ช่วงซัมเมอร์แบบนี้ เราเชื่อว่าคุณผู้หญิงหลายคนรีบหันมา "ออกกำลังกาย" และ "ลดน้ำหนัก" แบบเร่งด่วน เพื่อที่จะใส่ชุดว่ายน้ำให้สวยเป๊ะ ปัง พร้อมแชะรูปลงอินสตาแกรมใช่ไหม? 

เมื่อก่อน...เคยมีความเชื่อที่ว่า "หน้าร้อน" เหมาะแก่การออกกำลังกาย เพราะจะช่วยให้เราเผาผลาญแคลอรีมากขึ้น แต่ ไลฟ์สไตล์ไทยรัฐ จะมาเตือนว่าอากาศร้อนของเมืองไทยน่ากลัวกว่าที่คิด เพราะอาจทำให้คุณเกิดอาการ ฮีตสโตรก (Heat Stroke) หรือภาวะความร้อนที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันจนร่างกายไม่ทันตั้งตัว ก็อาจทำให้เกิดอันตรายแก่ชีวิตได้ 

ถ้าอย่างนั้น คุณต้องเตรียมความพร้อมในการออกกำลังกายตอนหน้าร้อนอย่างไรบ้าง? เรามีคำตอบมาให้แล้ว

อย่าคิดว่าตัวเองแข็งแรงพอ!

ถึงแม้ว่าร่างกายของคุณจะแข็งแรงขนาดไหน ลมแดดก็ถามหาได้ ยิ่งถ้าคุณเป็นประเภทชอบออกกำลังกายกลางแจ้งยิ่งไปกันใหญ่ ด้วยกลไกของร่างกายมนุษย์ที่จะคอยระบายความร้อนออกไปในประเภทของเหลวและเหงื่อ แต่หากความร้อนจากภายนอกเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และไม่สามารถขับความร้อนออกไปได้ทัน จะส่งผลให้สมองทำงานบกพร่องจนเสียสมดุล 

...

และหากความร้อนในร่างกายพุ่งสูงขึ้นเกิน 40 องศาเซลเซียส คุณก็มีโอกาสจะช็อก หมดสติ หรือหากโชคไม่ดีก็อาจเสียชีวิตได้เลย 

เช็กความร้อนในร่างกาย

สำหรับผู้ที่ออกกำลังกายกลางแจ้งนานกว่า 1 ชั่วโมง มีโอกาสสูญเสียเหงื่อได้มากถึง 0.5-1 ลิตร ผิวจะขาดน้ำจนมีสีแดงขึ้น จับดูจะรู้สึกตัวร้อนเหมือนมีไข้สูง เริ่มเหนื่อยหรือเริ่มหน้ามืด ควรนั่งพักในที่มีอากาศถ่ายเทสะดวกและอย่าฝืน เพราะไม่อย่างนั้นอาจถึงขั้นหมดสติและชักได้

ออกกำลังกายอย่างไร? ไม่เสี่ยงฮีตสโตรก

1. เลือกเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี: ไม่ควรเลือกเสื้อสีเข้มเพราะดูดซับความร้อนมากกว่าสีอ่อน ลองดูเป็นเนื้อผ้าที่ทำจากโพลีเอสเตอร์เพราะสามารถถ่ายเทความร้อนได้ดี หรือลงทุนกับเสื้อผ้าที่ป้องกันรังสีอัลตราไวโอเล็ต

2. จิบน้ำบ่อยๆ: การออกกำลังกายกลางแจ้งควรพกน้ำขวดไปด้วยเสมอ แล้วใช้วิธีจิบน้ำบ่อยๆ ไม่ดื่มรวดเดียวเพราะจะทำให้จุก

3. ซับร่างกายด้วยผ้าขนหนูชุบน้ำ: นำผ้าเย็นมาซับหน้า คอ แขน ขา ข้อพับเข่า และใต้รักแร้ (บริเวณที่ความร้อนขึ้นสูงได้ง่าย) คุณอาจชุบน้ำเย็น หรือห่อน้ำแข็งก้อนแข็งๆ เอาไว้ระบายความร้อนภายนอกร่างกาย

อย่างไรก็ตาม คุณไม่ควรออกกำลังกายกลางแดดที่ร้อนจัดอย่างเวลาเที่ยงตรง ทางที่ดีอาจเลือกเวลาเป็นช่วงเช้าก่อน 10 โมงเช้า และหลัง 4 โมงเย็นเป็นต้นไปจะดีที่สุดนะคะ. 

อ่านเรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับ "การออกกำลังกาย" ต่อได้ที่นี่: