หาเวลาว่างมานั่งพูดคุยกับพี่สาวคนสนิทอย่าง จ๋า ยศสินี กับรายการ #Switch Even Better (ชมคลิป) สำหรับคุณแม่คนเก่งยังสวย ชมพู่ อารยา ที่พาลูกชายฝาแฝดมาร่วมสร้างความป่วนในระหว่างที่พูดคุยอีกด้วย ซึ่งสาวชมเล่าถึงชีวิตหลังได้เป็นคุณแม่แบบหมดเปลือกไม่มีกั๊กและชีวิตคู่กับสามี น็อต วิศรุต ที่ต้องเปลี่ยนไปว่า
หลังจากที่ถูกคุกเข่าขอแต่งงาน เป็น 3 ปีที่เข้มข้น หลังแต่งงานยังไม่ค่อยรู้สึกเท่าไหร่ ยังไม่มีลูกก็ยังไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงมาก คุณน็อตหลังแต่งงานก็เหมือนเดิม แต่ก็มีโฟกัสค่อนข้างมากขึ้น แต่ตอนท้องเป็นช่วงเวลาที่ดีมาก ได้รับการสปอยล์ขั้นสุด แต่วันที่เราเอาเค้ากลับมาบ้าน ชีวิตมันไม่เหมือนเดิมอีกแล้วเหรอ
ต่อให้เตรียมตัวมาดีแค่ไหนก็รู้สึกว่ามันตั้งตัวไม่ทัน และของชม 2 คน ตอนท้องก็แพ้ท้องค่อนข้างเยอะ เพราะว่าเป็นเด็กแฝด ฮอร์โมนค่อนข้างสูง ช่วงแรกๆ ก็มีเลือดออกเกือบทุกวันให้ได้นอยด์ และเราเคยมีประสบการณ์ที่ไม่ดีมามันจะเป็นช่วงที่สภาพจิตใจไม่เฮลตี้เลย แต่ก็คิดบวกนะ เพราะเราวางแผนทุกอย่างมาดี คิดว่ายังไงก็ได้
...
และพอหายแพ้ท้อง ก็ใช้ชีวิตแบบที่เป็นตัวเราเต็มที่ ชมออกกำลังกาย 4 วันก่อนคลอด การออกกำลังกายของผู้หญิงตั้งท้องตามตำราฝรั่งบอกว่าออกได้ 80% จากที่เคยทำ เพียงแต่ห้ามกีฬาที่จะให้ตกลงมาหรือว่ามีการกระแทก นอกเหนือจากนั้นก็ทำได้ บางคนไม่เคยทำแล้วจะมาทำเพราะเห็นคุณแม่ดาราทำ แนะนำว่าอย่าทำ เพราะไม่เคยทำมาก่อน
ชมโชคดีมากๆ ที่ดูแลหลังคลอดดี เพราะภาวะหลังคลอด มันมีหลายอย่าง ชมเจอเบบี้บลู มันมา ขนาดชมเป็นคนที่จิตแข็งมากๆ มันก็ยังมา ชมจะมีจินตนาการแปลกๆ เพื่อเล่าให้ฟังเราก็คิดว่าเค้าเยอะเนอะ แต่พอมาเป็นเรา เราก็เป็น มีจินตนาการแปลกๆ เช่น กลัวอุ้มเค้าแล้วเอาหัวไปน็อกกับเสา หรือขอบประตู คิดแล้วน้ำตาไหล
