ตอนนี้ ประชาชน และพุทธศาสนิกชนจำนวนมากกำลังเดินทางไปร่วมพิธีสวดพระพุทธมนต์ ในพิธีพระราชทานเพลิงศพอาจารย์ใหญ่ และอาจารย์ใหญ่พระเทพวิทยาคม หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา เป็นกรณีพิเศษ ประจำปีการศึกษา 2561 ที่ศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยขอนแก่น
โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยขอนแก่น ถือว่าได้รับคุณูปการอันยิ่งใหญ่ ที่หลวงพ่อคูณ ได้สละสรีระให้ศึกษาวิชาความรู้ ซึ่ง ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ได้โอกาสพูดคุยกับ รศ.พิพัฒน์พงษ์ แคนลา 1 ใน 3 ทีมผ่า ที่ได้ลงมีดผ่าสรีระหลวงพ่อคูณ เป็นอาจารย์สอนวิชากายวิภาคฯ และ ผศ.วิไลวรรณ หม้อทอง หัวหน้าภาควิชากายวิภาคศาสตร์ ในฐานะผู้สังเกตการณ์
เปิดใจผู้ผ่าสรีระอาจารย์ใหญ่ "หลวงพ่อคูณ"
รศ.พิพัฒน์พงษ์ ได้เปิดเผยความรู้สึกและบรรยากาศการผ่าสรีระหลวงพ่อคูณว่า ก่อนที่จะทำการผ่าอาจารย์ใหญ่ “หลวงพ่อคูณ” ส่วนตัวได้ไปถือศีล นุ่งขาว ห่มขาว ที่วัดป่าดงมะไฟ ที่ จ.เพชรบูรณ์ ประมาณ 1 สัปดาห์ ก่อนจะผ่า เราตั้งจิตอธิษฐานเพื่อชำระล้างจิตใจ หรือเตรียมใจ ซึ่งท่านถือว่าเป็นเกจิที่เราเคารพนับถือ เราเกรงว่าการผ่าตัดร่างของท่านอาจจะเป็นบาปหรือไม่ ถึงแม้ว่าท่านเองจะมีวัตถุประสงค์ที่จะบริจาคร่างกายเพื่อเป็นกุศลแล้วก็ตาม
...
“การที่เราไปถือศีลก็เพื่อเตรียมตัวเตรียมใจเพื่อทำให้จิตใจดี มีความพร้อม ชำระจิตใจ ที่ผ่านมา หลวงพ่อเองก็เคยสอนให้เราปฏิบัติ ซึ่งก่อนหน้านั้นไม่ค่อยได้คิด ซึ่งตอนนี้เราก็ตระหนักสิ่งที่ท่านสอน ให้เราได้มาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน”
เหมือนถูกเลือก ให้เป็นผู้ผ่าสรีระ หลวงพ่อคูณ เรื่องมหัศจรรย์ กระดูก เส้นเอ็น สีชมพู
รศ.พิพัฒน์พงษ์ กล่าวถึงเรื่องที่ตัวเองก็อธิบายไม่ได้ว่าเพราะอะไรถึงถูกเลือกให้เป็นผู้ผ่า ว่า เหมือนกับท่านเป็นคนเลือกเรา เพราะช่วงที่รับสรีระท่านมา เราเป็นคนที่จัดสถานที่ ซึ่งดูแลทุกขั้นตอน ตั้งแต่ฉีดยา ดองสรีระท่าน จนกระทั่งนำท่านขึ้นเรียน
“ผมเองก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่รู้สึกเองว่าท่านเป็นคนเลือก ตอนที่ท่านยังมีชีวิต เราได้มีโอกาสไปกราบท่านแล้วได้ฝังตะกรุดที่ท้องแขน และเป่าหัวให้ เมื่อท่านเสีย เราก็ได้ดูแล เตรียมงานทุกขั้นตอน นอกจากนี้เรายังได้เรียนกับท่านอีก ซึ่งตลอดที่เตรียมงานเราได้ทำบุญให้ท่านตลอด”
