ต้นทุนสูง รับวัตถุดิบมาแพง ไหนจะต้องจ้างลูกน้องอีก แม่ค้าซีฟู้ดหัวหิน บอกสาวโพสต์ลงโซเชียล ข้องใจมาคุยกัน
จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์ภาพและข้อความระบุว่า ร้านอาหารทะเลริมหาดหัวหินราคาแพงเกิน และสั่งอาหารแค่ 4 อย่าง แต่กลับมาเสิร์ฟอย่างละ 2 ที่ ตามที่ได้เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้ (สาวโวยสั่งอาหารหาดหัวหิน กลับถูกเบิ้ลเป็น 2 ชุด ทางร้านโต้ ท้าตรวจสอบ)
ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 1 เม.ย. 62 นางอารีย์ นุ่มเจริญ อายุ 67 ปี เจ้าของร้านอาหารป้าแก้วซีฟู้ด อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ตนเป็นคนประกอบอาหารและคิดเงิน และก่อนที่ลูกค้าจะจ่ายเงินก็ย้ำว่าให้ดูให้ดี ผิดถูกให้บอก เขาก็ไม่ได้พูดอะไร มีแต่คนผู้ชายพูดว่าอาหารแพงนะ
ทางร้านก็เลยให้เอาเมนูมาเทียบว่าทุกอย่างราคาเป็นไปตามที่เมนูตั้งไว้ เราก็คิดตามนั้น เขาก็ฉีกบิลไปแล้วก็ไม่ได้พูดอะไร เขามากันทั้งหมดผู้ใหญ่ 8 คนเด็ก 3 คน ไม่ใช่เด็กเล็กนะเป็นเด็กโตแล้ว พอเด็กเล่นน้ำเสร็จ ก็ขึ้นมากินข้าว แล้วอาหารเหลือทางร้านก็ใส่ห่อกลับบ้านให้ด้วย
...
ส่วนเรื่องผ้าใบก็เป็นเด็กที่ร้านเชียร์ เราจะย้ำลูกค้าว่ามา 5 คน ต้องสั่งอาหาร 4 อย่าง ถ้ามา 10 คน ต้องสั่งอย่างต่ำ 8 อย่าง ซึ่งเป็นไปตามที่เทศบาลกำหนดไว้ให้เหมือนกันทุกร้าน ไม่มีใครให้นั่งฟรีหรอก เพราะต้องจ้างลูกน้องอีก
"หลังจากที่เกิดเรื่อง ก็ถือว่ายังเป็นปกติเพราะมีบ่อย เดี๋ยวในตลาด เดี๋ยวในทะเล เดี๋ยวในตลาดโต้รุ่ง ต้องไปควบคุมตั้งแต่คนที่ขายอาหารสดในตลาด เราซื้อมาแพง เราก็ต้องขายแพง แต่ราคาก็ขายเหมือนๆ กันทุกร้าน ลูกค้าตอนสั่งกินดี คนสั่งไม่ได้จ่าย คนจ่ายไม่ได้กิน เลยเกิดปัญหาแบบนี้อยู่เรื่อยๆ"
นางอารีย์ กล่าวอีกว่า ส่วนที่เขาลงในเฟซบุ๊ก เขาลงว่าเขาสั่ง 4 จาน แต่จริงแล้ว 4 จาน 2 ที่ เป็นผู้หญิงสั่ง แต่คนจ่ายเป็นผู้ชาย ซึ่งพาเด็กไปเล่นน้ำก่อน เลยไม่รู้ตอนที่เราพูดกฎของทางร้านให้ฟังจึงเกิดปัญหา หากไม่สั่งอาหาร จะต้องเช่าผ้าใบนั่ง ในราคา 100 บาท สามารถนั่งได้ตั้งแต่ 06.00 - 17.00 น.