ทุกอย่างมันคูณ 2 ไหนจะเรื่องนม และทุกคนที่ถาโถมเข้ามาแล้วเราต้องการพัก งงกับตัวเอง ปกติไม่ใช่คนดราม่า และเป็นคนจิตแข็ง ก็มีบอกคุณน็อตและพี่เจี๊ยบว่าไม่ไหวแล้ว แล้วมันก็ผ่านไป คือมันเป็นเรื่องของเคมีและสถานการณ์มันใหม่มาก
ความตั้งใจของชมคือเรื่องการให้นม อยากจะให้เองได้ และเป็นเรื่องพื้นฐาน แต่ปรากฏว่าคืนแรกเปรี้ยวมาก ไม่มีพยาบาล คือมีชมกับพี่เจี๊ยบ 2 คน แล้วไม่เห็นมีใครบอกเลยว่าเด็กอ่อนตื่นทุก 3 ชั่วโมง วันละ 8 รอบ แล้ว 2 คนไม่พร้อมกัน แต่ตอนที่อยู่โรงพยาบาลคุณหมอพูดเหมือนมันง่าย แต่ว่าคืนแรกเละ ไม่ได้นอนเลย 3-4 คืนแรก และไม่กล้าหลับนานเพราะต้องตื่นมาปั๊มนม
หรือว่าเหลือเวลา 45 นาทีแล้วเค้าจะตื่น แอบหลับตอนนี้ได้มั้ย คือจากที่เราคิดว่าเป็นคนควบคุมทุกอย่างได้ แต่มันไม่ได้ มันไม่ได้อย่างนั้น เราต้องไหลไปกับมัน แล้วเอาเค้าเป็นหลัก จากที่คิดว่าจะเอาตัวเองเป็นหลักแล้วเอาลูกเข้ามาอยู่ในความควบคุมของเรา
ถามว่า 2 คนนี้ไม่เหมือนกันอย่างไร ยิ่งโตยิ่งค่อยๆ ออกลาย พายุตอนเด็กๆ เหมือนจะง่ายๆ กินนอน ส่วนสายฟ้าจะเสียงดังตั้งแต่เกิด แต่พอเลี้ยงไปเรื่อยๆ สายฟ้าก็เข้าใจว่าเค้าเป็นพี่ เค้าเก็บความรู้สึกกว่า ถ้าไม่เจ็บจริงก็ไม่ร้อง แต่พายุบ่นทุกเรื่อง ทุกคนต้องรู้ว่าเค้าคิดอะไร รู้สึกอะไร
หลายคนมองว่าชมจะเลี้ยงลูกตามแบบแผน ซึ่งมันก็มีตามแบบแผนระดับนึง แต่ชมจะไม่คอนโทรลคนอื่นนะ จะอยู่ที่ตัวเรา อยากได้อะไร ก็จะทำตัวเราให้เป็นแบบนั้น ชมเป็นคนโฟกัสเกี่ยวกับตัวเอง อะไรที่ป้อนให้เค้าได้ ก็ทำเต็มที่ ทำที่ตัวเรา เค้าก็กินทุกอย่างนะ
ถามว่าจะมีลูกหรืองานละครก่อน ตอบไม่ได้เลย แต่เรื่องของการมีลูกมันมีไทม์ไลน์ของเรา เราต้องมีลูกก่อนหมดประจำเดือน ต้องมีลูกตอนที่ยังเลี้ยงเค้าไหว แต่เรื่องของงานจะไม่มีเลยก็คงเป็นไปไม่ได้ ต้องมีปัจจัยอะไรของมันแหละ ถ้ามีอะไรที่น่าสนใจ มาในส่วนที่น่าจะบริหารได้ ก็อาจจะรับ แต่ก็ยังไม่แน่ ปี 2020 น่าจะมีท้องอีกคน ถ้าได้ผู้ชายก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าได้ผู้หญิงก็จะเป็นภาพที่สมบูรณ์
...
