ฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. ยื่นเอกสาร สอบ3จี กสท-ทรู ที่ ป.ป.ช. พร้อมชี้แจงการตรวจสอบ...
เมื่อวันที่ 20 ก.พ. นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวภายหลังการเข้าพบ นายเมธี ครองแก้ว ประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงสัญญาโครงการธุรกิจรูปแบบใหม่ 3 จี บนระบบเทคโนโลยี เอชเอสพีเอ (HSPA) ระหว่าง บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT และกลุ่มบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ภายใต้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่สำนักงาน ป.ป.ช. สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี ว่า วันนี้ได้นำเอกสารเข้าชี้แจงต่อคณะอนุกรรมการ ประกอบด้วย ชุดแรก คือ มติที่ประชุมคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ปฏิบัติหน้าที่ กสทช. เมื่อวันที่ 28 ก.ย. 2554 ที่ผ่านมา ที่มีมติให้ส่งหนังสือถึง กสท เพื่อชี้แจงถึงการทำสัญญากับกลุ่มทรู ในหลายประเด็น อาทิ การไม่ดำเนินการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมหรือดำเนินงานในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535 หรือ พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ การกระทำที่จำกัดสิทธิผู้ให้บริการเฉพาะราย และให้ดำเนินการแก้ไขสัญญาบางส่วน โดยกำหนดระยะเวลาภายใน 30 วัน แต่ กสท กลับทำหนังสือขอเลื่อนการชี้แจงมาแล้วถึง 2 ครั้ง
ชุดที่ 2 คือ คำสั่งของคณะอนุกรรมการเพื่อศึกษามาตรา 46 แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 หรือ พ.ร.บ.กสทช. ที่ได้ศึกษาการประกอบกิจการของผู้ประกอบการที่เช่าใช้โครงข่ายเพื่อนำมาให้บริการโทรคมนาคม (เอ็มวีเอ็นโอ) ตามาตรา 46 ซึ่งมี 3 ประเภท ประกอบด้วย ประเภท Thin MVNO คือ ผู้ให้บริการด้านการขายซิม และการทำการตลาด ประเภท Medium MVNO เป็นผู้ให้บริการการทำการตลาด รวมทั้งควบคุมระบบ Switching และประเภท Full MVNO ที่ควบคุมระบบ Radio Network Controller หรือ RNC รวมทั้งควบคุมทั้งคลื่นความถี่และจำนวนผู้ใช้บริการ ซึ่งปัจจุบันมีการให้บริการ Thin MVNO และ Medium MVNO ที่เป็นการกระทำที่ถูกกฎหมาย ส่วนการให้บริการ Full MVNO ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากตามาตรา 46 ได้ห้ามไม่ให้มีการโอนย้ายความถี่ไปให้ผู้ที่ไม่ได้รับใบอนุญาตใช้
ชุดที่ 3 คือ คำสั่งของคณะกรรมการ กสทช. เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2555 ที่มีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการฯ เพื่อศึกษาการทำสัญญาระหว่าง กสท และกลุ่มทรูที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ระบบ 3จี ภายใต้แบรนด์ ทรูมูฟ เอช โดยมีนายชัยฤกษ์ ดิษฐอำนาจ ประธานอนุกรรมการฯ
โดยคณะอนุกรรมการดังล่าวจะมีหน้าที่ศึกษา และวิเคราะห์ความชอบด้วยกฎหมายของสัญญาระหว่าง กสท และกลุ่มทรู ที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ รูปแบบใหม่บนคลื่นความถี่ 800 MHz ตามพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยคณะอนุกรรมการเพื่อศึกษาการทำสัญญาระหว่าง กสท กับทรู จะต้องทำงานให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน หรือ ภายในช่วงกลางเดือนเม.ย.2555
และชุดที่ 4 คือ เอกสารการฟ้องของบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) ยื่นฟ้องบริษัท กสท ต่อศาลปกครองกลาง ให้ระงับการให้บริการ 3 จี ร่วมกับกลุ่มทรู และบริษัท เรียลมูฟ ผู้ให้บริการระบบ 3 จีภายใตชื่อ ทรูมูฟเอช ในเครือบริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่น ได้ยื่นฟ้องคณะกรรมการและเลขาธิการ กสทช. ให้เพิกถอนมติที่ประชุมเมื่อวันที่ 28 ก.ย. 2554
อย่างไรก็ตาม ภายลังจากคณะอนุกรรมการที่ กสทช. ได้ตั้งเพื่อศึกษาในกรณีดังกล่าว ที่มีนายชัยฤกษ์ ดิษฐอำนาจ ประธานอนุกรรมการ ศึกษาแล้วเสร็จเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการ กสทช. จะได้เสนอต่อคณะอนุกรรมการของ ปปช.ต่อไป ส่วนคดีที่บริษัท เรียลมูฟ ได้ยื่นฟ้องต่อ กสทช.นั้นทาง กสทช. ได้ทำหนังสือขอเลื่อนการส่งเอกสารชี้แจงต่อศาลออกไป เนื่องจากมีเอกสารจำนวนมาก และยังไม่สามารถเตรียมการได้ทัน ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการ ป.ป.ช. ไม่ได้ระบุเวลาผลการสอบในเรื่องนี้แล้วเสร็จแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ปัจจุบัน มีหน่วยงานที่ทำหน้าที่ตรวจสอบในสัญญาระหว่างกลุ่มทรูและ กสท.โทรคมนาคม ในการให้บริการ 3 จี ประกอบด้วย คณะกรรมาธิการศึกษา ตรวจสอบ เรื่องการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล ของวุฒิสภา คณะกรรมการ ป.ป.ช. สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ศาลปกครอง กสทช. และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ด้วย.
...