รศ.พิพัฒน์พงษ์ กล่าวว่า ช่วงที่มีการผ่าสรีระอาจารย์ใหญ่หลวงพ่อคูณ ได้ทำอย่างประณีต ซึ่งต้องค่อยๆ เปิดเป็นชั้นๆ โดยมีอาจารย์รวม 3 ท่าน ช่วยกัน สรีระท่านเหมือนเป็นสิ่งมหัศจรรย์ เช่น กระดูก เส้นเอ็น เห็นเป็นโทนสีชมพู ซึ่งแตกต่างจากอาจารย์ใหญ่อื่นๆ ทั่วไปที่จะออกสีขาว หรือ ดำ เรียกว่าเป็นอาจารย์ใหญ่ร่างแรกที่เราเจอแบบนี้ ส่วนกล้ามเนื้อก็ยังดูสวยงาม ที่ไม่เหมือนร่างคนอายุมาก เหมือนกับท่านต้องการให้เห็นว่าเป็นอาจารย์ใหญ่จริงๆ ซึ่งในทางวิทยาศาสตร์เองก็อธิบายไม่ได้เหมือนกัน
ส่วนบรรยากาศในการผ่า ก็ดำเนินไปอย่างปกติ ไม่มีเหตุการณ์ใด เพียงแต่เราได้ทำพิธีขอขมาท่านก่อนที่จะลงมีดผ่าตัด
เมื่อถามถึงสายสัมพันธ์ แพทย์ กับ อาจารย์ใหญ่ รศ.พิพัฒน์พงษ์ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา ได้ทำบุญให้ท่านเป็นประจำอยู่แล้ว นอกจากนี้เมื่อถึงวันพระใหญ่ ก็จะถวายอาหารให้ท่าน และทุกๆ วันพฤหัสฯ จะมีการร่วมกันสวดมนต์ใหญ่เรียกว่า ระลึกถึงท่านตลอดเวลา ตัวตนเองก็นอนเฝ้า ช่วงที่ดองในอ่าง เราก็นอนเฝ้าอยู่ 7 วัน 7 คืน
...
รอดตายปาฏิหาริย์ หลังฝังตะกรุดที่ท้องแขน
รศ.พิพัฒน์พงษ์ ยอมรับว่า ไม่รู้เพราะอะไร ตอนหนุ่มๆ ตนถึงได้ไปฝังตะกรุด เหมือนกับเพื่อนๆ ชวนไป ตนก็ไป โดยไม่ได้คิดอะไร ตอนนั้น หลวงพ่อก็ยังไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังมาก แต่เมื่อไปฝังมาแล้ว จึงรู้สึกว่าเป็นบุญมาก
เพราะแบบนี้หรือไม่ ที่ทำให้รู้สึกว่าท่านเลือกเรา รศ.พิพัฒน์พงษ์ ยอมรับว่า “ใช่..ซึ่งตอนที่ไปตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไร เป็นเหมือนชาวบ้านทั่วไป แต่ก็ไม่รู้เพราะอะไรเราถึงได้มาผ่าสรีระท่าน ได้มีโอกาสได้ดูแลท่าน..
มีอยู่ครั้งหนึ่งผมกำลังขับรถกระบะ ตอนนั้นถนนลื่นมาก ระหว่างทางเราได้เหยียบเบรกแล้วเกิดล้อปัด แล้วมีรถสวนมา ในใจคิดว่า อาจจะแหลก แต่ปรากฏว่า รถแค่เฉี่ยวรถพุ่งตกลงไปข้างทาง ตัวเราไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย ซึ่งนี่คือครั้งหนึ่งในชีวิตเลยที่รอดตายมาได้”
ถึงแม้ว่าร่างท่านจะเผา นำร่างไปลอยอังคาร แต่ท่านก็อยู่ในใจเราตลอด เชื่อว่าท่านจะอยู่ดูแลคุ้มครองเราตลอด ที่ผ่านมา ท่านเลือกที่จะสละทุกสิ่งทุกอย่าง แม้แต่ร่างกายก็สละเพื่อให้คนได้เรียนรู้ ได้ศึกษา เรียกว่าเป็นบุญอย่างยิ่งของนักศึกษาแพทย์และประชาชนทั่วไป โดยหลังจากท่านบริจาคร่างกายก็ทำให้ประชาชนมาเข้าคิวบริจาคร่างกายจำนวนมาก แตกต่างจากสมัยก่อนที่มีเพียงวันละ 1 คน หรือมากที่สุดก็ 10 คนเท่านั้น เรียกว่าเป็นคุณูปการต่อมหาวิทยาลัยขอนแก่นและวงการแพทย์”
...
