ชาวบ้านเห็นประทับใจ
สุดประทับใจ 2 หนุ่มผู้พิการทางสายตาและสมอง ได้บรรจุเป็นลูกจ้างสวนรุกขชาติห้วยแก้ว เมืองเชียงใหม่สนองนโยบายลดความเหลื่อมลํ้าตามแนวคิดไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง รับสมัครเข้ามาเป็นพนักงาน ขยันขันแข็งกระตือรือร้นให้บริการประชาชน ทำได้ทุกอย่างไม่แพ้คนปกติ แถมยังยอดกตัญญูเจียดเงินเดือนส่งให้พ่อแม่และส่งให้น้องเรียนหนังสือ กรมอุทยานฯเล็งเปิดรับสมัครคนพิการเข้าทำงานเพิ่มตามหน่วยงานต่างๆทั่วประเทศ
เรื่องราวความประทับใจของ 2 หนุ่มผู้พิการทางสมองและสายตา แต่ได้โอกาสเข้าทำงานกับหน่วยงานราชการจนสร้างกระแสฮือฮาในสังคมออนไลน์ ถูกเปิดเผยเมื่อวันที่ 28 ม.ค. ที่สวนรุกขชาติห้วยแก้ว ต.สุเทพ อ.เมืองเชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่เข้าไปชื่นชมความร่มรื่นของแมกไม้นานาพันธุ์รวมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกในการออกกำลังกายอย่างมีความสุข ต้องพากันแปลกใจเมื่อพบเห็นชายหนุ่ม 2 คนพิการทางสายตา แต่สวมเครื่องแบบเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ กำลังลงมือเก็บกวาดใบไม้อย่างขยันขันแข็ง เมื่อมีโอกาสสอบถามทราบว่า สวนรุกขชาติห้วยแก้วได้รับบรรจุทั้ง 2 คน เป็นลูกจ้างตั้งแต่เดือน พ.ค.ปีที่ผ่านมา โดยเงินเดือนส่วนหนึ่งยังส่งเสียเลี้ยงดูพ่อแม่และส่งน้องให้เรียนหนังสืออีกด้วย
นางอภันตรี เชื้อชม หัวหน้าสวนรุกขชาติห้วยแก้ว เผยว่า ชายหนุ่มพิการทั้ง 2 คนคือนายอัศนี หรือนี พัฒนะโชคชัย อายุ 22 ปี บ้านเดิมอยู่ จ.แม่ฮ่องสอน และนายสุวพิชญ์ หรือน้อย เหล็กกลิ่น ชาว จ.พิษณุโลก ทั้งคู่มีความพิการทางสายตาและสมอง เรียนอยู่โรงเรียนสอนคนตาบอด จ.เชียงใหม่ โดยโครงการของรัฐ จนกระทั่ง พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ มีโครงการสวนป่าประชารัฐ โรงเรียนสอนคนตาบอดส่งนีกับน้อยมาร่วมงาน ตอนนั้นมีการแสดงดนตรีเป็นที่ชื่นชอบของประชาชนที่มาใช้บริการ เมื่อบวกกับนโยบายของรัฐเรื่องลดความเหลื่อมล้ำ ตามแนวคิดไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช จึงให้นโยบายรับคนพิการที่พอมีศักยภาพเข้ามาร่วมทดลองทำงานสวนรุกขชาติ ห้วยแก้วติดต่อไปยังโรงเรียนสอนคนตาบอดส่งทั้งสองมาทำงาน
...
“นับเป็นเรื่องใหม่ แต่เป็นการเรียนรู้ร่วมกันทั้งกับเขาและเรา ตอนเข้าบรรจุได้เงินเดือน 6,500 บาท ตามที่โรงเรียนสอนคนตาบอดขอมา เมื่อผ่านงานแล้วจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่นพนักงานทุกคน สวัสดิการอื่นๆ มีพร้อม รวมทั้งที่พักและอาหาร ตอนนี้ทั้งนีและน้อยสามารถปรับตัวทำงานได้ดี ทั้งเก็บใบไม้ ทำความสะอาดพื้นที่ ผสมดินเพาะกล้า ไม่แค่เพียงทำงานให้กับสวนรุกขชาติฯได้เท่านั้น แต่ยังสอนประชาชนที่เข้ามาเรียนรู้อย่างน่าทึ่งอีกด้วย” นางอภันตรีกล่าว
สำหรับความประทับใจจากเพื่อนร่วมงานและบุคคลภายนอกที่เข้ามาเห็นคือ นีและน้อยมีความกระตือรือร้นที่จะบริการประชาชน นอกจากความขยันขันแข็งแล้ว รายได้ในแต่ละเดือนยังแบ่งส่งทางบ้าน โดยนายอัศนีแบ่งเงินเดือน 2 พันบาทส่งให้น้องชายวัย 10 ขวบเพื่อใช้ในการเรียนหนังสือทุกเดือน
ส่วนนายสุวพิชญ์ฝากเจ้าหน้าที่การเงินโอนให้บิดามารดาเดือนละ 2 พันบาททุกเดือนเช่นกัน “ท่านอธิบดีฯ มาเยี่ยมสวนรุกขชาติห้วยแก้วเมื่อเร็วๆนี้ เมื่อเข้าไปสอบถามนีกับน้อยได้รับทราบเรื่องความกตัญญูถึงกับน้ำตาซึม และดิฉันรายงานท่านว่าทุกครั้งที่นีกับน้อยลาหยุดกลับไปเยี่ยมบ้าน ขากลับมาพ่อแม่และเพื่อนๆที่พิการจะมาส่ง ได้เห็นภาพพ่อแม่กอดลูกร้องไห้ด้วยความภูมิใจที่ลูกสามารถยืนอยู่ในสังคมเหมือนคนอื่นๆ รวมถึงเพื่อนพิการที่เห็นรุ่นพี่เข้าบรรจุทำงานต่างมีแรงบันดาลใจ ได้เห็นคุณค่าของชีวิต กรมอุทยานฯเตรียมสนองนโยบายรัฐบาลให้การช่วยเหลือรับคนพิการเข้าทำงานเพิ่มขึ้นตามหน่วยงานต่าง ๆ ทั่วประเทศ” หัวหน้าสวนรุกขชาติห้วยแก้วกล่าวในตอนท้าย