เป็นญาติอีกหนึ่งคนที่มางานสวดพระอภิธรรม หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ตั้งแต่วันแรกๆ และคาดว่าจะอยู่ส่งหลวงพ่อคูณจนเสร็จพิธี สำหรับ นายบุญชู แก้วสถิตย์สุนทร ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลาน เคยประสบอุบัติเหตุจนกระดูกบิดงอ ต้องนั่งรถเข็น ปัจจุบันยึดอาชีพขายลอตเตอรี่อยู่บริเวณหน้าวิหาร ของวัดบ้านไร่
ฝังตะกรุดไว้ตั้งแต่เด็ก ฝังเรื่อยมาจนมี 6 ดอกในร่าง
นายบุญชู ได้เล่าเรื่องราวความผูกพันระหว่างตัวเองกับหลวงพ่อคูณว่า ได้เจอหลวงพ่อคูณตั้งแต่ ตอน ป.2 ตอนเด็กๆ ที่ท่านอยู่วัดสระแก้ว และได้ฝังตะกรุดให้ 1 ดอก ตอน ป.4 ก็มาฝังอีกครั้ง ซึ่งหลวงพ่อคูณได้ย้ายมาอยู่วัดบัวชุม กระทั่งมาที่วัดบ้านไร่ก็ได้ฝังตะกรุดอีก 4 ดอก
“ตอนนั้นมีลูกศิษย์มาขอฝังจำนวนมาก เราก็คิดว่าอยากได้ตะกรุด หากหลวงปู่อยู่ก็ยังฝังได้ แต่ถ้าหลวงปู่ไม่อยู่ จะเอาตะกรุดมาจากไหน..”
...
ทั้งนี้ นายบุญชู ยังได้โชว์จุดที่ฝังตะกรุดไว้ทั้ง 6 ดอก โดยบอกว่าอยู่ที่ท้องแขนขวา 2 ดอก ท้องแขนซ้าย 3 ดอก และที่บริเวณคออีก 1 ดอก
“หากวันหนึ่งผมตายก็จะให้หมอเอาออกมา เพื่อให้ลูกหลานเก็บไว้เป็นสิริมงคล”
ที่ผ่านมา นายบุญชู เองถือว่าศิษย์ใกล้ชิดและเดินตามหลวงพ่อคูณมาตลอด เรียกว่าหลวงพ่อคูณไปไหนก็จะไปด้วย
เขาเคยขอกับหลวงพ่อคูณ ว่าอยากที่จะมีบ้าน ท่านเลยสอนว่า “วัตถุมงคลอย่าไปติดใจ ถ้าราคาดีมึงปล่อยเลย เพราะเวลาไปหาหมอมีวัตถุมงคลเขาไม่รับ แต่ถ้ามีเงินเขาถึงจะรับ”
ประจวบเหมาะกับว่า ช่วงที่ผ่านมาของขลังของหลวงพ่อคูณเริ่มมีชื่อเสียงมาก ทำให้ชาวต่างชาตินิยม จึงได้มาหาเช่า เราเองถือว่าเป็นเซียนพระคนหนึ่ง ได้สะสมเหรียญหลวงพ่อคูณไว้มาก ก็ถือโอกาสได้ปล่อยให้เช่าพระไปด้วย
นายบุญชู เล่าเรื่องราวอย่างซื่อตรงว่า หลวงพ่อบอกว่า ถ้าอยากได้บ้านก็ให้ล้อมรั้ว ตั้งเสา ค่อยๆ ก่อสร้างไปเดี๋ยวมันก็เสร็จ.. ซึ่งถึงวันนี้ก็สามารถสร้างบ้าน โดยมีห้องแถวให้ลูกหลานได้อยู่อาศัยได้อีก ซึ่งใช้เงินกว่า 2 ล้านบาท
เชื่อ เคยรอดตาย ถูกจ่อยิงแต่กระสุนด้าน
นายบุญชู เล่าว่า ครั้งหนึ่งสมัยเด็กๆ เคยไปออกไปเก็บผักชนิดหนึ่ง ที่ขึ้นตามแม่น้ำเพื่อเอาไปขายกับแม่ ซึ่งระหว่างที่เก็บอยู่นั้น ได้ยินเสียง “แป๊ะ” ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าคนข้างบ้านเขาอาจจะไม่ชอบเรา โดยที่เราก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ได้ยินเสียง เมื่อหันไปมอง ก็เห็นเขาเดินออกไป
“เชื่อว่าเขามายิงผมแน่นอน แต่ก็เชื่อว่า ของศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อคูณ ที่เราเคยฝังไว้ช่วยชีวิตเรา”
ที่ผ่านมาเคยรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ เพราะมักถูกเปรียบเทียบกับญาติคนอื่นๆ ซึ่งเขาเก่งกว่า ตนจึงบอกกับหลวงพ่อว่า
...
