ศูนย์เวชศาสตร์ผู้สูงอายุและโรงพยาบาลในเขตบางขุนเทียน ขนาด 300 เตียง พร้อมอุปกรณ์ทางการแพทย์ และระบบสนับ-สนุนการบริการที่ทันสมัย ที่หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประธานมูลนิธิกรุงเทพมหานคร 2552 เปิดตัวไปไม่นานมานี้ มีหลายเรื่องน่าสนใจศูนย์แห่งนี้...ตั้งอยู่ในพื้นที่ชายทะเลบางขุนเทียน แขวงท่าข้าม เป็นความหวังของผู้สูงอายุ เพราะนับวันสังคมไทยยิ่งจะมีผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มเป็น 11 ล้านคนในปี 2563ศูนย์แห่งนี้...ถือเป็นโรงพยาบาลแห่งแรกในประเทศไทย ที่นอกจากจะรักษาผู้ป่วยแบบเดียวกับโรงพยาบาลทั่วไปทำแล้ว ยังบูรณาการการรักษาที่สมบูรณ์ในการดูแลผู้สูงอายุ ฟื้นฟูและพัฒนาสมรรถภาพผู้สูงอายุได้อย่างมีประสิทธิภาพและครบวงจรและศูนย์แห่งนี้...ก็เป็นเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบางขุนเทียน นานาทัศนะกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “...อยู่บางขุนเทียนค่ะ ดีใจนะคะ ถ้ามีโรงพยาบาลอยู่ใกล้ๆกับชุมชนเรา...เป็นประโยชน์จริงๆค่ะ เพราะเมื่อก่อน ต้องเดินทางไกลกว่าจะไปหาหมอแต่ละครั้ง”“...เป็นประโยชน์ต่อชาวบางขุนเทียนและชุมชนใกล้เคียงมากๆครับ เพราะที่นี่ยังไม่มีโรงพยาบาลของรัฐที่อยู่ใกล้ๆเราเลย และเป็นประโยชน์กับพ่อแม่ของเรามากครับ ที่มีศูนย์ดูแลเฉพาะทางสำหรับผู้สูงอายุ”อีกเสียงหนึ่งก็ว่า...ดีใจมากค่ะ ที่จะได้มีโรงพยาบาลที่ดูแลผู้สูง อายุอย่างจริงจัง เพราะทุกวันนี้ เวลาเราเจ็บไข้ได้ป่วยก็หาที่รักษาโรคคนแก่ยากค่ะเสียงสุดท้าย...ย้ำว่า ศูนย์เวชศาสตร์ผู้สูงอายุและโรงพยาบาลในเขตบางขุนเทียน จะเป็นประโยชน์ต่อชาวบางขุนเทียนและชุมชนมาก เพราะเมื่อก่อนเคยพาพ่อแม่ไปโรงพยาบาลค่อนข้างลำบาก ศูนย์ดูแลเฉพาะทางสำหรับผู้สูงอายุมีค่ามากๆสำหรับพวกเรา ขอบคุณ กทม.ที่ห่วงใยเราขอบข่าย ศูนย์เวชศาสตร์ผู้สูงอายุและโรงพยาบาลในเขตบางขุนเทียน...แยกย่อยให้บริการด้านผู้สูงอายุครบวงจร ขนาด 100 เตียง และศูนย์รักษาโรคทั่วไปขนาด 200 เตียง ครอบคลุมการให้บริการในพื้นที่เขตบางขุนเทียน เขตบางบอน เขตทุ่งครุ เขตจอมทอง เขตราษฎร์บูรณะ และจังหวัดใกล้เคียง ได้แก่ อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาครกว่าจะถึงวันนี้ไม่เฉพาะโรงพยาบาลเท่านั้นที่กว่าจะเกิดขึ้นมาได้ กระทั่งชาวบ้านที่คิดที่อยากจะบริจาคที่ดินเพื่อสร้างโรงพยาบาล กว่าจะบริจาคได้ก็ต้องใช้เวลารอคอยนานถึง 30 ปีเต็มนางพรทิพย์ วงศ์ศิริเดช อายุ 87 ปี และ นางสาวอุไรศรี คนึงสุขเกษม อายุ 80 ปี มีเจตนารมณ์แน่วแน่ร่วมกันมานานหลายสิบปีแล้ว ที่จะสละที่ดินส่วนตัวในเขตบางขุนเทียน เพื่อสร้างโรงพยาบาล แต่ก็ไม่เคยทำได้สำเร็จเลย จนกระทั่งมาทำได้ในยุคนี้ โดยมีผู้ว่าฯสุขุมพันธุ์ช่วยเหลืออุไรศรี เล่าว่า เป็นความตั้งใจของเราสองคน คิดว่าจะเอาที่มาสร้างโรงพยาบาลให้ได้ เพื่อเวลาที่ใครเจ็บไข้ได้ป่วยจะได้มาพักรักษา ปลดความทุกข์ยากของพวกเขา เราก็จะได้บุญไปด้วย“ฉันอยากให้โรงพยาบาลแห่งนี้เป็นจุดสวรรค์ ที่บันดาลความสุข มอบความสุขให้กับผู้ป่วย ให้กับทุกคนที่เข้ามา...ที่ดินของพรทิพย์ยี่สิบกว่าไร่เศษ...