“หมอพรทิพย์” เผย พร้อมรับผลการกระทำที่เคยทำมา ยัน ไม่ฟ้องคู่กรณีที่ไอซ์แลนด์ ยอมรับผิดพลาดเอง ถ่ายรูปบนลาวามอส ไม่รู้ว่ามีการห้าม ชี้ ผ่านเหตุการณ์แบบนี้มาเยอะ ไม่ขอรับเข้ามาให้เป็นทุกข์

วันที่ 2 ตุลาคม 2566 แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจน์สุนันท์ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) เล่าถึงการเดินทางไปที่ประเทศไอซ์แลนด์ ว่า ตนเรียนหลักสูตรพระปกเกล้า จึงทำให้ตนมีเพื่อนร่วมรุ่นเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) เป็นทริปที่มีปีละครั้ง และจัดขึ้นในช่วงสมัยปิดประชุมสภา แต่มีการจองล่วงหน้าเป็นปี ซึ่งบังเอิญว่าปีนี้เป็นปีที่มีการเลือกตั้ง ทำให้สภาเลื่อนการเปิดประชุมขึ้นมาเร็วขึ้น

ส่วนเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ เล่าว่า ตนจะไปหาร้านอาหาร จึงได้เลือกรับประทานอาหารญี่ปุ่น และระหว่างกำลังรอเลือกเมนูอาหาร มีคนหนึ่งวิ่งเข้ามาพร้อมกับถือโทรศัพท์ไลฟ์สดด้วยความโกรธ แต่ส่วนตัวเจอเรื่องแบบนี้มาเยอะมาก ในลักษณะที่เป็นความเกลียดชังโดยที่ไม่ได้รู้จักกัน และรู้สึกเพียงว่าเห็นใจ เป็นเรื่องที่ผ่านไปสักพักหนึ่งแล้ว และเรื่องนี้ตนมองว่าเป็นเรื่องไกลตัวจึงไม่อยากพูดอะไรในตอนนั้น และไม่คิดว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น แต่วันรุ่งขึ้นกลายเป็นประเด็น เพราะคู่กรณีนำไปลงโซเชียลมีเดีย

“ยังยืนยันเหมือนเดิม ใดๆ ในชีวิตทุกอย่างที่เกิดขึ้นก็เพราะเราเคยทำ เพราะฉะนั้นเราจะไม่ตอบโต้ และจะมุ่งหน้าเท่านั้น เป้าหมายของเราคือทำความดีเท่านั้น”

ส่วนเรื่องที่มีภาพตนไปนอนบนลาวามอส (Lava field moss) ยอมรับว่าเป็นความผิดพลาดที่ไม่รู้ว่ามีระเบียบ หรือมีกฎหมายที่ห้าม ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ชมสารคดีบนเครื่องบิน มีการเชิญชวนให้เที่ยวไอซ์แลนด์ และมีภาพคนนอนอยู่บนลาวามอส จึงไม่ได้คิดอะไรมาก อีกทั้งตอนที่ไปสถานที่จริง จุดที่มีป้ายห้าม ตนก็จะไม่เข้าอยู่แล้ว 

...

เมื่อถามว่าจะทำอย่างไรกับกรณีของผู้เห็นต่างและมีลักษณะแบบนี้ หมอพรทิพย์ ย้ำว่า ต้องมองแบบเข้าใจทุกฝ่าย เพราะการเมืองมีเรื่องของผลประโยชน์ และมีอำนาจปิดปาก ผูกขาด ซึ่งในช่วงระยะเวลา 8-9 ปีที่ผ่านมา ก่อให้เกิดแรงกดดันที่ไปห้ามเขาไว้ แต่ตนเคยบอกแล้วว่าพร้อมโหวตให้กับพรรคก้าวไกล ขอเพียงอย่างเดียวคือให้ถอยเรื่องมาตรา 112 ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำให้เกิดความรุนแรงของทั้ง 2 ฝ่าย 

ส่วนที่หลายคนมองว่าเหตุการณ์นี้อาจจะทำให้เกิดเป็นโดมิโนกับ สว. อีกหลายคนในอนาคต หมอพรทิพย์ ระบุว่า กรรมเป็นเรื่องของแต่ละบุคคล และในกรณีนี้จะเห็นได้ว่าตนอยู่เฉยๆ ไม่ให้สัมภาษณ์ เพราะไม่อยากเปิดประเด็นกว้างออกไป แต่ปรากฏว่ามีผู้คนมากมายที่ออกมาให้กำลังใจและปกป้อง มีอีกหนึ่งเรื่องคือปีนี้ครบ 20 ปีสึนามิ ซึ่งเป็นผลงานที่น่าจะลืมไปแล้ว แต่อยู่ๆ ก็มีคนนำมาพูด ตนจึงมองว่าสึนามิเป็นความงดงามของจิตอาสาของคนไทยตั้งแต่วัยเด็ก ซึ่งอาจจะทำให้กลับมาอีกก็ได้ แต่เขาต้องเรียนรู้ว่าสังคมตอนนี้ถูกทำให้เชื่อได้ง่าย จึงไม่ได้มองว่าจะเป็นโดมิโน

แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ บอกอีกว่า เราต้องช่วยกันในแง่ของสื่อ ให้อยู่ในเส้น อย่าวิ่งออกไปจนต้องไปขุดเรื่องต่างๆ ซึ่งไม่ใช่ประเด็นหลัก แต่ส่วนตัวไม่อยากฝากอะไรถึงคนรุ่นใหม่ เพราะเชื่อว่าทุกอย่างจะเปลี่ยนไปโดยธรรมชาติ แต่ทั้งหมดเป็นภาพสะท้อนว่าการเมืองหากเราเสพมากไป มันก็จะกระทบต่อทุกอย่าง 

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ได้ชี้แจงกับคู่กรณี หรือฝ่ายที่เกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ ตอบว่า ในชีวิตตนไม่เคยสามารถทำให้คนเกลียดเปลี่ยนใจได้ แต่สิ่งที่เรียนรู้คือไม่รับเข้ามาให้เราเป็นทุกข์และเดินจากไปเฉยๆ “อยู่มาตอนนี้อายุ 69 แล้ว ผ่านเหตุการณ์แบบนี้มาเยอะ ไม่เปิดประตูรับมัน มันก็ไม่เข้ามาทำร้ายเรา คำสอนของพระที่เราจำมาไว้เสมอว่า พัสดุหากส่งมาแล้วไม่มีคนรับ มันจะกลับไปสู่ขนส่ง” ก่อนจะย้ำในตอนท้ายว่าไม่คิดฟ้องร้อง และไม่ทำอะไร พร้อมเดินหน้าต่อ และทำความเข้าใจมากขึ้น.