“หลวงพ่อผมไม่เก่งเลย หลวงปู่ตอบว่า “คนเก่งคือคนหน้าโง่เด้อหลาน คนไม่เก่งคือคนเอาตัวรอด คนเก่งเจอคนเก่ง เดี๋ยวมันก็ชวนกันไปเอง มีเงินทองอย่าไปใส่ให้ใครเห็น เก็บเข้าธนาคารไว้ ไอ้หลาน มึงเอาไปเก็บไว้ อยากใช้เมื่อไหร่ค่อยหยิบมาใช้”
ครั้งหนึ่งผมเคยขอเงินหลวงพ่อ ผมเดินเข้ามาหาท่าน บอกกับท่านว่า “หลวงพ่อ..ผมไม่มีเงินค่าเทอมให้ลูกเลย” ซึ่งพอไม่มีใครอยู่ท่านก็ให้ผมยืมมา 5,000 บาท ซึ่งต่อมาเรามีเงินเราก็นำมาคืน ทำบุญคืนไป
คำพูดจากปาก หลวงพ่อคูณ การอุทิศเป็นอาจารย์ใหญ่ ขอตามรอยบริจาคร่างกาย
นายบุญชู เปิดเผยว่า คำพูดที่หลวงพ่อคูณเคยพูดเรื่องการจะเป็นอาจารย์ใหญ่นั้น เพราะท่านมีความรู้สึกว่า ทั้งชีวิตได้ทำบุญมาเยอะแล้ว กูอยากจะทำทานด้วยการเป็นอาจารย์ใหญ่ ยังไงมึง 2 คน (บุญชู กับ แม่) อย่าไปเอาร่างกูมาเด้อให้เขาไปเถอะ
“จะได้เกิดหรือไม่ได้เกิดอีกก็ไม่รู้เลย..สู้เผาๆ ไปซะ ดีกว่าจะมาใส่ในโลงแก้ว”
ญาติๆ คุยกันแค่ไหน เรื่องหลวงพ่อคูณบริจาคร่างกาย นายบุญชู ยอมรับว่าญาติมีการคุยกันเหมือนกัน แต่ใครจะคิดอย่างไรตนก็ไม่ทราบ
...
ส่วนตัวแล้ว ตนเองก็มีความคิดที่อยากจะบริจาคร่างกายเช่นเดียวกับหลวงพ่อ เรื่องนี้เคยคุยกับเมียไว้ เมียก็บอกว่าก็ทำตามที่เราต้องการ ส่วนร่างจะเผาหรือไม่เผาก็แล้วแต่ลูกหลาน
“คิดว่าหลังจากงานหลวงพ่อคูณเสร็จแล้ว ก็คงบริจาคร่างกายตามรอยท่าน ซึ่งเราเองก็ได้บอกกับทาง มข.ว่าหากมีการทำบุญอาจารย์ใหญ่เมื่อไหร่ก็ให้รีบบอกผมเลย ผมอยากจะเข้ามาทำบุญ และจะมาทำทุกปี คนเราเกิดเรารู้ แต่ตายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ มีเงินเป็นพันล้านหมื่นล้านก็เอาไปไม่ได้ เพราะเรามาแต่ตัว ไปก็จะไปแต่ตัว”
นี่คือความตั้งใจของหลานที่จะเดินตามรอย "หลวงพ่อคูณ" เรื่องการบริจาคร่างกายเพื่อให้นักศึกษาได้เรียนรู้
...
