สำนวนสวรรค์ชั้นเจ็ด พูดกันมานาน ความหมายก็ดูจะเข้าใจกันถึงสถานที่ที่มีความสุขขั้นเหนือสวรรค์ แต่เมื่อถามว่า คำสวรรค์ชั้นเจ็ดนั้น...มีที่มายังไง...คนตอบให้ถึง “บางอ้อ” ก็มีคนน้อยเต็มที
คัมภีร์ไตรภูมิของพุทธศาสนา สอนว่า เมื่อทำบาปต้องตกนรก เมื่อทำบุญก็จะได้ขึ้นสวรรค์นั้น สวรรค์ในไตรภูมิ เรียกว่า ฉกามาพจรสวรรค์ มีอยู่แค่ 6 ชั้น...เท่านั้น
สวรรค์ชั้นที่ 2 เกิดขึ้นก่อนสวรรค์ชั้นที่ 1...เมื่อมีคนทำบุญหน้าใหม่มาเพิ่มมากขึ้น สวรรค์ที่คุยว่ากว้างใหญ่ไพศาลนักหนา ก็เหลือพื้นที่น้อย ทำท่าจะเป็นชุมชนแออัด
จนเมื่อเทวดาหน้าใหม่ 33 องค์ ขึ้นไปจุติ เทวดาหน้าเก่าก็จัดงานเลี้ยงรับน้องใหม่ รุ่นพี่เผลอดื่ม “สุรา” ข้างเดียวจนเมาได้ที่ รุ่นน้องเคร่งศีลมาจากโลกมนุษย์ รังเกียจจนทนไม่ได้ ช่วยกันถีบรุ่นพี่หล่นละลิ่วๆลงไป
คัมภีร์ว่า เทวดารุ่นพี่มีบุญเก่าสั่งสมไว้มาก ทันทีนั้นก็เกิดสวรรค์ชั้นใหม่ ชื่อว่าชั้นจตุมหาราชขึ้นมารองรับ พอสร่างเมาแล้ว เทวดารุ่นพี่ก็เสียใจ จับมือสาบานกัน “ต่อไปจะไม่เมาอีก” จึงเรียกกันเองว่าพวกไม่ดื่มเหล้า
ภาษาบาลีว่าอสูร
ส่วนรุ่นน้องที่ยังใช้ชื่อเทวดา...เพราะความที่มาพร้อมกัน 33 องค์ สวรรค์ชั้นที่สองจึงเรียกตามจำนวน 33 ว่า...ดาวดึงส์
ส่วนสวรรค์ชั้นที่สาม ชื่อยามา ชั้นสี่ชื่อดุสิต ชั้นห้าชื่อนิมมานรดี และชั้นหก ชื่อปรนิมมิตวสวัตดีนั้น ก็พอเข้าใจได้ว่า เป็นสวรรค์ของผู้ที่ทำบุญมากๆขึ้นไป การกินอยู่หลับนอนก็ละเอียดประณีตยิ่งๆขึ้นไปตามลำดับชั้น
ชั้นที่รู้จักกันมากเป็นชั้นดุสิต สวรรค์ชั้น 4 คัมภีร์เล่าว่า พระพุทธมารดาก็อยู่ พระศรีอาริย์ ก่อนเสด็จมาเป็นพระพุทธเจ้าก็อยู่
พ้นสวรรค์ชั้น 6 สวรรค์ที่สุขอยู่กับรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสไปแล้ว ก็ไม่มีสวรรค์ชั้น 7 และชั้นต่อไป จะมีก็แต่ “ชั้นพรหม”
มนุษย์ที่จะขึ้นไปอยู่ชั้นพรหมได้ ต้องทำสมาธิภาวนา ได้ชั้นรูปฌาน และชั้นอรูปฌาน แต่ความสูงของชั้นพรหมก็ยังไม่พอ เมื่อโลกมนุษย์ตกอยู่ในสถานการณ์ “ไฟแล่นล้างสี่หล้า” แผ่นดินลุกเป็นไฟ ไหม้หมดทั้งโลกแล้ว น้ำก็จะท่วมใหญ่
