อย่าไปกลัว "มะนาว" สาวป่วยมะเร็งกระเพาะอาหารระยะ 3 หมอตัดทิ้ง ยังยิ้มได้ เปิดใจบอก คิดซะว่าเป็นเพื่อนสนิทที่มาอยู่ในตัวเรา จากนี้เตรียมรักษาต่อด้วยคีโม ฝากทุกคนใส่ใจสุขภาพ...

จากกรณีผู้ใช้ เฟซบุ๊ก Pattaraporn Suriyamanee ได้โพสต์อุทาหรณ์เตือนใจให้คนหันมาดูแลสุขภาพ โดยเล่าว่า ตนเองเป็นคนทานน้อย ทานไม่ค่อยตรงเวลา เวลาเครียดจะปวดท้อง กระทั่งพบว่าตัวเองเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร ระยะที่ 3 ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น 

อ่านข่าว

ต่อมาผู้สื่อข่าว ไทยรัฐออนไลน์ ได้มีโอกาสพูดคุยกับ นางสาวภัทราภรณ์ สุริยะมณี หรือ มะนาว อายุ 36 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของโพสต์ โดยมะนาวเล่าว่า ก่อนที่ตัวเองจะไปพบแพทย์ ย้อนไปเมื่อ 5-6 ปีก่อน ตัวเองเป็นโรคกระเพาะ ทานยาก็หาย จากนั้นตนก็เปลี่ยนที่ทำงาน มาทำงานที่ไม่ได้มีภาวะเครียดอะไรมาก อาการปวดท้องก็น้อยลง กระทั่งมีการเปลี่ยนที่ทำงานอีกครั้ง ซึ่งเป็นการทำงานแบบรูทีน ทำงานทั้งวัน ทำให้กิจวัตรประจำวันเปลี่ยน เข้างาน 8-9 โมง เลิกงาน 5 โมง แต่ถ้างานไม่เสร็จก็ต้องลากยาวจนถึง 3-4 ทุ่ม ภาวะเครียดก็มาก ทำให้ปวดท้อง ประกอบกับทานอาหารไม่เป็นเวลา ช่วงเช้าบางวันก็ไม่ได้ทานข้าว จะทานแค่นม 

ส่วนลักษณะอาหารที่ทาน ก็จะเป็นผักมากกว่าเนื้อสัตว์ แต่ตนไม่ได้โทษว่าทานผักแล้วเป็นมะเร็ง บางมื้อก็ไม่ได้ทานข้าว หรือทานน้อย ทานแต่นม ซึ่งช่วงเที่ยงส่วนใหญ่ตนจะทานข้าวตรงเวลา และตั้งแต่มื้อเที่ยงไปจนถึงมื้อค่ำ ด้วยการที่เราทำงานหน้าจอคอมพ์ ก็จะมีทานพวกขนมถุง หรือของดองบ้าง ซึ่งมันเป็นของที่ไม่มีประโยชน์ แต่เราก็ตามใจปาก ถึงเวลาก็ไม่ยอมทานข้าว จะไปทานอีกทีคือประมาณ 4 ทุ่ม หลังจากถึงบ้านแล้ว

...

ส่วนอาการปวดท้องนั้น ก็ถือว่าไม่ได้รุนแรงมาก ทานยาโรคกระเพาะที่ทานประจำ อาการปวดก็จะหาย ซึ่งพอมันหาย ก็ไม่ได้ทานยาต่อ ทำให้ตนไม่รู้ว่าอาการตอนนั้นคืออะไร ก็เข้าใจว่าเป็นโรคกระเพาะมาตลอด กระทั่งเริ่มมีอาการปวดท้องตอนนอน ซึ่งก่อนหน้าไม่เคยเป็น จึงตัดสินใจไปพบแพทย์

