ข้อมูลดาวเทียมของบริษัทอินมาร์แซตในอังกฤษ บ่งชี้ MH370 บินวนเหนือมหาสมุทรแปซิฟิกแถวภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลายรอบ ก่อนจะหายไปจากเรดาร์ทันทีทันใด

เมื่อ 11 เม.ย.62 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้าปริศนาโศกนาฏกรรมเครื่องบินโดยสารโบอิ้ง 777 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส เที่ยวบิน MH370 กัวลาลัมเปอร์-ปักกิ่ง ซึ่งประสบเหตุตก ตั้งแต่ 8 มี.ค. 57 หลังหายไปอย่างลึกลับจากจอเรดาร์ ขณะที่ปฏิบัติการค้นหากลับไม่พบซากช้ินส่วนส่วนใหญ่ของเครื่องบิน จนสร้างความสงสัยคาใจอย่างยิ่งนั้น

เว็บไซต์ เดอะ ซัน สื่ออังกฤษ เผยข้อมูลที่รวบรวมมาจากดาวเทียมสื่อสารของบริษัทอินมาร์แซต (Inmarsat) ซึ่งเป็นบริษัทด้านดาวเทียมโทรคมนาคมในอังกฤษ พบว่า เครื่องบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ลำนี้ มีการบินวนหลายรอบเหนือมหาสมุทรแปซิฟิกในบริเวณภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ก่อนที่ทันใดนั้น เครื่องบินจะหายไปจากจอเรดาร์อย่างฉับพลันทันที

...

เจฟฟ์ ไวส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการบิน ซึ่งเป็นผู้เขียนหนังสือเรื่อง Plane That Wasn’t There กล่าวว่า ข้อมูลที่เรียกว่า Burst Frequency Offset(BFP) จากดาวเทียมสื่อสารของบริษัทอินมาร์แซต ชี้ว่า MH370 บินวนเหนือแปซิฟิกหลายรอบก่อนหายไปจากเรดาร์ ซึ่งตามปกติแล้ว นักบินจะมีการขับเครื่องบินบินวนที่ระดับความสูงคงที่ หลังได้รับคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่หอควบคุมการบิน ก่อนจะอนุญาตให้ลงจอดที่สนามบินได้

ทั้งนี้ เที่ยวบิน MH370 ได้ขาดการติดต่อกับหอควบคุมการบิน และหายไปจากจอเรดาร์ เมื่อเวลา 00.14 น. ของวันที่ 8 มี.ค.57 ขณะบินอยู่ในช่องแคบมะละกา ใกล้เกาะภูเก็ต ของไทย โดยก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่มาเลเซียเชื่อว่า ได้ยินคำพูดสุดท้ายจากกัปตัน หรือนักบินผู้ช่วย ที่พูดว่า ‘Good night Malasian Three Seven Zero’(ราตรีสวัสดิ์ มาเลเซีย 370) ขณะที่สัญญาณ ‘pings’ จากเครื่องบินบ่งชี้ว่าเครื่องบินยังคงบินไปได้อีกประมาณ 7 ชั่วโมง ก่อนน้ำมันจะหมด

ผู้เชี่ยวชาญมีการคำนวณความเป็นไปได้ถึงจุดตกของ MH370 ในมหาสมุทรอินเดีย ว่า ห่างไปทางตะวันตกของเมืองเพิร์ธ ประเทศออสเตรเลีย ราว 1,000 ไมล์ (หรือ 1,610 กิโลเมตร) ทว่าปฏิบัติการค้นหาเครื่องบินครั้งใหญ่กลับไม่ได้พบซากเครื่องบินส่วนใหญ่เลย มีเพียงแต่การพบซากเครื่องบินที่ถูกคลื่นพัดไปเกยชายหาดริมฝั่งมหาสมุทรอินเดียทางตะวันตกเท่านั้น