ระดับน้ำจะสูงท่วมสวรรค์ทุกชั้น พรหมทุกชั้น เหลือพรหมชั้นเดียว ชั้นอกนิษฐ์
และดูเหมือนว่า มนุษย์ เทวดา พรหมจะตายเพราะไฟไหม้และน้ำท่วมกันหมด เหลือพรหมชั้นอกนิษฐ์นี่ล่ะ...เมื่อน้ำลดแล้ว ก็ลงมาโลกมนุษย์ ติดใจในกลิ่นดินหอมของโลกมนุษย์ สุดท้ายกลายเป็นมนุษย์
โลกมนุษย์ถูกสร้างขึ้นใหม่ ด้วยเผ่าพันธุ์ที่เรียกว่าพรหมนี่แหละ
ไล่เลียงมาตั้งแต่สวรรค์ชั้นที่ 1 ไปถึงชั้นพรหมแล้ว ก็ยังไม่ถึงสวรรค์ชั้น 7...สวรรค์ชั้น 7 อยู่ที่เยาวราช ใจกลางกรุงเทพฯ เป็นตึก 7 ชั้น สร้างขึ้นเมื่อปี 2463 ถือกันว่า เป็นตึกที่สูงสุดในสมัยนั้น
เพราะเป็นตึก 7 ชั้น ทั้งยังเป็นตึกที่ใช้ลิฟต์ เป็นแห่งแรกในประเทศ ความสูงและความทันสมัย จึงถูกทำเป็นสารพัดสถานบริการ ตั้งแต่ภัตตาคาร ห้างสรรพสินค้าห้องชุดให้เช่าพัก โรงแรม บ่อนการพนัน กระทั่ง สวนสัตว์ ฯลฯ
และที่ขึ้นชื่อที่สุด คือซ่องโสเภณี
กาลานุกรมสยามประเทศไทย 2485-2554 (โพสต์ พับลิชชิง มหาชน) บันทึกว่า โสเภณีบนชั้น 7 ของตึก 7 ชั้น ช่วงปี 2463-2473 ราคาค่าตัวต่อคืน 3-5 บาท ซึ่งเมื่อเทียบกับราคาโสเภณีทั่วไปแล้ว...ถือว่าแพงมาก
สำนวน “สวรรค์ชั้นเจ็ด” เกิดขึ้นตอนนี้
ปี 2523 มีข่าวตึก 7 ชั้น ซึ่งทรุดโทรมมากถูกคำสั่งรื้อถอน มีกลุ่มคัดค้านขอให้อนุรักษ์ไว้เป็นอาคารประวัติศาสตร์ และไม่มีข่าวอีก จนกระทั่งตึก 7 ชั้นเก่า สลายกลายเป็นอาคารใหม่ไม่เหลือเค้าเดิม
แต่สำนวน “สวรรค์ชั้นเจ็ด” ที่สื่อถึง “ตึกเจ็ดชั้น” แห่งนี้ก็ยังคงใช้กันอยู่
อย่างตอนนี้ มีข่าวนายกฯยิ่งลักษณ์เข้าคารวะพลเอกเปรมที่บ้านสี่เสา ผู้น้อยอ่อนน้อมเข้าหาผู้ใหญ่ แวดวงการเมืองว่ากัน เป็นสัญลักษณ์ความปรองดองสมานฉันท์ได้ดีกว่าการสมานฉันท์กันในรัฐสภา
แต่ความสุขจากความสมานฉันท์ดังว่า...เหมือนฝนที่ตกประปราย เกิดประเดี๋ยวประด๋าวแล้วก็จางหาย กลับไปร้อนและร้อนกับสารพัดความร้อน คนในบ้านเมืองแตกแยกกัน น้ำมันแพง ข้าวของก็ยิ่งแพง... เหมือนเดิม.
...
กิเลน ประลองเชิง