สาวใหญ่ร้อง เงินในบัญชีสามี ป่วยเส้นเลือดในสมองแตก เป็นอัมพฤกษ์ครึ่งซีก หายไปกว่า 85,000 บาท อ้างไปทวงถามธนาคาร เจอขู่ ถ้าแจ้งความจะฟ้องกลับ ...

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 16 ก.พ. 2562 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านหลังหนึ่ง ต.ตลุก อ.สรรพยา จ.ชัยนาท หลังรับแจ้งจาก นางบังอร สิงห์โตทอง อายุ 60 ปี เจ้าของบ้าน ที่เปิดเป็นร้านเสริมสวย ว่า เงินในบัญชี นายทองดี อินทร์ยัง อายุ 58 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคเส้นเลือดสมองแตกเมื่อปีก่อน ฝากไว้กับธนาคารแห่งหนึ่ง สาขาชัยนาท จำนวนกว่า 85,000 บาท หายไป โดยคนที่บ้านไม่เคยไปเบิกเงิน เมื่อไปทวงถามที่ธนาคาร ก็ถูกเจ้าหน้าที่ขู่กลับว่า ถ้าไปแจ้งความก็จะฟ้องกลับทันที ทำให้รู้สึกว่าถูกรังแก ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง

นางบังอร บอกว่า ตนมีอาชีพเปิดร้านเสริมสวยที่บ้าน รายได้ก็มีมาตลอดมาใช้กินใช้จ่ายในบ้าน เมื่อปีก่อนสามีป่วยเป็นโรคเส้นเลือดในสมองแตก เป็นอัมพฤกษ์ครึ่งซีก ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ มีก็แต่เงินเก็บที่ฝากประจำกับธนาคาร ที่จะพอช่วยเป็นค่ารักษาเดือนชนเดือน โดยปกติแล้วเรื่องปรับสมุดบัญชี พ่อจะเป็นคนนำไปปรับให้ปีละครั้ง พอพ่อเสียไป สามีก็ไปปรับสมุดแทน กระทั่งมาป่วย

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ตนนำบัญชีขึ้นมาดูเพื่อตรวจสอบยอด ทำให้พบรายการเบิกถอนปริศนาดังกล่าว เกิดขึ้นจำนวน 11 ครั้ง แต่ละครั้งจำนวนเงิน 5,000 บาท บ้าง 10,000 บ้าง และจะมีเศษบาทเศษสตางค์ด้วย ทำให้เกิดความสงสัยว่า เงินหายไปไหน ในเมื่อสามีก็ไม่เคยไปเบิก พอไปทวงถามที่ธนาคาร ตนบอกจะไปแจ้งความ เจ้าหน้าที่ธนาคารก็บอกว่า สามีเป็นคนมาเบิกไป พอขอดูหลักฐาน ทางธนาคารก็บอกว่าให้กลับไปคิดดูดีๆ ก่อน ว่าจะเอาเรื่องไหม ประกอบกับการพูดจาที่ไม่ดี เหมือนเราเป็นคนผิด ทั้งๆ ที่สามีเชื่อใจธนาคารนี้มากๆ จนตอนนี้หมดศรัทธาและหนทางที่จะสู้รบกับธนาคารได้

...

"ตอนนี้ได้ติดต่อไปทางสำนักงานใหญ่แล้ว โดยทางเจ้าหน้าที่บอกว่า จะเร่งตรวจสอบให้ และจะให้คำตอบในวันที่ 20 ก.พ. 2562 นี้ ซึ่งตนไม่อยากให้เป็นคดีความ อยากให้จบเรื่องนี้โดยการคืนเงินที่หายไปกลับมาก็พอ".