โดยทางร้านยืนยันว่า ขายตามเมนูทุกอย่าง ทำตามกฎกติกาทุกข้อ ไม่ได้มีการบังคับลูกค้าแต่อย่างใด หากทางผู้โพสต์ที่เป็นลูกค้ามีข้อข้องใจ ก็ให้มาเคลียร์กัน มาคุยกัน เพราะการโพสต์ลงโซเชียลเช่นนี้ ทำให้ภาพลักษณ์ของแม่ค้าหัวหินเสียหาย ทั้งๆ ที่เราก็ทำตามกฎที่ทางเทศบาลกำหนดไว้ให้
ด้านนายจีรวัฒน์ พราหมณี ปลัดเทศบาลเมืองหัวหิน กล่าวว่า จากการตรวจสอบ พบว่าร้านอาหารที่มีปัญหาชื่อ ร้านป้าแก้วซีฟู้ด 1 ใน 22 ร้านที่ชายหาดหัวหิน จากการสอบถามผู้ประกอบการให้การยืนยันว่ากลุ่มของผู้โพสต์ข้อความที่เดินทางมาท่องเที่ยวด้วยกันได้สั่งอาหาร 2 ชุด จึงมีการเรียกเก็บเงิน 2 บิล หลังจากมีการนั่งเตียงผ้าใบ 8 คน ซึ่งข้อมูลนี้เพื่อความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย จะต้องขอให้ผู้โพสต์ยืนยันข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงอีกครั้ง ว่ามีการแจ้งเตือนล่วงหน้าไว้หรือไม่
กรณีการนั่งเตียงผ้าใบเกิน 4 คน จะต้องสั่งอาหารเพิ่ม ขณะเดียวกันมีการตรวจสอบราคาอาหารบางอย่างในร้านดังกล่าว พบว่าอาจมีราคาสูงเกินความเป็นจริง ซึ่งได้แจ้งสำนักงานพาณิชย์จังหวัดเข้าตรวจสอบแล้ว
สำหรับร้านป้าแก้วซีฟู้ด ที่ผ่านมายังไม่เคยมีความผิดจากการทำบันทึกข้อตกลง โดยกำหนดโทษความผิดครั้งแรกให้ภาคทัณฑ์ ครั้งที่ 2 จะสั่งให้หยุด 7 วัน และหากผิดครั้งที่ 3 สั่งยกเลิกกิจการ อย่างไรก็ตาม ต้องดูข้อเท็จจริง ถ้าหากผิดจริงตามข้อกล่าวหา ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่ถ้าไม่ผิดจริงตามที่ทางร้านแก้ต่างมา ว่า ทางนี้โพสต์เกินจริงอะไร
ทั้งนี้ ตนก็จะแนะนำว่าให้เข้าไปแจ้งความเรื่อง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ทุกอย่างมันเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมอยู่แล้ว อย่างกรณีเมนูที่สร้างความสับสน ว่าจะใช้เมนูไหน เมนูฝรั่ง เมนูไทย อย่างนี้ผมว่ามันไม่ควร เดี๋ยวจะแจ้งเทศบาลและพาณิชย์ให้ดำเนินการ เรื่องของเมนูต้องชัดเจน จะเมนูไหนก็เอาสักเมนูหนึ่ง
"น้ำมะพร้าวแก้วละ 80 บาท พูดแบบตรงไปตรงมา ก็แพงนะ อย่างนี้ต้องมาแก้ไข คือ อย่างที่ทางเทศบาลบอก ต้องมาดูกันนิดหนึ่งว่ามันเกิดจากความเข้าใจผิดหรือไม่ หรือเป็นไปตามที่ทางผู้ประกอบการ เขาบอกว่าทางฝ่ายผู้โพสต์ก็สั่งของเขาจริง แบบนี้ต้องมาคุยกัน"
เบื้องต้น ตนกำชับว่าให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพราะเรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นซ้ำซากในพื้นที่ของอำเภอหัวหิน คือถ้าไม่ทำให้เป็นกิจลักษณะ ก็จะกระทบภาพลักษณ์แบบนี้ไปเรื่อยๆ
นายประสพชัย พูลเกิด พาณิชย์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หากผู้ประกอบการร้านค้าชายหาดให้บริการ มีลักษณะคล้ายข่มขู่ หลอกหลวง และเอาเปรียบผู้บริโภค และหากตรวจสอบแล้วเป็นจริงตามที่โพสต์ไว้ จะถือว่าเจ้าของร้านอาหารเข้าข่ายมีฐานความผิดในคดีอาญาอย่างชัดเจน
รวมทั้งมีการตั้งข้อสังเกตว่าอาหารบางประเภทอาจมีราคาสูงเกินจากเมนูที่กำหนดไว้ จะมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยสินค้าและบริการ พ.ศ.2544 สำหรับผู้ประกอบการร้านค้าชายหาดทั้ง 22 ราย ที่ผ่านมามีการทำบันทึกข้อตกลงในการจัดระเบียบไว้กับเทศบาลหัวหิน และยอมรับว่ามีปัญหาจากการขายสินค้าและบริการอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีผลกระทบกับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวพอสมควร.