เอแบคโพล เผยผลสำรวจคนไทยไม่เว้นทั้งเด็กและเยาวชน ส่วนใหญ่ยังคงรับได้ถ้ารัฐบาลทุจริต ซึ่งกลุ่มผู้ชายยอมรับมากกว่าผู้หญิง โดยเฉพาะในกลุ่มพ่อค้า หากทำให้ตนเองได้ประโยชน์ไปด้วย ขณะที่บทบาทกองทัพคนส่วนใหญ่ค่อนข้างพอใจ และไม่เห็นด้วยต่อการยึดอำนาจ ส่วนความวางใจต่อ "รัฐบาลปู" จะไม่ทุจริตเกินครึ่งเล็กน้อย 51.8 %...
เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพล มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลสำรวจในหัวข้อ "คนไทยหัวใจประชาธิปไตย กับการยอมรับได้ถ้ารัฐบาลทุจริตคอรัปชัน แต่ขอให้ตนเองได้ประโยชน์ด้วย" พบว่าแนวโน้มของคนไทยที่มีทัศนคติอันตรายต่อการยอมรับรัฐบาลที่ทุจริตคอรัปชัน แต่ขอให้ตนเองได้ประโยชน์ด้วยยังไม่มีแนวโน้มลดลง ล่าสุดยังคงอยู่ที่ร้อยละ 63.4 ไม่เปลี่ยนแปลงจากการสำรวจในเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา อยู่ที่ร้อยละ 63.4 โดยกลุ่มผู้ชายยอมรับรัฐบาลที่ทุจริตคอรัปชันมากกว่ากลุ่มผู้หญิงร้อยละ 66.0 ส่วนกลุ่มผู้หญิงยอมรับร้อยละ 62.5 และที่น่าเป็นห่วงในกลุ่มเยาวชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 68.2 ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี และร้อยละ 66.4 ที่มีอายุระหว่าง 20-29 ปี มีทัศนคติอันตรายยอมรับได้รัฐบาลที่ทุจริตคอรัปชัน แต่ขอให้ตนเองได้ประโยชน์ด้วย และเมื่อแยกเป็นกลุ่มอาชีพพบว่า กลุ่มพ่อค้าส่วนใหญ่ร้อยละ 66.7 มีทัศนคติอันตรายมากที่สุด รองลงมาคือกลุ่มนักเรียนนักศึกษาร้อยละ 67.1
ส่วนเรื่องความรักของประชาชนที่มีต่อการปกครองแบบประชาธิปไตย พบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 76.1 ตอบว่ารักค่อนข้างมากถึงมากที่สุด เพราะเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วม มีเสรีภาพ มีโอกาสแสดงออก เป็นที่ยอมรับของนานาชาติ ถึงจะเห็นต่างแต่ก็อยู่ร่วมกันได้ มีโอกาสเกิดความเป็นธรรมในสังคมได้มากกว่า และเสียงของประชาชนมีความสำคัญมากกว่า เป็นต้น ในขณะที่ร้อยละ 23.9 รักค่อนข้างน้อยถึงไม่รักเลย เพราะมีแต่ความวุ่นวาย แตกแยก บ้านเมืองไม่สงบ มีแต่การแทรกแซง เอารัดเอาเปรียบ และแก่งแย่งชิงอำนาจกันอย่างน่ารังเกียจ เป็นต้น ที่น่าพิจารณาคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 59.2 ยังคงเห็นว่า เหตุการณ์ความวุ่นวายในสภาและนอกสภาในขณะนี้เป็นเรื่องปกติธรรมดาของประชาธิปไตย ในขณะที่ร้อยละ 40.8 เห็นว่า ไม่ปกติธรรมดา
เมื่อถามถึงระดับความพอใจของประชาชนต่อบทบาทการวางตัวของกองทัพในเวลานี้ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 68.7 พอใจค่อนข้างมากถึงมากที่สุด ในขณะที่ร้อยละ 31.3 พอใจค่อนข้างน้อยถึงไม่พอใจเลย ที่สำคัญประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 71.5 ไม่เห็นด้วยต่อการยึดอำนาจ ถึงแม้เกิดความวุ่นวายรุนแรงยิ่งขึ้นในบ้านเมือง เพราะไม่ช่วยแก้ปัญหา จะวุ่นวายหนักกว่าเดิม ควรปล่อยให้คนไทยเรียนรู้พัฒนาประชาธิปไตยกันไป อำนาจพิเศษไม่ช่วยอะไร บ้านเมืองเสียหาย กลัวจะพัฒนาแพ้ประเทศเพื่อนบ้าน ธุรกิจพัง นานาชาติไม่ยอมรับ ทำลายสิทธิเสรีภาพของประชาชน ไม่เคารพประชาชน ไม่ช่วยแก้ปัญหาอะไร กลุ่มคนยึดอำนาจไปก็ไปกอบโกยผลประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้องเฉพาะกลุ่มอีก และจากประสบการณ์ยึดอำนาจที่ผ่านมาไม่ได้แก้ปัญหา เป็นต้น ในขณะที่ร้อยละ 28.5 เห็นด้วยกับการยึดอำนาจ เพราะบ้านเมืองจะได้สงบ ตอนนี้มีแต่ความวุ่นวาย จะได้ช่วยยุติความวุ่นวายต่างๆ ได้ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อถามถึงระดับความวางใจต่อรัฐบาลชุดปัจจุบันพบว่า เกินกว่าครึ่งหนึ่งเพียงเล็กน้อยหรือร้อยละ 51.8 วางใจค่อนข้างมากถึงมากที่สุดว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันที่นำโดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะไม่มีการทุจริตคอรัปชัน เพราะเชื่อมั่นในตัวนายกรัฐมนตรีว่าจะไม่ยอมให้เกิดขึ้น รัฐบาลกลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอย และยังไม่เห็นข่าว ยังไม่เห็นความผิดปกติชัดเจน เป็นต้น
นอกจากนี้ เกือบครึ่งหรือร้อยละ 48.2 วางใจค่อนข้างน้อยถึงไม่วางใจเลย เพราะรัฐบาลยังไม่มีระบบแจกแจงความโปร่งใสในการใช้งบประมาณที่ชัดเจน ไม่เปิดโอกาสให้แกะรอยตรวจสอบรัฐบาลได้ บรรดารัฐมนตรี คณะที่ปรึกษารัฐมนตรี ผู้ติดตาม กลุ่มคนใกล้ชิดมักแสวงหาผลประโยชน์จากตำแหน่งและอำนาจ รัฐบาลปัจจุบันก็เหมือนๆ กับรัฐบาลเก่าๆ ทุกรัฐบาล นายกรัฐมนตรีลอยตัวเกินไป ไม่น่าจะรู้ทันกลุ่มนักการเมืองรอบตัว และอำนาจเงิน ผลประโยชน์ซื้อได้ทุกอย่าง เป็นต้น
...