หัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่สุดช้ำ ครูพละวัย 40 ลวงลูกสาววัยเพียง 12 ปี ไปข่มขืนถึง 2 ครั้ง ปล่อยข่าวว่าเด็กหลงรัก แถมนัดแนะเด็กให้พูดตามที่บอก อ้างว่ารักถึงทำแบบนี้

เมื่อวันที่ 3 ม.ค. 62 ผู้ปกครองของเด็กหญิงเอ (นามสมมติ) อายุ 12 ปี นักเรียนชั้น ม.1 ของโรงเรียนหนึ่งในชัยนาท ได้เข้าร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชัยนาท หลังถูกครูพละวัย 40 ปี ข่มขืนตั้งแต่เดือน ต.ค.61 ที่ผ่านมา แต่คดีไม่มีความคืบหน้า

ผู้ปกครองของเด็กหญิงเอ เปิดเผยว่า ครูพละได้ลวงเด็กหญิงเอไปข่มขืนถึง 2 ครั้ง โดยครั้งแรกได้ออกอุบายว่าจะพาน้องเอไปทำบัตรนักกีฬา แต่กลับข่มขืนน้องเอบนรถ ส่วนครั้งที่ 2 หลอกล่อเด็กว่าจะพาไปหาผู้ปกครอง เนื่องจากเด็กมีอาการไม่สบาย ก่อนลงมือข่มขืนอีกครั้ง

หลังจากเกิดเหตุ ทางครูได้พยายามติดต่อผ่านข้อความในเฟซบุ๊ก โดยนัดแนะว่า ไม่อยากให้เป็นเรื่อง และกังวลว่าจะมีคราบเลือดติดที่กางเกงใน และโน้มน้าวให้เด็กพูดว่าไม่มีอะไรกัน โดยครูสำเร็จด้วยตัวเองแล้วเอากางเกงมาเช็ดจึงเป็นคราบอสุจิ

ผู้ปกครองของน้องเอกล่าวอีกว่า ทางโรงเรียนทราบเรื่องก็ยังให้ครูพละปฏิบัติหน้าที่ และไม่มีการตั้งกรรมการสอบสวนแต่อย่างใด นอกจากนี้ทางคู่กรณีกลับไปปล่อยข่าวทำนองว่า เด็กเป็นใจให้ครู เด็กชอบครูและจับครู พร้อมทั้งอ้างว่าผู้ปกครองอยากได้เงิน

...

"วันนี้ได้มาติดต่อกับทางสำนักงานยุติธรรมจังหวัด เพื่อขอความอนุเคราะห์เรื่องทนาย และทำเรื่องคัดค้านการประกันตัว เราอยากได้รับความเป็นธรรม และอยากให้ทางโรงเรียนมีมาตรการเข้มงวดกวดขันให้มากกว่านี้ ผอ.โรงเรียนไม่มีการติดต่อเข้ามาใดๆ ทั้งสิ้น แถมไปพูดเข้าข้างครู"

นายณัฐวุฒิ ตั่งสินชัย นายอำเภอวัดสิงห์ กล่าวว่า เราไม่ได้นิ่งนอนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้สั่งให้หน่วยงานในสังกัดตรวจสอบข้อเท็จจริง ส่วนเรื่องความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเด็กและครอบครั้วนั้น ทางเราไม่สามารถย้ายครูออกนอกพื้นที่ได้ เพราะครูอยู่ในสังกัดของท้องถิ่น

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ทางเทศบาลได้มีคำสั่งให้ครูมาประจำการที่เทศบาลก่อน เพื่อรอผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง และต้องรอให้การดำเนินคดีสิ้นสุดก่อน ถ้าผลคดีสรุปว่ายังไงจะดำเนินการทางข้อกฎหมายทันที

นอกจากนี้ เรายังได้เชิญผู้ปกครองมาพูดคุยที่อำเภอ 2 ครั้ง ซึ่งทางอำเภอเป็นคนนัดหมาย เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงมนุษย์จังหวัดชัยนาท เพราะไม่อยากให้ผู้ปกครองรู้สึกว่ากำลังต่อสู้อยู่คนเดียว และไม่ได้รับความเป็นธรรม ถ้าไม่พึงพอใจตรงไหนให้มาหาทางอำเภอได้ตลอดเวลา

ขณะเดียวกัน ทางอำเภอได้กำชับทางโรงเรียนดูแลน้องที่ได้รับความเสียหายอย่างดีทั้งทางจิตใจและทางอารมณ์ ยืนยันว่าไม่มีการช่วยเหลือครูออกหน้าออกตา ผิดก็ว่าไปตามผิด ถูกก็ว่าไปตามถูก.