เหตุกราดยิงถล่มมัสยิด 2 แห่งในเมืองไครสต์เชิร์ช ประเทศนิวซีแลนด์ เมื่อ 15 มี.ค.62 ถือเป็นเหตุการณ์ช็อกโลก เพราะนอกจากมือปืนก่อเหตุกราดยิงอย่างเหี้ยมโหด ดับสลด 50 ราย บาดเจ็บนับครึ่งร้อยแล้ว คนร้ายยังกล้าจะเปิดเผยหน้าตัวเอง ด้วยการไลฟ์สดนาทีสุดช็อก ผ่านทางเฟซบุ๊กของบัญชีผู้ใช้ชื่อ เบรนตัน ทาร์แรนต์ (Brenton Tarrant) อีกด้วย
แน่นอน คำถามที่เกิดขึ้นในใจของผู้คนทั่วโลก ก็คือ ทำไม นายเบรนตัน ทาร์แรนต์ หนุ่มชาวออสเตรเลีย วัย 28 ปี จึง ‘ข้ามน้ำข้ามทะเล’ มาลงมือฆ่าคนอย่างเหี้ยมโหดเช่นนี้ในนิวซีแลนด์ ประเทศที่ได้ชื่อว่ามีความเงียบสงบ วางตัวเป็นกลาง ไม่บ้าอำนาจเหมือนชาติใหญ่หลายประเทศ
...
*เปิดประวัติ เบรนตัน ทาร์แรนต์ พวกคลั่งผิวขาว หัวขวาจัด
สาเหตุที่ทำให้มือปืนผู้ลงมือก่อเหตุกราดยิงมัสยิดในนิวซีแลนด์ ถูกสืบสาวว่าเป็นใครนั้น ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะเขาได้ไลฟ์สดนาทีกราดยิงในบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ เบรนตัน ทาร์แรนต์ อีกทั้งยังโดนตำรวจนิวซีแลนด์ จับกุมได้ในที่สุด และถูกตั้งข้อหาก่อฆาตกรรมในวันเดียวกัน ก่อนส่งตัวขึ้นศาลทันทีในวันรุ่งขึ้น
ก่อนหน้าจะลงมือกราดยิง เบรนตัน ทาร์แรนต์ ยังได้ประกาศเจตนารมณ์ยาวเหยียด ความยาว 74 หน้าลงในโลกโซเชียล ที่แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นคนหัวขวาจัดสุดโต่ง คลั่งผิวขาว เกลียดชังผู้อพยพเข้าเมือง เขาโกรธแค้นที่ชาวมุสลิมหัวรุนแรงปลุกปั่นก่อเหตุโจมตีในยุโรป เขาจึงต้องการแก้แค้น และต้องการสร้างความหวาดกลัว
นอกจากนั้น ทาร์แรนต์ยังหวังว่าจะรอดในเหตุโจมตีครั้งนี้เพื่อจะได้เผยแพร่อุดมการณ์ของเขาลงในสื่อออนไลน์ให้มากขึ้น..ทว่าขณะเดียวกัน เนื้อหาในแถลงการณ์ของเขาแสดงให้เห็นถึงความคิดที่สับสน
นอกจากจะบอกทัศนคติของเขาว่าเป็นพวกชาตินิยมขวาจัด คลั่งผิวขาวแล้ว ทาร์แรนต์ บอกว่าเขาเป็นนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เป็นพวกนิยมลัทธิฟาสซิสต์ อีกทั้งคนที่มีอิทธิพลต่อเขามากที่สุดคือ แคนเดซ โอเวนส์ คอมเมนเตเตอร์สาวผิวสี หัวอนุรักษนิยมชาวอเมริกัน วัย 29 ซึ่งยังเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่รู้จักกันดีว่าสนับสนุน โดนัลด์ ทรัมป์
*เกิดในครอบครัวชนชั้นแรงงาน-เคยเป็น ‘เทรนเนอร์’
ทาร์แรนต์บอกว่า เขาเติบโตในครอบครัวชาวออสเตรเลีย ชนชั้นแรงงาน เป็นนักเรียนจนๆ คนหนึ่ง โดยในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา เขาอยู่ในออสเตรเลียเป็นระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น
เทรซีย์ เกรย์ หญิงชาวออสเตรเลีย ซึ่งบอกว่า ทาร์แรนต์ในฐานะเป็นเทรนเนอร์ส่วนตัวให้กับเธอ ในเมืองแกรฟตัน บอกว่า เธอรู้สึกช็อกเมื่อรู้ข่าวนี้ เธอไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่เธอติดต่อพูดคุยสนทนาด้วยเป็นประจำทุกวันนั้น สามารถทำในสิ่งที่โหดเหี้ยมเช่นนี้
...