ชมอยากเห็นเค้าเติบโตเป็นลูกผู้ชายแบบไหนก็คงปล่อยให้เป็นหน้าที่พ่อ แต่ว่าเราในฐานะที่เป็นผู้หญิง ก็อยากให้เค้ามีความเป็นสุภาพบุรุษ ไม่ใช่นุ่มนิ่มนะ ชมมั่นใจว่าพ่อเค้าใส่ให้เต็มอยู่แล้ว การสอนที่ดีคือการเป็นตัวอย่างให้ดู
เวลาที่พี่น็อตอยู่กับลูกก็จะเล่นแบบเด็กผู้ชาย เกรี้ยวกราดกว่า เล่นแมนๆ พ่อจะซื้ออะไรมาแต่ละอย่าง เช่น หุ่นยนต์ ต่อยมวย ผู้ชายเค้ามีความคิดว่าของเล่นสีชมพูไม่ได้นะ แต่สำหรับเราคิดว่าอะไรก็ได้ที่มันเล่นแล้วเสริมพัฒนาการ ตอนนี้เค้าก็เริ่มเข้าใจ เด็กเล่นอะไรก็ได้
ถามว่าเคยคิดมั้ยว่าจะเป็นความแม่อย่างนี้ ชมคิดว่าทุกคนเป็นจะคิดหมดว่าถ้าเป็นแม่จะเป็นแม่ยังไง มันไม่มีคำจำกัดความ เพราะไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนเปลี่ยนแปลงไปได้ ใครๆ ก็เขียนคำจำกัดความความเป็นแม่ของตัวเองได้ ชมเป็นแม่เน็ตไอดอล
ส่วนเรื่องการลอยตัวอยู่เหนือดราม่านั้น ชมว่าเป็นเพราะในทุกชีวิตเราเป็นไปตามสเต็ป เราโชคดี เรามีโอกาส มีโอกาสที่สร้างและสิ่งที่เราฝ่าฟันและการหยิบยื่น เวลาเราสุข สุขก็อยู่กับเรา เวลาเราทุกข์ ทุกข์ก็อยู่กับเรา ทุกอย่างมันอยู่ที่ใจเรา ทุกๆ อย่างที่มันอยู่ในชีวิตเราเป็นเพราะเราไปเอามันมา มันก้คงไม่แฟร์ถ้าจะให้ใครเอาไปจากเราง่ายๆ
...
คนวิจารณ์มาบอกทำไมไม่ทำอย่างนั้น อย่างนี้ แล้วถ้าเราเฟลใครจะมารับผิดชอบเรา เราเลือกทางนี้แล้วถ้าเราเสียใจเค้าเสียใจกับเรารึเปล่า ซึ่งมันไม่ใช่ เราเป็นคนเลือกว่าเราจะมีมุมมองกับมันอย่างไร
ตอนนี้ในชีวิตอันดับหนึ่งก็คือลูก และครอบครัว ตอนนี้ลูกมาก่อนสามี รู้เลย แต่เป็นอะไรที่เรารู้กัน 2 คน มันคงไม่เหมือนเดิม 100 เปอร์เซ็นต์ แต่สิ่งสำคัญต้องหาเวลาร่วมกันให้ได้เช่นออกไปกินข้าวกัน คุยกัน อัพเดต มีเวลา 2 คนบ้าง ถึงจะไม่เท่าเดิม แต่ก็ต้องหาบ้างอะไรบ้าง
ความสุขของชมในวันนี้คือเป็นเรื่องของปัจจุบันมากขึ้น อย่างอยู่กับลูกแล้วเค้าทำอะไรขึ้นมาแล้วพอบอกให้ทำเค้าก็จะไม่ทำอีก หรือพัฒนาการเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งบางอย่างถ้ามันพลาดแล้วก็คือพลาดเลยเค้าโตขึ้นทุกวัน ความสุข ณ วันนี้คือปัจจุบัน คือสิ่งที่อยู่ข้างหน้า ไม่ใช่อดีตหรืออนาคต แต่มันคือตอนนี้
ลูกคือกระจก เค้าเริ่มเลียนแบบและซึมซับ ระมัดระวังว่าเราทำอะไรไม่ดีรึเปล่า บางอย่างไม่น่าเชื่อเค้าทำตามได้ เราต้องเริ่มระมัดระวังคำหยาบ และเรื่องวินัยที่อยากจะให้เค้าทำ เราก็ต้องทำให้เห็น
...