เฉพาะของฉัน สิบสามไร่เศษ ดั้งเดิมเลยเป็นที่นานานวันเข้าน้ำเค็มก็เซาะจนกลายเป็นผืนน้ำก็เลี้ยงกุ้ง จนกลายเป็นวังกุ้ง” สมัยนั้นย่านนี้ยังไม่เจริญผู้คนก็ยังอยู่กันไม่มาก แต่พอนานเข้าๆก็มีคนมาอยู่เพิ่ม ขยายครอบครัวมากขึ้น ยามเจ็บไข้ได้ป่วยจะเป็นปัญหากันมากเพราะไม่มีโรงพยาบาลอยู่ใกล้ๆเลย ชาวบ้านไม่น้อยไม่รู้จะไปรักษาที่ไหน ส่วนใหญ่ต้องเดินทางไปกันไกลมากเจอปัญหานี้ ก็เลยคิดที่จะสร้างโรงพยาบาล พยายามบริจาคหลายครั้ง แต่เขาก็ไม่รับเพราะเห็นว่ามีน้ำ เราสองคนจึงถูกปฏิเสธทุกที แต่มาในยุคนี้คุยกับผู้ว่าฯ ท่านบอกว่าจะสร้างก็ดีใจ ท่านว่าจะได้มีโรงพยาบาลครบ 4 มุมเมือง...ด้านบางขุนเทียนยังไม่มี ที่นี่...อากาศดีนะ ถ้ามีโรงพยาบาล ผู้สูงอายุมาพักรักษาตัวจะหายเร็วแน่นอน อุไรศรี บอกอีกว่า เขาเอาผังแปลนก่อสร้างมาให้ดู ก็ยิ่งดีใจ มีส่วนที่สร้างเป็นอาคารชั้นเดียวอยู่บนน้ำ...เริ่มก่อสร้างไปบ้างแล้ว กำลังทำเขื่อนกั้นน้ำเอาไว้ ไม่นานน่าจะเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นการก่อสร้างในทางเทคนิคถึงจะเป็นสิ่งที่ทำได้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเท่าใดนัก การทำเขื่อนกั้นน้ำเพื่อก่อสร้างบนพื้นที่แก้มลิง เมื่อเสร็จแล้วโรงพยาบาลแห่งนี้ก็จะตั้งอยู่บนผืนน้ำ ผนวกกับระบบบริหารจัดการก็จะเป็นโรงพยาบาลสีเขียว เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมวันแถลงข่าว พรทิพย์ อายุมากแล้วป่วยมาไม่ไหว ก็ให้หลานชายมาแทน ณัฐภัค อติชาตการ อายุ 30 ปี บอกว่า คุณยายเป็นคนใจดีและเป็นคนใจบุญ อยากให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการสร้างโรงพยาบาลแห่งนี้ “ยายพูดว่า...อยากให้ไปสร้างโรงพยาบาลมาตั้งแต่ผมยังเด็กๆตั้งใจจะเอาให้ได้ กว่าจะถึงวันนี้ก็มีอุปสรรคหลายอย่าง คุณยายอายุแปดสิบเจ็ดปีแล้ว...อยากให้โรงพยาบาลสร้างเสร็จ ให้ท่านได้เห็นก่อนที่จะจากไป” ความสำคัญของผู้สูงอายุในยุคนี้ หลายคนหลายครอบครัวอาจจะห่างเหินกันไปตามสภาพเศรษฐกิจ สังคม สำหรับ ณัฐภัค มองว่า ถ้าเราไม่มีเวลาก็ให้รู้ใจตัวเองว่ารักพ่อรักแม่แค่ไหน รักมากก็อย่าลืมเขา พ่อแม่เลี้ยงดูเรามา มีโอกาสต้องตอบแทนบุญคุณท่าน ไม่ว่างจะไปหาอยู่ไกลกันก็โทร.คุยกันศูนย์เวชศาสตร์ผู้สูงอายุและโรงพยาบาลในเขตบางขุนเทียนเป็นอีกหนึ่งความตั้งใจที่จะช่วยดูแลผู้สูงอายุให้ดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุขขอเชิญ ชาว กทม.ร่วมบริจาคสมทบทุนได้ที่ บัญชี... “มูลนิธิกรุงเทพมหานคร 2552” เลขที่บัญชี 924-0-07119 ประเภทออมทรัพย์ ธนาคารกรุงเทพ สาขาย่อยเซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์ศูนย์เวชศาสตร์ผู้สูงอายุและโรงพยาบาลในเขตบางขุนเทียน กำลังเป็นรูปเป็นร่าง ประเมินว่าจะใช้งบทั้งหมด 2,000 ล้านบาทเศษ งบส่วนหนึ่งมาจากกรุงเทพมหานคร งบอีกส่วนหนึ่ง มูลนิธิกรุงเทพมหานครฯ พยายามจัดกิจกรรมรณรงค์เพื่อหาทุนสมทบ อีกกิจกรรมที่กำลังจะเกิดขึ้นคือ โครงการ “เดินเทิดพระเกียรติ 84 พรรษา ระยะทาง 84 กิโลเมตร เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว...” อุไรศรีขอบอกบุญทิ้งท้ายไปยังผู้มีจิตศรัทธาให้มาช่วยกันทำบุญใหญ่ในครั้งนี้ว่า“ขอให้โครงการประสบความสำเร็จหาเงินสร้างโรงพยาบาลได้ครบในเร็ววัน ผู้สูงอายุด้วยกันจะได้มีที่รักษาตัว เจ็บไข้ได้ป่วยจะได้มาโรงพยาบาลนี้ได้ จะได้ดำเนินชีวิตอย่างเป็นสุข...ลูกๆหลานๆก็เช่นกัน ต้องเป็นที่พึ่งให้ผู้สูงอายุ ปฏิบัติต่อพ่อแม่...ปู่ย่า...ตายายด้วยความรักความเอาใจใส่ ต่อไปจะได้เป็นผู้สูงอายุที่ดี”.