เตือนอย่าคิดระดมคนมากดดันให้เสนอแนะเชิงวิชาการ ขู่เชือดวินัย
นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ว่า ที่ประชุมหารือกรณีกลุ่มข้าราชการครูและผู้บริหารทางการศึกษา ได้ยื่นร้องเรียนให้ ก.ค.ศ.ทบทวนกรณีที่ได้มีการยื่นขอมีหรือเลื่อนวิทยฐานะ ตามหนังสือสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ที่ ศธ. 0206.3/ว13 เรื่อง การให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้มีผลงานดีเด่นที่ประสบผลสำเร็จ เป็นที่ประจักษ์มีวิทยฐานะหรือเลื่อนเป็นวิทยฐานะชำนาญการพิเศษและวิทยฐานะเชี่ยวชาญว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยที่ประชุมเห็นว่า เรื่องนี้มีการเจรจากันมาแล้วหลายครั้ง จึงเห็นควรให้เดินตามกฎหมาย โดยให้ทำเรื่องอุทธรณ์ผ่านต้นสังกัด เพื่อพิจารณาเป็นรายบุคคล ใครไม่พอใจฟ้องร้องต่อศาลปกครองได้
“ขอร้องว่าอย่ามาชุมนุมเพื่อกดดัน ก.ค.ศ. และรัฐบาล อาจส่อผิดวินัยข้าราชการ และผิด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพราะมาชุมนุมก่อนการเลือกตั้ง เรื่องนี้ควรจบได้แล้ว ถ้าไม่จบผมจะดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนกรณีมีกลุ่มแกนนำครูออกมาคัดค้านร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.... ที่มีข้อเสนอให้เปลี่ยนชื่อตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนเป็นครูใหญ่นั้น เป็นข้อเสนอของคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา (กอปศ.) และผมเห็นด้วย แต่ทุกคนมีสิทธิแสดงความเห็น แต่เป็นการแสดงความเห็นทางวิชาการเหมือนกรณีกัญชาอย่าค้านในลักษณะการเมือง ซึ่งขณะนี้เริ่มมีการค้านแบบโจมตีกัน อยากให้แสดงความคิดเห็น อย่างศิวิไลซ์และว่ากันไปตามกฎหมาย แต่จะมาระดมคน 1 พันคนมากดดันนั้น ยอมไม่ได้” นพ.ธีระเกียรติกล่าว
...
ด้านนางอุษณีย์ ธโนศวรรย์ เลขาธิการ ก.ค.ศ. กล่าวว่า ที่ประชุมยังหารือกรณีที่คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) ไม่พิจารณาคืนอัตราเกษียณอายุราชการปี 2559-2560 ให้ สพฐ. ดังนั้น จึงได้มอบให้นายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัด ศธ. และนายบุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการ กพฐ. ไปจัดทำแผนการกำหนดขนาดกำลังคนภาครัฐในปี 2559-2560 ของ สพฐ.ให้เป็นไปตามมาตรการของ คปร. โดยให้โรงเรียนที่มีนักเรียนไม่ต่ำกว่า 250 คน ส่วนปี 2561 มีข้อมูลแล้วว่าจะต้องคืนอัตราเกษียณ 5,265 อัตรา ให้กับโรงเรียน 3,890 โรงเรียน.