เผยขั้นตอนการผ่าสรีระอาจารย์ใหญ่หลวงพ่อคูณ
ด้าน ผศ.วิไลวรรณ หัวหน้าภาควิชากายวิภาคศาสตร์ ในฐานะผู้สังเกตการณ์ กล่าวว่า หลังจากที่ท่านมรณะและตั้งสวดพระอภิธรรมอยู่ที่ตึกกาญจนาทั้งหมด 7 วัน จึงได้เคลื่อนสรีรสังขารหลวงพ่อคูณมาที่ชั้น 7 อาคารเรียนรวม หลังจากนั้น จึงนำร่างของหลวงพ่อคูณไปไว้ในอ่างดองเป็นเวลา 1 ปี เมื่อครบรอบมรณภาพ 1 ปี และทำบุญเสร็จเรียบร้อย ได้นำร่างหลวงพ่อคูณขึ้นมาไว้บนเตียงผ่าตัด เริ่มเข้าสู่กระบวนการเรียนรู้ของนักศึกษาแพทย์
โดยผู้ที่มีหน้าที่นี้ เป็นคณาจารย์ที่ทางคณบดี คณะแพทยศาสตร์ ม.ขอนแก่น เป็นผู้แต่งตั้งขึ้นมา โดยมี รศ.ดร.กิตติศักดิ์ รศ.ดร.พิพัฒน์พงษ์ ผศ.ยรรยง และตนเอง รวมทั้งสิ้น 4 คน ที่อยู่ในทีมผ่าตัด โดยมีอาจารย์ผู้ชายเป็นผู้ผ่าตัด ส่วนตนเองเป็นผู้คอยดูแลความเรียบร้อย เตรียมงานต่างๆ
สำหรับขั้นตอนก่อนที่จะลงมือผ่าตัดร่างอาจารย์ใหญ่หลวงพ่อคูณนั้น จะต้องเตรียมพิธีขอขมา เนื่องจากอาจารย์ใหญ่ท่านนี้เป็นอริยสงฆ์ โดยมีอาจารย์กลุ่มหนึ่ง เข้าไปถือศีล ปฏิบัติธรรม 7 วัน เพื่อให้ร่างกายและจิตใจสะอาดที่สุดก่อนที่จะลงมือผ่าตัด หลังจากนั้น เริ่มทำพิธีขอขมาโดยมีรองอธิบการบดีของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) เป็นผู้นำสวดทำพิธีขอขมาอาจารย์ใหญ่หลวงพ่อคูณก่อนที่จะลงมีด
...
ต่อมา อาจารย์คณะแพทย์ได้ผ่าตามขั้นตอนอย่างเป็นระบบ เริ่มต้นด้วยการเปิดผิวหนัง ศึกษากล้ามเนื้อ หลังจากนั้น จึงเปิดเข้าสู่อวัยวะภายใน และท้ายสุดเป็นการเปิดศีรษะ การผ่าตัดใช้เวลานานอยู่พอสมควร เพราะต้องค่อยๆ เปิดทีละชั้น เช่น ชั้นผิวหนัง ชั้นไขมัน และชั้นกล้ามเนื้อ และค่อยเปิดอวัยวะภายใน
“ก่อนผ่าหรือก่อนจะทำอะไรบนสรีระของหลวงพ่อจะต้องขอขมาทุกครั้ง เหตุการณ์ทุกอย่างเป็นไปอย่างปกติ ไม่มีอะไรแปลกๆ เกิดขึ้น แต่ช่วงที่ต้องนำสรีระขึ้นไปดอง ก็พบเรื่องประหลาดใจอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยพบว่า เล็บทั้ง 10 นิ้วของหลวงพ่อคูณเป็นสีชมพู ซึ่งปกติอาจารย์ใหญ่เล็บจะมีสีน้ำตาล เหลืองๆ ซึ่งเท่าที่ทำหน้าที่ตรงนี้มา 27 ปีก็ไม่เคยเจออาจารย์ใหญ่ที่เป็นแบบนี้เหมือนกัน ทางคณาจารย์ก็ได้แต่สาธุค่ะ ไม่รู้จะพูดอย่างไร อธิบายในเรื่องนี้ไม่ได้เหมือนกัน”
หัวหน้าภาควิชากายวิภาคศาสตร์ กล่าวต่อว่า อาจารย์ใหญ่หลวงพ่อคูณ มีอายุ 92 ปี ซึ่งอยู่ในช่วงวัยสูงอายุแล้ว แต่สิ่งที่คณาจารย์เห็นก็คือ กล้ามเนื้อของท่านยังงดงาม ดูไม่เหมือนผู้สูงอายุเลย ส่วนอวัยวะอื่นๆ มีเรื่องปอดที่เป็นโรคมาก่อน ส่วนสมองก็ไม่สมบูรณ์ มีความฝ่อตามวัย ขณะที่ อวัยวะภายในยังคล้ายๆ เดิม ซึ่งนักศึกษาแพทย์สามารถเรียนได้ทุกส่วน สมประกอบทุกอย่าง ท่านเป็นอาจารย์ใหญ่ที่สมบูรณ์แบบ และเป็นอริยสงฆ์ท่านแรกที่ได้มาเป็นอาจารย์ใหญ่ของ ม.ขอนแก่น
