ในที่สุด แผนการปรับขึ้นค่าโดยสารรถเมล์ ขสมก. และการขึ้นค่าโดยสารรถทัวร์ บขส.อีก 10 เปอร์เซ็นต์ ก็โดนรัฐบาล คสช.เหยียบเบรกจนหัวคะมำ

โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งด่วนให้ชะลอการขึ้นค่าโดยสารรถเมล์ ขสมก. และค่าโดยสารรถทัวร์ บขส.ออกไปอีก 3 เดือน

เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบค่าครองชีพพี่น้องประชาชน

เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนใช้บริการขนส่งสาธารณะ เพื่อแก้ปัญหาฝุ่นควันพิษ

และเพื่อบรรเทาวิกฤติรถติดวินาศสันตะโร

“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่าการขึ้นค่าโดยสารรถเมล์และรถทัวร์ ซึ่งเป็นบริการขนส่งสาธารณะ ไม่ใช่นึกอยากจะขึ้นก็ขึ้นได้ตามอำเภอใจ

แต่ต้องได้รับความเห็นชอบจาก “คณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง” ของกระทรวงคมนาคมเสียก่อนตามกติกา

กรณีนี้ คณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง ได้มีมติอนุมัติให้ ขสมก. และ บขส.ปรับขึ้นค่ารถเมล์รถทัวร์มาแล้วเกือบ 3 เดือน

แต่รัฐบาลเพิ่งเกิดดวงตาเห็นธรรม สั่งเบรกปุบปับก่อนเส้นตาย 2 วัน!!

ทำให้คณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง ต้องเรียกประชุมด่วนฉุกเฉินเพื่อลงมติให้ยกเลิกมติของตัวเอง

กลุ่มเอกชนรถร่วม ขสมก.และรถร่วม บขส.ที่เตรียมขึ้นค่าโดยสารก็ต้องชักตะพานแหงนเถ่อไปทั้งขบวน

ตั๋วรถเมล์รถทัวร์ราคาใหม่ที่สั่งพิมพ์เตรียมไว้ล่วงหน้าต้องยกเลิกกลางคัน

ต้องพิมพ์ตั๋วราคาเก่าเอามาใช้แก้ขัดชั่วคราววุ่นวายขายปลาช่อนกันพอสมควร

อย่างไรก็ดี “แม่ลูกจันทร์” มองเห็นความจำเป็นที่ “นายกฯลุงตู่” ต้องกระตุกเบรกการขึ้นค่าโดยสารรถเมล์ ขสมก.และรถทัวร์ บขส.ไว้อีก 3 เดือน

เพราะถ้าหากปล่อยให้ขึ้นค่ารถเมล์ และค่ารถทัวร์พร้อมกันจะกระทบค่าใช้จ่ายของประชาชนผู้มีรายได้น้อยเต็มเปา

...

ข้อสำคัญ การขึ้นค่ารถเมล์ รถ ทัวร์ในช่วงใกล้จะเลือกตั้งใหญ่ เป็นเรื่องผิดกาลเทศะ ผิดจังหวะจะโคน

ทำให้รัฐบาลลุงตู่ต้องเป็นเป้าโจมตีจากคู่แข่งทางการเมือง

ส่วนเหตุผลที่สั่งชะลอการขึ้นค่าโดยสารรถ ขสมก. และค่าโดยสารรถทัวร์ บขส.ไปอีก 3 เดือน

หรือเลื่อนไปทบทวนอีกครั้งหลังเดือนเมษายน

เพื่อรอให้การเลือกตั้งผ่านไปก่อน แล้วค่อยรวบยอดขึ้นค่าโดยสารยกแผงอีกที

เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้แล

“แม่ลูกจันทร์” ฟันธงล่วงหน้าว่ารถเมล์ ขสมก. และรถทัวร์ บขส.จำเป็นต้องขึ้นค่าโดยสารแน่นอน...ไม่ช้าก็เร็ว

เป็นไปไม่ได้ที่จะตรึงค่าโดยสารรถเมล์ร้อน 6.50 บาท ตรึงค่าโดยสารรถเมล์แอร์แค่ 11 บาท อย่างที่เก็บอยู่ในปัจจุบัน

เพราะถึง “จุดสุดอั้น” ที่ต้องปรับค่าโดยสารให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง

การสั่งชะลอการขึ้นค่าโดยสารรถเมล์ต่อไป ยิ่งทำให้ ขสมก.ขาดทุนบานทะโร่หนักขึ้นเป็นทวีคูณ

ขณะนี้ ขสมก.ต้องแบกหนี้ขาดทุนสะสมกว่าหนึ่งแสนล้านบาท

เฉพาะดอกเบี้ยอย่างเดียวล่อไป 7,000 ล้านบาทต่อปี

ล่าสุด รัฐบาลเพิ่งค้ำประกันเงินกู้ “แก้สภาพคล่อง” ให้ ขสมก.อีก 9,000 ล้านบาท เพื่อเอาไปใช้แก้ขัดหนักขัดเบา

ดังนั้น รัฐบาลจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องยอมให้ขึ้นค่ารถเมล์-รถทัวร์ เพื่อบรรเทาวิกฤติขาดทุน

หรือ ถ้ารัฐบาลไม่อยากขึ้นค่ารถเมล์ให้กระทบเงินในกระเป๋าประชาชน

รัฐบาลต้องจ่ายเงินชดเชยการขาดทุนให้ ขสมก.อีกหมื่นล้านบาทต่อปี

ถ้าคิดว่าสู้ไหว ก็เชิญพระคุณท่านตามสบาย.


"แม่ลูกจันทร์"