ตอนที่ไปพบแพทย์ครั้งแรกที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง มีการส่องกล้องเพื่อตรวจหาสาเหตุ กระทั่งเจอชิ้นเนื้อ ซึ่งคุณหมอขอตัดชิ้นเนื้อส่วนนี้ไปตรวจ แล้วอีก 1 สัปดาห์มาฟังผล ระหว่างนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ก็มีโทรไปคุยกับเพื่อนที่เป็นหมอ ถามว่า "ฉันจะเป็นมะเร็งไหม", "มันมีไหมมะเร็งกระเพาะอาหาร" ฯลฯ ซึ่งเราคิดไปเอง และเราไม่ได้มีความรู้ตรงนี้เลย ซึ่งเพื่อนก็บอกว่า ดูแล้วไม่น่าจะเป็นอะไร

พอถึงวันที่คุณหมอนัดฟังผล คุณหมอก็พูดย้ำให้เรามีสติ ถามหาว่ามีใครมาด้วยหรือเปล่า แต่งงานหรือยัง มีแฟนไหม ตนก็เชื่อว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ จึงชิงถามหมอก่อนว่า ตนเป็นมะเร็งใช่ไหม ซี่งตอนนั้นเรามีสติ ไม่ได้ตกใจ เพราะก่อนหน้าเรามีคุยกับเพื่อนที่เป็นหมอมาบ้างแล้ว

โดยตอนนั้นคุณหมอยังไม่ได้บอกว่า ตนเป็นมะเร็งระยะที่เท่าไหร่ แต่ด้วยกระบวนการคือ หลังจากตรวจชิ้นเนื้อในครั้งแรก รู้ว่ามีเซลล์มะเร็ง คุณหมอก็จะต้องให้ไปทำ CT สแกน เพื่อวางแผนการรักษา โดยการผ่าตัดในขั้นตอนต่อไป หลังจากนั้นก็จะนำชิ้นเนื้อที่ได้จากการผ่าตัดไปหาค่ามะเร็ง ทำให้รู้ว่ามะนาวเป็นมะเร็งระยะที่ 3

ซึ่งหลังจากที่ทำการผ่าตัดกระเพาะออกไปแล้วนั้น ก็ไม่ได้รู้สึกว่ากระทบต่อการใช้ชีวิตปกติ ซึ่งตนโชคดีที่ได้คุณหมอเก่ง อีกทั้งตนไม่มีโรคประจำตัว หรือโรคแทรกซ้อน แต่หลังจากที่ตัดกระเพาะออกไปแล้ว อาจทานอาหารไม่ได้ทั่วไป เนื่องจากต้องรับประทานอาหารอ่อนที่สุด อย่างโจ๊ก นม หรือข้าวต้ม เพื่อให้ร่างกายมีกำลัง มีสารอาหารที่คนหนึ่งคนควรจะได้รับใน 1 วัน และเพราะเราไม่มีกระเพาะช่วยย่อย เราจึงต้องเคี้ยวให้ละเอียดขึ้น ซึ่งทุกวันนี้คุณพ่อก็จะเป็นคนคอยทำโจ๊กให้ทาน ส่วนชีวิตประจำวันก็ไม่ได้เปลี่ยนอะไรมาก แค่เปลี่ยนการรับประทานอาหาร

มะนาว เผยด้วยว่า ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะโพสต์เรื่องราวลงเฟซบุ๊ก และไม่คิดว่าหลังจากโพสต์ไปแล้วจะมีคนสนใจเรื่องของตนเป็นจำนวนมาก ซึ่งตนก็ถือว่า มีความโชคดีหลายอย่างที่เกิดขึ้น โชคดีที่วันนั้นเราตื่นมา ไปหาหมอส่องกล้อง แล้วดันเจอความผิดปกติ ความโชคดีต่อมาคือ เชื้อมะเร็งยังไม่ลุกลามจนรักษาไม่ได้ ความโชคดีสุดท้ายคือ หลังจากที่เราเปลี่ยนโรงพยาบาลจากเอกชน ไปโรงพยาบาลของรัฐ เราก็ได้คิวผ่าตัดเลย ทุกอย่างผ่านไปเร็วมาก ใช้เวลาแค่ 10 วันเท่านั้น ซึ่งเราทราบจากเพื่อนที่เป็นหมอว่า ถ้าเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร ต้องผ่าตัดให้เร็วที่สุด 

