"ตอนที่ทราบจากลูกชายว่าไม่มีชื่ออยู่บนบอร์ด ตอนนั้นถึงกับเกิดอาการแทบล้มทั้งยืน ทำอะไรต่อไปไม่ถูก ได้แต่นั่งร้องไห้พร้อมกับลูกชาย ทั้งนี้ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าลูกชายตนจะไม่ผ่านเกณฑ์ จึงไม่ได้เตรียมตัวในการสอบ และไม่ได้คิดจะไปเรียนที่อื่น"...
เมื่อผู้ปกครองโรงเรียนสตรีวิทยา 2 จำนวนกว่า 100 คน ได้นัดรวมตัวกันที่บริเวณภายในโรงเรียน เพื่อเรียกร้องในกรณีนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีเกรดเฉลี่ยสะสมผ่านเกณฑ์มาตรฐานของทางโรงเรียนกำหนดไว้ แต่กลับไม่ได้รับการคัดเลือกให้ศึกษาต่อในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4

โดยนางปาริชาติ เดี่ยวตระกูลชัย ผู้ปกครองเด็กนักเรียนโรงเรียนสตรีวิทยา 2 ได้เปิดเผยกับทางทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ ขณะมีสีหน้าที่เคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด ว่า บุตรชายของตน ซึ่งเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่3 ได้เกรดเฉลี่ยสะสม ถึง 3.36 แต่กลับไม่ได้การคัดเลือกให้ศึกษาต่อในชั้น ม.4 สายวิทย์ - คณิต ด้วยในปีนี้ทางโรงเรียนมีการคำนวนค่าเกรดเฉลี่ยของนักเรียน ต้องสูงถึง 3.37 จึงจะได้รับคัดเลือก ทันทีที่ตนรับทราบจากลูกชายว่าไม่มีชื่ออยู่บนบอร์ด ตอนนั้นถึงกับเกิดอาการแทบล้มทั้งยืน ทำอะไรต่อไปไม่ถูก ได้แต่นั่งร้องไห้พร้อมกับลูกชาย ทั้งนี้ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าลูกชายตนจะไม่ผ่านเกณฑ์ จึงไม่ได้เตรียมตัวในการสอบ และไม่ได้คิดจะไปเรียนที่อื่น
จากนั้นพอตั้งสติได้จึงได้สอบถามเพื่อนฝูง พบว่า เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้เหมือนกัน จึงได้นัดรวมตัว เพื่อสอบถามไปยังผู้อำนวยการโรงเรียนสตรีวิทยา 2 ถึงสาเหตุในการคัดเลือกเด็กนักเรียนในปีนี้
...

ขณะที่นางยุพา ผู้ปกครองเด็กนักเรียนโรงเรียนสตรีวิทยา 2 ได้กล่าว (ด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ) ว่า รู้สึกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ลูกชายของตนไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะเกณฑ์มาตรฐานทางโรงเรียนได้กำหนดเอาไว้ให้เด็กนักเรียน ที่มีเกรดเฉลี่ยสะสม 2.5 จะได้รับเลือกให้ศึกษาต่อในชั้น ม.4 สายวิทย์ - คณิต ซึ่งลูกชายตนก็มีคะแนนผ่านตามเกณฑ์ แต่ทำไมถึงไม่ได้รับเลือก พร้อมย้อนถามไปถึงการดำเนินการของโรงเรียนในลักษณะนี้ มีพฤติกรรมแอบแฝงหรือไม่ อย่างไรก็ตามวินาทีที่ทราบว่า ลูกชายตนไม่มีรายชื่อในการรับเลือก ตอนนั้นถึงกับร้องไห้ เสียใจ ทั้ง ๆ ที่ลูกชายตนก็ไม่ใช่เด็กเกเร ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกต ทำไมเรื่องการคัดเลือกเด็ก จึงมีปัญหาเฉพาะโรงเรียนนี้แต่โรงเรียนอื่น ๆ ทำไมถึงไม่มี

