มท.เกาะติดพายุ "ปาบึก" องคมนตรีเข้าให้กำลังใจ อธิบดีอุตุฯ เผยต้องเฝ้าระวังถึง 7 ม.ค. ขณะที่ "บิ๊กป๊อก" ย้ำทุกหน่วยต้องประสานข้อมูล
เมื่อวันที่ 4 ม.ค.62 ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) มีการประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ติดตามสถานการณ์และช่วยเหลือประชาชนกรณีพายุโซนร้อนปาบึก ไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดภาคใต้ 14 จังหวัด รวมถึง จ.เพชรบุรี และ จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุม และ นายพลากร สุวรรณรัฐ, พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ, พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา, พล.ร.อ.พงษ์เทพ หนูเทพ องคมนตรี เข้าร่วมประชุมด้วย
โดย นายพลากร กล่าวว่า เมื่อวันที่ 16 ม.ค.2560 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งหลายประการ โดยเฉพาะการเตรียมแผนป้องกัน บรรเทา ฟื้นฟู เผชิญเหตุ และให้การช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยพิบัติทุกรูปแบบ ทั้งนี้จากการพยากรณ์ของหลายหน่วยงานว่า พายุลูกนี้น่าจะมีความรุนแรงไม่แพ้พายุแฮเรียตที่เข้าถล่มแหลมตะลุมพุกเมื่อปี พ.ศ.2505 ซึ่งเป็นพายุที่ร้ายแรงที่สุดที่ประเทศไทยเคยประสบมา ต่อจากนั้นเป็นพายุเกย์ ก่อให้เกิดความเสียหายด้านกิจการประมงอย่างมาก รวมถึงบนบก โดยการมาวันนี้เพื่อมาเยี่ยมเยียนและให้กำลังใจผู้รับผิดชอบ ผู้ปฏิบัติหน้าที่ทุกฝ่าย รวมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดภาคใต้ รวมถึง จ.เพชรบุรี และ จ.ประจวบคีรีขันธ์ และทีมงานในพื้นที่ภาคใต้
ด้าน นายภูเวียง ประคำมินทร์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา รายงานในที่ประชุมว่า พายุปาบึกได้เคลื่อนขึ้นฝั่งที่ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช เวลา 12.45 น. ความเร็วลม 75 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เคลื่อนตัวไปทิศตะวันตกเฉียงเหนือด้วยความเร็ว 18 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าพายุปาบึกจะอ่อนกำลังเป็นดีเปรสชันในคืนนี้ และจะเคลื่อนเข้าปกคลุม จ.สุราษฎร์ธานี ทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากเป็นบริเวณกว้างในหลายจังหวัด ส่วนสถานการณ์ที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ล่าสุดสถานการณ์เบาบางลง อย่างไรก็ตามภาพรวมพื้นที่ภาคใต้ยังต้องเฝ้าระวังฝนต่อเนื่อง โดยเฉพาะที่ จ.สุราษฎร์ธานี จ.นครศรีธรรม ลงมาถึง จ.พัทลุง และ จ.สงขลา ขณะที่ทางตอนบนมีบางส่วนล้ำขึ้นไปข้างหน้าทาง จ.ชุมพร ส่วนซีกตะวันตก ขยับไปที่ จ.พังงา จ.กระบี่ จ.ตรัง จ.สตูล ซึ่งขณะนี้ จ.สตูล สถานการณ์ดีขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่พายุปาบึกเคลื่อนไปทางทะเลอันดามัน
...
นายภูเวียง กล่าวต่อว่า สำหรับสถานการณ์ของพายุปาบึก หลังจากที่เคลื่อนจาก จ.สุราษฎร์ธานี ลงไป จะเข้าไปแนวรอยต่อ จ.พังงา และ จ.ระนอง แต่แนวโน้มจะรวมที่ จ.พังงา มากกว่า จากนั้นในช่วงเช้าของวันที่ 5 ม.ค.นี้ คาดว่ากำลังพายุจะเคลื่อนลงไปในทะเลอันดามัน และขยับออกไปเรื่อยๆ วันที่ 6 ม.ค. เชื่อว่าสถานการณ์จะคลี่คลายทั้งหมด ฝนจะเริ่มลดลงอย่างชัดเจน รวมถึงคลื่นจะอ่อนตัวลง แต่อย่างไรก็ตามจากการประเมินของฝนที่ตกลงมาเมื่อช่วงเช้าที่ จ.ปัตตานี มีปริมาณ 200 มิลลิเมตร ซึ่งลักษณะเช่นนี้คาดว่าพายุปาบึกจะผลิตน้ำในเทือกเขานครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และพัทลุง ดังนั้นยังคงต้องเฝ้าระวังต่อไปอีก 2 วัน คือ วันที่ 6-7 ม.ค. ยังไม่ปลอดภัยที่ประชาชนจะเข้าพื้นที่
นายสุทัศน์ วีสกุล ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร หรือ สสนก. กล่าวว่า ข้อมูลสอดคล้องกับกรมอุตุนิยมวิทยาว่า จะมีอิทธิพลฝนตกหนักตั้งแต่วันที่ 4-6 ม.ค.นี้ จากพายุนี้จะส่งผลให้มีคลื่นลมแรง ลมแรง และเกิดคลื่นซัดฝั่ง โดยคลื่นซัดฝั่งจะยกระดับน้ำทะเลสูง 2-3 เมตร ขณะที่คลื่นสูง 3-5 เมตร โดยพื้นที่บริเวณ 230 กิโลเมตร จะได้รับผลกระทบลมแรง และฝนตกตลอดเส้นทางที่พายุเคลื่อนผ่าน สำหรับปริมาณฝนที่มีการคาดการณ์ในวันที่ 5 ม.ค.จะมีฝนตกมากที่สุด และปริมาณฝนจะต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 6 ม.ค. และจะลดลงในวันที่ 7 ม.ค. ส่วนคลื่นทะเลจะส่งผลกระทบถึงวันที่ 4 ม.ค.นี้เท่านั้น และจะย้ายฝั่งไปยังทะเลอันดามัน
ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า การหารือครั้งนี้เพื่อให้คณะกรรมการ ปภ.จังหวัดได้ประเมิน ว่าจะต้องปฏิบัติอย่างไร โดยนโยบายในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในขณะนี้คือไม่ใช่แค่แจ้งเตือนเท่านั้น เมื่อถึงการตัดสินใจที่จะต้องดำเนินการ เช่น ห้ามเรืออกทะเล เตรียมอพยพคนกรณีดินถล่ม จะต้องรับข้อมูลจากหน่วยงานต่างๆ และสั่งงานให้ประชาชนได้รับทราบทันที พร้อมย้ำทุกหน่วยงานในพื้นที่ต้องบูรณาการงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพราะข้อมูลโดยละเอียดแต่ละพื้นที่มีความแตกต่างกัน.