แรงศรัทธาหลวงพ่อคูณ แรงบันดาลใจบริจาคร่างกาย
นางรังสินันท์ ภานุวัฒน์นรงค์ อายุ 62 ปี หนึ่งในประชาชนที่เดินทางมาวางดอกไม้จันทน์ ที่ หอประชุม มข. และได้ดูรายชื่อ “ครูใหญ่” อย่างสนใจ บอกกับทีมข่าวฯ ว่า กำลังคิดว่าอยากที่จะบริจาคร่างกายให้กับนักศึกษาแพทย์เช่นเดียวกัน
“รู้สึกว่าหากเราตายไป เอาร่างไปเผาเลยมันก็ไม่เกิดประโยชน์ แต่หากบริจาคแล้วให้นักศึกษาแพทย์ได้ศึกษา ยังดีเสียกว่า ซึ่งคิดเรื่องนี้มานานแล้ว เพื่อนก็แนะนำ แล้วเชื่อว่าการทำเช่นนี้ก็เหมือนได้บุญที่ยิ่งใหญ่ด้วย”
นางรังสินันท์ กล่าวว่า หากเราได้ทำบุญตอนนี้ บริจาคร่างกายตอนที่เรายังมีชีวิตอยู่ เรายังได้รับรู้ว่าเราได้บุญ ขนาดหลวงพ่อคูณเป็นพระที่ยิ่งใหญ่ ท่านยังมอบร่างบริจาคร่างกายให้เลย เราเองไม่รู้จะตายเมื่อไหร่ จะรอแก่แล้วค่อยมาทำ อาจจะไม่ได้ทำก็ได้
ด้านนายวีรวัฒน์ ศรีโนนยางค์ อายุ 65 ปี ก็มีความสึกที่คล้ายกับนางรังสินันท์ ที่มองว่าเป็นการทำบุญที่ยิ่งใหญ่แล้วนักศึกษายังนำร่างกายของเราไปใช้ประโยชน์จากนั้นก็นำความรู้ไปช่วยคนอื่น
“ตอนที่ดูรายชื่อผู้บริจาคครูใหญ่ ก็พบรายชื่อคนที่รู้จักด้วย เขาตายไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ผมก็ไปงานศพเขามา ไม่ทราบมาก่อนว่าเขาได้บริจาคร่างกาย แต่เมื่อทราบก็รู้สึกเป็นปลื้มใจแทนเขาด้วย ที่ร่างกายของเขาได้ทำประโยชน์ให้กับลูกหลาน นักศึกษาแพทย์ได้นำความรู้ไปใช้ประโยชน์”
คิดว่าหลังจากนี้คงจะกลับไปปรึกษาครอบครัวก่อน เพราะมีความรู้สึกว่าอยากบริจาคร่างกายเช่นเดียวกัน
สำหรับระเบียบการบริจาคร่างกายของ มข. นั้น จะต้องเป็นผู้ที่มีอายุเกิน 18 ปี มีภูมิลำเนาในพื้นที่ภาคอีสาน ไม่เป็นโรคไวรัสตับอักเสบบี เอดส์ และโรคติดต่อร้ายแรงอื่นๆ นอกจากนี้ ต้องไม่เป็นผู้พิการทางร่างกายจนไม่เหมาะแก่การศึกษา เช่น แขน ขา ขาด หรือพิการแต่กำเนิดทำให้ร่างกายผิดรูป อย่างไรก็ตาม หากว่าสนใจก็ลองติดต่อมหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้โดยตรง
อ่านข่าวเกี่ยวข้อง