พรรคเพื่อไทย ร้อง กกต.ตรวจสอบคณะรัฐมนตรี หลังอนุมัติเงิน อสม. กว่า 4,000 ล้านบาท ก่อนวันเลือกตั้ง 2 วัน เข้าข่ายจูงใจและอำนวยความสะดวกให้พรรคการเมืองที่มีพลเอกประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตนายกฯ...

เมื่อวันที่ 1 พ.ค.2562 พลตำรวจโทวิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยได้ตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลของมติคณะรัฐมนตรี ที่เห็นชอบแจกเงินให้กับ อสม. ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง กว่า 4,000 ล้านบาท จาก 600 บาท เพิ่มเป็น 1,000 บาท และจ่ายล่วงหน้า 3 เดือน ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบแล้วพบว่า น่าจะเข้าข่ายหาเสียง ทั้งนี้เห็นว่า การเพิ่มเงินจำนวนดังกล่าวให้กับ อสม. ด้วยการอนุมัติเงินของคณะรัฐมนตรี ซึ่งพรรคพลังประชารัฐได้นำไปหาเสียง และปราศรัย ว่าเป็นนโยบายของพรรค โดยการกระทำดังกล่าวทั้งหมดของคณะรัฐมนตรี และพรรคพลังประชารัฐ พรรคเพื่อไทยเห็นว่า น่าจะทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง

ขณะที่ นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย เรียกร้องไปยัง กกต. และจะยื่นเรื่อง พร้อมหลักฐานทั้งหมดให้ กกต. ตรวจสอบ และเห็นว่าพรรคพลังประชารัฐ มีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เป็นพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา, การหาเสียงโดยกล่าวว่า ได้เพิ่มเงินให้กับ อสม. เป็นการหาเสียงชัดเจน, และเห็นว่าเป็นการใช้อำนาจหน้าที่ของ ครม. เอื้ออำนวยต่อการเลือกตั้งให้เป็นไปโดยมิชอบ

ด้าน นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ว่าที่ ส.ส. จังหวัดนครพนม กล่าวว่า ในฐานะที่เคยเป็นข้าราชการและประสบการณ์ของการลงพื้นที่หาเสียงเลือกตั้งที่ผ่านมา ได้เห็นชัดเจนว่า ครม. มีการโอนเงินของ อสม. ก่อนวันเลือกตั้งเพียง 2 วัน เห็นได้ชัดว่ามีเป้าหมาย เพื่อจูงใจให้คนไปเลือกตั้ง และเลือกพรรคพลังประชารัฐ พร้อมย้ำว่า พรรคเพื่อไทย ไม่ได้คัดค้านหากจะอนุมัติงบประมาณในการปฏิบัติหน้าที่ของผู้สนับสนุนงานรัฐ แต่ห้วงเวลาที่โอนเงินเห็นชัดเจนว่าเพื่อการเลือกตั้งทั้งนั้น

...

ส่วน นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค กล่าวว่า หากรัฐบาลจะอ้างว่า การอนุมัติและผ่านความเห็นชอบงบประมาณดังกล่าว เป็นอำนาจเต็มไม่ใช่รัฐบาลรักษาการ แต่พฤติกรรมของรัฐบาลนี้ที่กระทำดังกล่าวเห็นชัดเจนว่าสอดคล้องกับแนวทางของพรรคพลังประชารัฐ และอยากฝากถามพลเอกประยุทธ์ ว่า เมื่อเป็นรัฐบาลพิเศษ แต่กลับทำในสิ่งที่รัฐบาลประชาธิปไตยปกติทำไม่ได้ สะท้อนให้เห็นว่า กลไกทั้งหมดเป็นแนวทางเพื่อปูไปสู่การสืบทอดอำนาจ เพราะหากรัฐบาลทั่วไปกระทำในลักษณะนี้ต้องติดคุกแน่นอน และย้ำว่า พรรคเพื่อไทย ต้องการให้กระบวนการยุติธรรมขจัดคนที่ต้องการคนที่สืบทอดอำนาจไม่ใช่ดารเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่ม และพวกพ้องของตน หากเป็นเช่นนั้นกรับวนการประชาธิปไตยก็จะอยู่วังวนเดิม