เมื่อวันหยุดยาวช่วง “วันจักรี” ที่ผ่านมา ผมแว่บไปภูเก็ต “ไข่มุกอันดามัน” มา 3 คืนกับ 3 วันครับ...ถือโอกาสหลบไปพักสมองที่เครียดๆ กับเรื่องการบ้านการเมืองหลังเลือกตั้ง ซึ่งส่อท่าทีว่าจะวุ่นๆต่อไปอีกยาวนานว่างั้นเถอะ
ผมไม่ได้ไปภูเก็ตมาเกือบ 20 ปีแล้วกระมัง ได้ยินแต่ข่าวว่าเจริญเติบโตขึ้นมาก เพราะกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก มีนักท่องเที่ยวมาเยือนปีละเกิน 13 ล้านคน
นึกภาพไม่ออกว่าเกาะที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทยเราเกาะนี้ รูปร่างหน้าตาในปัจจุบันจะเป็นอย่างไร? จะเปลี่ยนแปลงไปจากภูเก็ตยุคก่อนมากน้อยแค่ไหน?
ครับ! ไปแล้ว เห็นแล้ว กลับมาแล้วบอกได้คำเดียวว่าภูเก็ตวันนี้กับวันโน้นเหมือนคนละเมือง คนละจังหวัดเลยล่ะ
ตัวเมืองใหญ่ขึ้น มีสิ่งปลูกสร้างทันสมัยมากขึ้น และที่สำคัญรถก็ติดมากขึ้น ไปไหนมาไหนทีต้องเผื่อเวลาไว้ครึ่งชั่วโมงเป็นอย่างน้อย สำหรับระยะทางเพียงแค่ 10-20 กิโลเมตรเท่านั้น
ชายหาดหลายๆ หาดก็ต่างไปจากเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง...จำได้ว่า ป่าตอง เป็นชายหาดที่สวยมาก และสงบมาก...มาถึงวันนี้ชายหาดก็ยังสวยอยู่หรอก แต่รอบๆ หาดนี่ซีมีทั้งตึกโรงแรม ตึกศูนย์การค้า ตึกห้องแถว มีบาร์ มีสถานที่นั่งกินเหล้าพรืดไปหมด
เหมือนมีใครยกพัทยาไปไว้ป่าตองอย่างไรอย่างนั้น
เสียดายที่ไม่ได้ผ่าน หาดกะตะ (หรือผ่าน แต่จำไม่ได้ก็ไม่รู้ เพราะไป ที่ไหนๆ ก็เจอแต่ตึกและสิ่งปลูกสร้างแทบไม่เหลือสภาพเดิมๆเอาไว้เลย)
เหตุที่ต้องเอ่ยถึงหาดแห่งนี้เป็นการเฉพาะ ก็เพราะเมื่อ 30 กว่าปีก่อน พวกเราจากกองบรรณาธิการไทยรัฐกลุ่มหนึ่งได้รับเชิญมาทำข่าวพิธีเปิดสนามมวยชั่วคราวที่ภูเก็ต แต่พอมาถึงก็ทราบข่าวว่าที่ชายหาดกะตะ ซึ่งค่อนข้างสงบและอยู่ห่างไกลในยุคโน้น กลายเป็นสถานที่ที่ฝรั่งชอบไปเปลือยกายอาบแดด อาบน้ำ คล้ายๆนิคมอาบแดดที่ต่างประเทศ
...
พวกเราจึงต้องไปเช่ากระท่อมหลังหนึ่ง และซุ่มอยู่ในกระท่อมหลังนั้น จนในที่สุดก็พบฝรั่งนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางมาเปลือยกายอาบแดดอาบน้ำหลายๆสิบคนเลยทีเดียวที่ชายหาดแห่งนี้
จำได้ว่าเราส่งมาเป็นข่าวหน้า 1 ลงรูปถ่ายที่แอบถ่ายไกลๆมาประกอบด้วย กลายเป็นข่าวฮือฮาพอสมควรในยุคโน้น
มาถึงทุกวันนี้ ผมก็เดาว่าหาดกะตะ ก็คงเหมือนหาดป่าตองและหาดอื่นๆของภูเก็ตนั่นแหละ คือมีแต่โรงแรมห้องพัก ตึกแถว บาร์เบียร์ ฯลฯ
ทำอย่างไรได้ เมืองท่องเที่ยวทุกแห่งก็มาในทำนองนี้แหละ
ที่เขียนมาทั้งหมดนี้ไม่ได้ตัดพ้อหรือห่วงหาอาลัยเสียดมเสียดายแต่อย่างใดทั้งสิ้น เพราะตระหนักในความจริงว่าทุกเมืองที่เป็นเมืองท่องเที่ยวลงท้ายก็จะมาตามเส้นทางเดียวกัน
ทางที่ดีที่สุดก็คือ ต้องลืมความหลัง...ลืมหาดป่าตอง หาดกะตะ ที่เคยเห็นในยุคก่อน แล้วหันมามีความสุขกับยุคใหม่ พร้อมกับตักตวงความสุขให้เต็มที่
ดังที่ผมไปเที่ยวนี้ 3 วัน 3 คืน ก็ใช้ชีวิตแบบใหม่ ตักตวงความสุขของภูเก็ตยุคใหม่ได้ความ “พึงพอใจ” กลับมาอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งจะทยอยเขียนในคอลัมน์ซอกแซกเป็นลำดับไป
สำหรับวันนี้ก็เพียงแต่จะออกแขกรายงานว่า ผมไปภูเก็ตมาเท่านั้นเอง และขอบรรยายความรู้สึกเปรียบเทียบของเก่าของใหม่ ตามประสาผู้อาวุโสเอาไว้บ้างเล็กๆน้อยๆ
ก็มาถึงคำถามที่ท็อปฮิตเมื่อปีที่แล้วที่ถามกันว่า หลังจากอุบัติเหตุเรือล่มนักท่องเที่ยวจีนเสียชีวิตหลายศพ จนเป็นเหตุให้ทัวร์จีนแอนตี้ภูเก็ต ไม่มาเที่ยวอยู่พักหนึ่งนั้น ทุกวันนี้เป็นอย่างไร?
เท่าที่เห็นด้วย 2 ตา โดยไม่ต้องดูตัวเลขสถิติใดๆก็ยังเห็นนักท่องเที่ยวจำนวนมากอยู่ ทั้งไทย จีน ฝรั่ง ตะวันออกกลาง และอินเดีย
ช่วงไปดู “พระอาทิตย์ตกทะเล” ที่ แหลมพรหมเทพ ก็เห็นนักท่องเที่ยวแน่นขนัดเป็นนักท่องเที่ยวจีนไปเสียแล้วครึ่งหนึ่ง
จะให้เยอะยั้วเยี้ยเหมือนเก่าคงจะยาก แต่สถานการณ์ต่างๆก็ดูดีขึ้นมาก และนักท่องเที่ยวที่มาภูเก็ตทุกวันนี้ดูเหมือนจะมากันหลากหลายชาติ แม้จีนจะยังมากอยู่ แต่ก็ไม่ถึงขนาดมีแต่จีนและจีนเท่านั้น
ดีใจที่เสน่ห์ของทะเลและชายหาดภูเก็ตยังคงโดดเด่นในสายตาชาวโลก และถ้าเราช่วยกันดูแลรักษา ช่วยกันระมัดระวังอย่าให้เสื่อมโทรม ก็คงจะเป็น “ไข่มุกอันดามัน” ทำรายได้เข้าประเทศไปอีกนานแสนนาน...ผมยังเชื่อเช่นนั้นครับ.
“ซูม”