ทั้งนี้เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ดร. เกษม สดงาม ผู้อำนวยการโรงเรียนสตรีวิทยา 2 จึงเดินทางเข้าร่วมการประชุม และ ชี้แจง ถึงแนวทางการคัดเลือกเด็กนักเรียนที่จะศึกษาต่อ ว่า"เนื่องด้วยในปีนี้ทางโรงเรียนได้มีการปรับหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกเด็กนักเรียน ตามกฎเกณฑ์ของทางกระทรวงศึกษาธิการ ที่มีการกำหนดให้นักเรียน 45 คนต่อ 1 ห้องเรียน อาจจะมีการเพิ่มหรือลด ต้องดูตามความเหมาะสม ประกอบกับในปีนี้ มีเด็กนักเรียนแสดงความจำนงที่จะศึกษาต่อในสายวิทย์ - คณิต เป็นจำนวนมาก ทำให้อัตราส่วนการรับเด็กนักเรียนชั้นมัธยมปลาย 80% (เด็กนักเรียนภายใน) ต่อ 20% (เด็กนักเรียนภายนอก) ไม่เพียงพอต่อความต้องการ อีกทั้งการนำคะแนนเฉลี่ยมาคำนวน จึงพบว่า เด็กนักเรียนต้องมีเกรดเฉลี่ย 3.37 ถึงจะได้รับเลือกให้ศึกษาต่อ ด้วยสาเหตุนี้จึงทำให้เด็กนักเรียนที่ผ่านเกณฑ์ 2.5 แต่ไม่ถึง 3.37 หมดโอกาสที่จะรับเลือกโดอัตโนมัติ ต้องดำเนินการสมัครสอบแข่งขันอีกครั้ง"

"อย่างไรก็ตามตอนนี้มีนักเรียนจำนวน 67 คนนี้เท่านั้นที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งล่าสุดได้เรียกประชุมและสั่งการให้พนักงานและอาจารย์ที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบในการดูแล พร้อมทั้งยืนยันเด็กทั้ง 67 คนนี้ ได้เรียนต่อแน่นอน โดยทางโรงเรียนจะปรับลดจำนวนห้องเรียนสายศิลป์ จากเดิมที่มีอยู่ 5 ห้อง เหลือ 3 ห้อง มาเพิ่มให้กับสายวิทย์ - คณิต เป็นจำนวน 10 ห้อง จากเดิมที่มี 7 ห้อง" ผอ.กล่าว...
ส่วนกรณีที่มีผู้ปกครองบางส่วนสงสัยถึงความไม่ชอบมาพากล ทั้งเรื่องเงินค่าซ่อมบำรุงหรือเงินบริจาค ทาง ผอ.โรงเรียนสตรีวิทย์ 2 ยืนยันว่า ไม่มีเหตุการณ์ในลักษณะนี้แน่นอน ทุกสิ่งทุกอย่างโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ ขอให้ผู้ปกครองทุกท่านวางใจได้ และเรื่องแบบนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นกับโรงเรียน เพราะชื่อเสียงที่ดีที่ทางโรงเรียนได้สร้างเอาไว้ จะไม่ให้เรื่องพวกนี้มาทำลายโดยเด็ดขาด
...

