แม่สาวไทยทำใจแล้วหากผล DNA ตรงกับ "สตรีแห่งขุนเขา" หลังตามหานาน 14 ปี เผยรู้เรื่องที่ลูกสาวหายไป เพราะหลานชายมาจากอังกฤษ ตามหาแม่ อ้างพ่อบอกหนีกลับมาแต่งงานใหม่
กรณี นางจูมศรี สีกันยา อายุ 72 ปี และ นายบัวสา สีกันยา อายุ 75 ปี พ่อแม่นางลำดวน อาร์มิเทจ อายุ 51 ปี ชาวอุดรธานี ที่แต่งงานกับชาวอังกฤษ และย้ายครอบครัวไปอยู่กับสามี ได้หายสาบสูญ ติดต่อไม่ได้นานกว่า 14 ปี และสงสัยจะเป็นศพหญิงนิรนามที่เสียชีวิตถูกทิ้งบนภูเขาอุทยานแห่งชาติยอร์กเชีย ตำรวจสันนิษฐานว่าหลงทาง และหนาวตาย 1-3 สัปดาห์ ศพถูกฝังในสุสานหมู่บ้านฮอร์ตันอินริบเบิลส์เดล ชาวบ้านเรียกว่าเป็น "สตรีแห่งขุนเขา" จึงได้เขียนจดหมายร้องความช่วยเหลือถึงนายกสมาคมสมาคมเครือข่ายภาคีหญิงไทยในสหราชอาณาจักร และทางสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ได้ส่งเจ้าหน้าที่เก็บตัวอย่าง DNA ไปแล้ว เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับศพของสตรีแห่งขุนเขา หากเป็นลูกสาวจะได้ทำพิธีทางศาสนา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
อ่านข่าว
ความคืบหน้า เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับ นางจูมศรี และ นายบัวสา พ่อแม่ของนางลำดวน ที่สูญหายไปนานกว่า 14 ปี อีกครั้ง ที่บ้านพักใน ต.บ้านธาตุ อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี แต่ปรากฏว่าบ้านปิด ไม่มีคนอยู่ สอบถามชาวบ้านแถวนั้นทราบว่า ทั้ง นางจูมศรี และ นายบัวลา ไปอยู่ที่บ้านที่กำลังสร้างใหม่บริเวณท้ายหมู่บ้าน ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปพบ
...
นางจูมศรี เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม ที่มีเจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์มาเก็บ DNA ไป บอกว่าจะรู้ผลใน 20 วัน ตนก็คงต้องรอ ส่วนที่มีข่าวว่าผล DNA จะรู้ผลเร็วขึ้น เรื่องนี้ตนไมรู้
“เมื่อเอา DNA ไปเปรียบเทียบกับศพที่อังกฤษแล้ว ผลจะออกมาอย่างไร ตอนนี้ก็ทำใจไว้นานแล้ว หากผลออกมาตรงกัน ก็คงทำได้แต่รอรับเถ้ากระดูกของลูกสาวกลับมาบ้านทำพิธีตามประเพณีเท่านั้น หากผลออกมาไม่ตรงกัน ก็คงต้องเดินหน้าตามหาตัวลูกสาวด้วยความหวังต่อไป”
นางจูมศรี เล่าถึงการเริ่มตามหาตัวนางลำดวน ลูกสาว ว่า หลังจากที่ติดต่อกับลูกสาวไม่ได้ตั้งแต่ปี 2547 ช่วงนั้นตนและสามี ได้เข้าไปร้องเรียนที่สถานทูตอังกฤษที่กรุงเทพฯ แต่เข้าไม่ได้ จึงไปที่สถานกงสุลอังกฤษ แจ้งเรื่องแทน ซึ่งหลังจากนั้น ทางสถานกงสุลฯ บอกว่าไม่สามารถติดตามตัวลูกสาวที่อังกฤษได้ เพราะพบว่าไม่ได้อยู่ที่บ้าน หลังจากนั้นตนก็พยายามที่จะตามหาตัวลูกสาวต่อด้วยความเป็นห่วง โดยมีทนายความเข้ามาช่วยติดตาม ซึ่งตอนนั้นตนขายที่นา ขายวัว หมดเงินไปประมาณ 330,000 บาท ก็ยังไม่เจอลูกสาว
กระทั่งหลานชาย ซึ่งเป็นลูกชายคนโตของลำดวน ลูกสาว ที่เกิดกับสามีชาวอังกฤษ เดินทางมาเมืองไทย กับพ่อเค้า และได้แวะมาหาตนที่บ้าน บอกว่า จะมาหาแม่ เพราะพ่อเค้าบอกว่า แม่หนีกลับมาเมืองไทยมาแต่งงานใหม่ ซึ่งตนก็บอกว่า นางลำดวน ไม่เคยกลับมาที่บ้านตั้งแต่ปี 2547 และก็ไม่รู้เรื่องที่บอกว่า ลูกสาวหนีกลับมาแต่งงานใหม่
“ตั้งแต่นั้นตลอดเวลา เราก็ยังพยายามที่จะตามหาเขา ถึงจะไม่มีความหวัง จนเมื่อประมาณต้นปีนี้ มีญาติคนหนึ่งที่แต่งงานไปอยู่ที่อังกฤษเหมือนกัน ที่เขาจะกลับมาทำบุญหาญาติๆ ทุกปี มาบอกว่า เห็นทางอังกฤษมีการออกข่าวตามหาสตรีแห่งขุนเขาตามโซเชียล โดยมีภาพสเกตช์ที่เขาดูแล้วบอกว่า ช่วงตรงคางเหมือนกับนางลำดวนลูกสาว แต่อยู่ที่นั่นไม่ได้ติดตาม เพราะว่าเขาอยู่ทางใต้ ส่วนลำดวนอยู่ทางเหนือ ห่างกันเหมือนกรุงเทพฯ กับอุดรฯ จึงแนะนำให้เราเขียนจดหมายไปที่สมาคมเครือข่ายภาคีหญิงไทยในสหราชอาณาจักร เพราะว่าทางสมาคมนี้เข้าช่วยหญิงไทยที่มีปัญหาที่อังกฤษมาโดยตลอด”
นางจูมศรี กล่าวอีกว่า ตอนนั้นเขาเร่งให้เราเขียนหนังสือร้องเรียน เพราะเขากลัวจะไปขึ้นเครื่องไม่ทัน เราเขียนไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ญาติก็เอาหนังสือกลับไปด้วย จนต่อมาคุณเศรษฐินี เวเนส นายกสมาคมเครือข่ายภาคีหญิงไทยในสหราชอาณาจักร ติดต่อกลับมา บอกให้เราเขียนหนังสือร้องเรียนไปใหม่ จากนั้นจึงเขียนจดหมายร้องเรียนไปให้ จนมีการเข้ามาติดตามในประเทศไทยดังกล่าว ซึ่งหลังจากนี้ก็คอยแต่ว่าผล DNA ออกมาจะตรงหรือไม่เท่านั้น.