ซึ่งวันที่จะต้องเข้าผ่าตัด ตอนนั้นไม่ได้รู้สึกกลัวเลย เพราะเคสของตนรักษาได้ ถ้ารักษาไม่ได้ ถึงจะน่ากลัว ตอนที่ไปถึงโรงพยาบาล ครอบครัว เพื่อนหน้าเศร้าหมด แต่ตนยังยิ้ม ยังหัวเราะ เฮฮากับเพื่อนได้ ผ่าตัดเสร็จก็ทำตามคำแนะนำของคุณหมอ 

"ก่อนหน้านี้ตนไม่ได้ดูแลสุขภาพเลย ตื่นเช้ามาก็ไปทำงาน กลับบ้านก็ทานข้าวเสร็จ 4 ทุ่มนอน ไม่มีการออกกำลังกาย มัวแต่ทำงานจนไม่มีเวลาดูแลตัวเอง ไม่ได้ใส่ใจสุขภาพ อยากบอกคนอื่นๆ ว่า ให้ใส่ใจตัวเอง มันอาจไม่มีใครโชคดีแบบมะนาว เราไม่ได้มีอาการอะไรก่อนหน้า แต่ก็เป็นถึงมะเร็งระยะที่ 3 ซึ่งมันน่ากลัวมาก นอกจากนี้คนรอบข้างก็ให้กำลังใจดี ให้เราสู้ๆ ซึ่งเราก็บอกเค้าไปว่า เราอยู่ได้ ใช้ชีวิตได้ตามปกติ ไม่ต้องห่วง ก่อนผ่าตัดก็ยังขับรถไปนั่นไปนี่ ใช้ชีวิตปกติ รู้ผลมะเร็ง ก็ยังไปทำงาน ก็ต้องขอบคุณเพื่อนที่เป็นหมอด้วย ที่ให้คำปรึกษา เค้าบอกให้คิดว่า เป็นไส้ติ่ง ผ่าตัดแล้วมันก็หายไป"

ตอนนี้ตนก็ลาออกจากงาน มาพักรักษาตัวที่บ้าน ซึ่งหลังจากผ่าตัดแล้ว ก็จะเป็นขั้นตอนของการให้คีโม โดยในวันที่ 6 ม.ค.62 ตนจะต้องไปตรวจซ้ำอีกครั้งหนึ่ง โดยเป็นการตรวจ CT สแกน และตรวจเลือด ก่อนเอาผลตรวจไปให้หมอวางแผนการรักษาด้วยเคมี (คีโม) ต่อไป

นอกจากนี้ มะนาว ยังฝากบอกถึงผู้ที่ป่วยเป็นมะเร็งด้วยว่า อย่างที่คุณหมอบอกเลยคือ ต้องมีสติ อย่าคิดมาก เพราะบางอย่างมันอาจจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เราคิด ถ้ายิ่งเรากังวล รู้สึกแย่กับมัน ทุกอย่างมันก็จะยิ่งแย่ มันจะกระทบหลายอย่าง ทั้งนอนไม่หลับ ทานไม่ได้ คนรอบข้างก็เป็นห่วง อยากให้ทำใจให้สบาย ใช้ชีวิตปกติ ให้คิดซะว่า "เค้าคือเพื่อนสนิท ที่มาอยู่ในตัวเรา เรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน ทำใจให้สบาย" หลายคนอินบ็อกซ์มาหาตน อายุน้อยกว่าตน มีอาการมากกว่าตนด้วยซ้ำ แต่ก็ยังอยู่ได้.

ขอบคุณภาพจาก เฟซบุ๊ก Pattaraporn Suriyamanee