที รีบเสียชีวิตไปกับลูกชายของตัวเองเลย ตอนแม่มีชีวิตอยู่ น้องชายคนนี้ก็มีเรื่องกับแม่เป็นประจำ โดยน้องชายของตนมีอาการหนักแบบนี้มาแล้ว 2 ปี เพราะเสพทั้งยาและดื่มเหล้า เวลาเมาก็จะโวยวายตลอด ตนก็อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปราบปรามเรื่องยาเสพติดให้เข้มงวด เพราะมันเป็นเรื่องอันตราย และเป็นภัยต่อสังคม”