นักเรียนแพทย์ 1,000 คนได้ศึกษา สรีระอาจารย์ใหญ่ หลวงพ่อคูณ
ผศ.วิไลวรรณ กล่าวต่อว่า นักศึกษาในศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพทั้งหมด 6 คณะ ได้แก่ แพทยศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ เภสัชศาสตร์ พยาบาล สาธารณสุข เทคนิคการแพทย์ ทั้งหมดที่ได้ลงเรียนวิชากายวิภาคศาสตร์ หรือ มหกายวิภาคศาสตร์ ทุกคนจะได้เรียนกับร่างของท่าน เพราะฉะนั้นโดยรวมนักศึกษาที่เรียนกับท่านประมาณ 1,000 คน ขณะที่ อาจารย์ใหญ่โดยทั่วไป 1 ร่างจะมีนักศึกษาประจำโต๊ะประมาณ 6-8 คน
“หลวงพ่อเป็นแบบอย่าง เป็นแรงบันดาลใจให้กับประชาชนทั่วไปในแง่ของการบริจาคร่างกายเป็นอาจารย์ใหญ่ ท่านมีเจตนารมณ์แน่วแน่ ถึงแม้ท่านจะวายชนม์แล้วก็ตาม ท่านยังสร้างประโยชน์ให้กับวงการแพทย์ไทย ถือเป็นทานบารมีอันสูงส่งที่หลวงพ่อท่านตั้งใจ”
อาจารย์วิไลวรรณ กล่าวต่อว่า จากที่ได้คุยกับลูกศิษย์ใกล้ชิด หลวงพ่อต้องการจุดนี้มาก ท่านถึงสั่งเสียอย่างที่เห็นในวิดีโอ ท่านต้องการสร้างทานบารมีที่สูงส่ง และต้องการเป็นอาจารย์ใหญ่จริงๆ ซึ่งในตอนแรกคณบดีคณะแพทยศาสตร์หนักใจ เนื่องจากพินัยกรรมเขียนอยากให้ผ่า แต่พระทั้งหลายที่นับถือได้บอกว่า หากเป็นเกจิอาจารย์ก็ไม่อยากให้ผ่า และกว่าจะลงตัวในเรื่องนี้ได้ ท้ายที่สุดจึงต้องทำตามพินัยกรรม
“ในฐานะคณาจารย์ผู้ที่ทำการผ่าสรีระอาจารย์ใหญ่หลวงพ่อคูณ วันนี้รู้สึกใจหาย ถึงเวลาแล้วเหรอที่หลวงพ่อต้องไป เรารู้สึกผูกพันและเคารพบูชา กลุ่มพวกเราใน 3 เดือนสุดท้ายที่ผ่านมา เราก็นัดกันสวดมนต์ปฏิบัติธรรมให้หลวงพ่อทุกเย็นวันพฤหัสฯ เพราะท่านเกิดวันพฤหัสฯ ช่วงแรกๆ เป็นกลุ่มคณาจารย์ที่ทำงานอยู่ ช่วงหลังๆ มีประชาชนภายนอกเข้าร่วมสวดมนต์ด้วย”
คำสอนของหลวงพ่อคูณที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ คือ หลวงพ่อท่านต้องการให้เป็นคนดี คำสอนที่บอกว่า ยิ่งให้ยิ่งได้ เห็นชัดเจน ทั้งในด้านการทำงาน ชีวิตประจำวัน ถ้าเรายิ่งให้เราก็จะยิ่งได้ การเสียสละเพื่อส่วนรวมเป็นสิ่งที่ใช้ได้จริง
“วันที่ส่งท่านลงจากชั้น 7 เห็นประชาชนทั่วไป หรือระหว่างที่นั่งทำบุญครั้งสุดท้ายก็รู้สึกใจหาย น้ำตาไหลไม่รู้ตัว มันบรรยายไม่ถูก มันตื้นตัน” อาจารย์วิไลวรรณ บรรยายถึงความรู้สึก.
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
อ่านข่าวเกี่ยวข้อง