*ทำไมเลือกลงมือมาก่อเหตุในประเทศนิวซีแลนด์
จากแถลงการณ์ประกาศเจตนารมณ์ นายทาร์แรนต์ ได้บอกถึงเหตุผลที่เลือกลงมือก่อเหตุสังหารหมู่ที่ประเทศนิวซีแลนด์ ประเทศที่สงบเงียบว่า เป็นเพราะนิวซีแลนด์เป็นประเทศที่อยู่ห่างไกล และเขายังต้องการแสดงให้เห็นว่า ‘ไม่มีที่ใดในโลกนี้ที่จะปลอดภัย’ ขณะเดียวกัน ประเทศที่ห่างไกลอย่างนิวซีแลนด์ ก็ยังมีผู้อพยพเข้าประเทศจำนวนมาก
*ใช้เวลาวางแผน 3 เดือน เลือกไครสต์เชิร์ชเป็นเป้า
ทาร์แรนต์ ซึ่งได้ย้ายมาอยู่ในนิวซีแลนด์ตั้งแต่ปีที่แล้ว ยังเผยว่า เขาใช้เวลาวางแผนก่อเหตุสังหารหมู่ เมื่อ 3 เดือนก่อน โดยเลือกเมืองไครสต์เชิร์ชเป็นเป้าหมาย โดยได้แรงบันดาลใจจากเมื่อตอนไปท่องเที่ยวในยุโรปตะวันตก และเกิดเหตุชายชาวอุซเบกิสถานคนหนึ่ง ขับรถบรรทุกพุ่งชนฝูงชนคนเดินเท้าในกรุงสต็อกโฮล์ม เมืองหลวงของประเทศสวีเดน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย เมื่อปี 2560 และความตั้งใจที่จะก่อเหตุรุนแรงเพิ่มมากขึ้นเมื่อไปถึงฝรั่งเศส และเขารู้สึกโกรธเคืองที่เห็นคนอพยพในเมืองเล็กเมืองน้อยที่ไปเที่ยว
...
*เรียกคนอพยพ ว่า ‘ผู้รุกราน’
ทาร์แรนต์ เขียนในประกาศเจตนารมณ์ของเขา ในการก่อเหตุกราดยิง โดยเรียกเหยื่อของเขาว่า ‘ผู้รุกราน’ ที่อพยพเข้ามาอยู่แทนที่คนผิวขาว โดยทาร์แรนต์ซึ่งซื้อปืนอย่างถูกกฎหมายถึง 6 กระบอกมาใช้ในการก่อเหตุนั้น ยังทำนายด้วยว่าเขาจะไม่รู้สึกสำนึกผิดอะไรต่อการเสียชีวิตของคนเหล่านี้ โดยจากคลิปวิดีโอที่ทาร์แรนต์ ไลฟ์สดช่วงเวลาลงมือก่อเหตุความยาว 17 นาที จะเห็นว่าเขาไม่ได้แสดงความรู้สึกผิดใดๆ ขณะกราดยิงใส่เหยื่อผู้บริสุทธิ์อย่างเหี้ยมโหดแม้แต่น้อย
...
*ตร.กีวีเชื่อลงมือคนเดียว กราดยิงมัสยิด 2 แห่ง ดับ 50 ศพ
หลังจากทาร์แรนต์ถูกตำรวจนิวซีแลนด์สามารถจับกุมตัวได้หลังก่อเหตุกราดยิงมัสยิด อัล นูร์ ที่ตั้งอยู่บนถนนดีน ใจกลางเมืองไครสต์เชิร์ช และมัสยิดอีกแห่งบนถนนลินวูดแล้ว ตำรวจได้จับกุมผู้ต้องสงสัยได้ 4 คน ก่อนจะปล่อยตัวผู้ต้องสงสัย 3 คน และมีเพียงทาร์แรนต์คนเดียวที่ถูกตั้งข้อหา ก่อนจะถูกนำตัวส่งฟ้องศาลเมื่อวันเสาร์ที่ 16 มี.ค.62 ในคดีก่อฆาตกรรม สังหารหมู่ โดยตำรวจนิวซีแลนด์เชื่อว่า ทาร์แรนต์ ลงมือก่อเหตุกราดยิงสังหารหมู่โดยลำพังคนเดียวอีกด้วย
*วันที่มืดมนที่สุดของนิวซีแลนด์
นายกรัฐมนตรีจาซินดา อาร์เดิร์น แห่งนิวซีแลนด์ ได้เดินทางจากกรุงเวลลิงตัน มายังเมืองไครสต์เชิร์ช เพื่อประชุมฉุกเฉินรับมือสถานการณ์ร้ายแรงที่เกิดขึ้น โดยนายกรัฐมนตรีหญิงนิวซีแลนด์ได้กล่าวถึงเหตุกราดยิงสังหารหมู่ที่มัสยิด 2 แห่งในเมืองไครสต์เชิร์ชว่า เป็นวันที่มืดมนที่สุดในประเทศนิวซีแลนด์ ในขณะที่ชาวมุสลิมทั่วโลกต่างแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ครั้งนี้
ในขณะที่ สำนักพระราชวังบักกิงแฮม ในอังกฤษ ออกแถลงการณ์ว่า สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 ของอังกฤษ ทรงโศกเศร้าพระทัยอย่างยิ่งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นอกจากนั้น ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ยังได้ประณามการก่อเหตุรุนแรง และระบุว่า เป็นการสังหารหมู่อย่างน่าสยดสยอง โดยสหรัฐฯ จะขอยืนเคียงข้างนิวซีแลนด์ในทุกอย่างที่จะทำได้...