น้ำเสียงหนักแน่นของทางผู้อำนวยการ ทำให้ผู้ปกครองกว่า 100 ชีวิต ที่เข้ารับฟังคำชี้แจง ถึงกับสบายใจเป็นปลิดทิ้ง พร้อมกับสีหน้าและท่าทางแต่ละคน แสดงให้เห็นถึงรอยยิ้ม อย่างไรก็ตามทาง ผอ. ได้ขอเวลา 4 วัน ในการตรวจตราเอกสารของนักเรียนกลุ่มนี้ให้แล้วเสร็จ จากนั้นเช้าวันที่ 18 มี.ค. นี้ จะประกาศรายชื่อเด็กเหล่านี้ให้มีสิทธิ์ศึกษาต่อในชั้น ม.4 สายวิทย์ -คณิต ตามความต้องการ
กับปัญหานี้ นายเฉลียว อยู่สีมารักษ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวกับทีมข่าว"ไทยรัฐออนไลน์"ว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นดังกล่าว ยืนยันไม่ใช่นโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ ในการตั้งเกณฑ์เฉลี่ยที่สูงถึง 3.37 แต่เป้าหมายของกระทรวงฯในขณะนี้คือต้องการลดจำนวนนักเรียนให้ห้องเรียนลง เนื่องจากที่ผ่านมา สถานศึกษาบางแห่งมีนักเรียนสูงถึง ห้องละ 50 คน ซึ่งเกินกว่าเกณฑ์มาตรฐานกำหนด ทุกคนก็รู้ว่ามันไม่เหมาะ ส่วนตัวทางแก้ในขณะนี้คือกลุ่มผู้ปกครองต้องประชุมร่วมกับทางสถานศึกษาแห่งนั้นดูว่าจะมีทางแก้ไขอย่างไรหรือไม่ ทางโรงเรียนเองก็สามารถขอทำเรื่องขอขยายห้องได้ แต่ต้องเข้าใจว่าอาจไม่มีพื้นที่จะขยายห้องเรียนก็ได้
นายชินภัทร ภูมิรัตน์ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า ปัญหาที่โรงเรียนสตรีวิทยา2 น่าจะคลี่คลายไปแล้วบางส่วน เพราะสถานศึกษาแห่งนี้มีความยืดหยุ่น เพราะเดิมกำหนดว่ารับนักเรียนในภาคการศึกษาใหม่ ห้องหนึ่งเฉลี่ยที่ 45 คนน่าจะเอาอยู่ แต่จริงๆแล้วรับห้องละ 50 คน ก็สามารถทำได้ ฉะนั้นก็ถือเป็นช่องทางที่พอจะใช้แก้ปัญหาได้ โดยหลักแล้วต้องเอาหลักเกณฑ์กลางที่ ศธ. และ สพฐ.ประกาศไปใช้แก้ปัญหา ทางปฏิบัติต้องให้เป็น ดุลพินิจ และอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการของโรงเรียน ในการคลี่คลายปัญหา เพราะสถานศึกษาแต่ละแห่ง มีบริบทและเผชิญปัญหาที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ในความเป็นจริงแล้วการแก้ปัญหาใครก็สามารถที่จะเสนอความคิดเห็นได้ แต่ถ้าลงมาสัมผัสจริงก็จะได้ทราบถึงข้อจำกัด และสภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ว่า การลดจำนวนนักเรียนในแต่ละห้องลงมันทำได้หรือไม่ บางครั้งมันเป็นเพียงแค่อุดมคติซึ่งสวนทางกับความจริง
...

อยากฝากไปยัง นายชินวรณ์ บุญเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ สมควรเร่งดำเนินการจัดระเบียบและเตรียมสถานที่ให้เด็กนักเรียนที่ผ่านเกณฑ์ ได้ศึกษาต่อในชั้น ม.4 ทั้งที่กลุ่มนักเรียนที่เกิดปัญหาทั้งหมดก็เป็นนักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่3 ของสถานศึกษาเดียวกันที่มีปัญหาการร้องเรียน โดยตอนนี้ดูเหมือนจะยังเป็นปัญหาเล็ก ๆ แต่ถ้าไม่ระมัดระวังมันอาจจะลุกลามบานปลาย จนกลายเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคต ในฐานะเป็นถึงเจ้ากระทรวงจึงต้องรับผิดชอบและมีหน้าที่คอยดูแลการศึกษาของประเทศ อย่าให้เยาวชน ซึ่งถือเป็นอนาคตของชาติ ต้องไม่มีที่เรียนต่อไปอีกเลย....