ตำรวจกองปราบ ตามรวบ "ไอ้หรั่ง" อดีตมือขวาเสธ.แดง ฆ่ารัดคอสาวคาราโอะเกะ เผยประวัติคดีติดตัวอื้อ ทั้ง "ก่อการร้าย-ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน-ยิงตำรวจ-ฆ่าคนตาย" สารภาพ ลงมือทำเพราะหึงหวง เหตุมีชายอื่นติดพัน-สาวพยายามตีจาก จึงบันดาลโทสะพลั้งมือฆ่า 

เมื่อวันที่ 30 พ.ย.61 ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ผู้สื่อข่าวรายงาน พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป.สั่งการให้ พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.3 บก.ป. พ.ต.ท.วิวัฒน์ จิตโสภากุล รอง ผกก.3 บก.ป. พ.ต.ท.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ พ.ต.ท.นพรัตน์ คำมาก พ.ต.ท.ภูมิทัศ ปิติจิระนน พ.ต.ท.เอนก บุญตา สว.กก.3 บก.ป. นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.3 บก.ป. ร่วมกันจับกุมตัว นายสุรชัย หรือหรั่ง หรือรัก เทวรัตน์ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 27 ม.2 ต.ร่อนทอง อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ตามหมายจับศาลจังหวัดนครราชสีมา ที่ 315/2561 ลงวันที่ 25 พ.ย.2561 จับได้ที่ กระท่อมสวนยางพารา ม.9 ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมา

สืบเนื่องจากเมื่อเวลาประมาณ 17.00 น.วันที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา นายสุรชัย ได้ก่อเหตุใช้ถังแก๊สทุบตีทำร้ายร่างกาย น.ส.แววดาว ภูวงศ์ แฟนสาว อายุ 23 ปี ชาว จ.ขอนแก่น แล้วใช้สายยางถังแก๊สรัดคอจนขาดอากาศหายใจเสียชีวิต ก่อนจะเขียนจดหมายฝากคำขอโทษวางไว้หน้าอกผู้ตาย แล้วหลบหนีไป จากแนวทางสืบสวนทราบว่า สาเหตุหึงหวง เนื่องจากผู้ตายเป็นพนักงานร้านเมืองแก้วคาราโอเกะ มักมีชายหนุ่มมาติดพันหลายคน จนทำให้มีปากเสียงทะเลาะวิวาทกันอย่างรุนแรงหลายครั้ง เหตุเกิดภายในห้องพักแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.โคกสูง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ท้องที่ความรับผิดชอบ สภ.จอหอ กระทั่งต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการ กก.3 บก.ป. ได้สืบทราบว่าภายหลังก่อเหตุ นายสุรชัย ได้หนีไปซ่อนตัวอยู่ในกระท่อมสวนยางของญาติในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ จึงนำกำลังเข้าจับกุมตัวได้ดังกล่าว 

...

สำหรับประวัติของ นายสุรชัย นั้น เคยเป็นลูกน้องคนสนิท หรือมือขวาของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ในช่วงเข้าร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดง เมื่อครั้งเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองปี 2553 และมักจะอยู่ติดกับ เสธ.แดง ตลอดเวลา โดยช่วงที่ เสธ.แดง ถูกยิงเสียชีวิต นายสุรชัยยังเป็นคนอุ้มร่าง เสธ.แดง ไปส่งโรงพยาบาลอีกด้วย ที่ผ่านมาเคยก่อคดีก่อการร้าย และฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และคดีอาญามากมายหลายคดี ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคดีอุกฉกรรจ์ เนื่องจากมีนิสัยก้าวร้าว หัวรุนแรง และมักใช้กำลังทำร้ายร่างกายผู้อื่นอยู่เป็นประจำ คดีส่วนใหญ่อยู่ระหว่างการหลบหนี กระทั่งเมื่อเสธ.แดง เสียชีวิต นายสุรชัย ได้หลบหนีไปซ่อนตัวตามพื้นที่ต่างจังหวัด และด้วยความที่มีนิสัยเจ้าชู้จึงมีภรรยาหลายคน โดยจะทำทีเข้าไปตีสนิทหญิงสาวในเชิงชู้สาวผ่านทางสื่อโซเชียล เพื่อหลอกเอาเงินมาใช้ในชีวิตประจำวันขณะหลบหนี หากไม่มีเงินให้ นายสุรชัย จะใช้กำลังทำร้ายร่างกาย ก่อนจะตีจากไปหาหญิงสาวรายอื่น 

ทั้งนี้สำหรับประวัติการก่อคดีของ นายสุรชัย นั้น จากการตรวจสอบพบว่า เมื่อปี 2552 นั้น ได้ก่อคดีทำร้ายผู้อื่นและบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธ ตามหมายจับศาลจังหวัดนางรอง สภ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ อยู่ระหว่างการหลบหนี กระทั่งถัดมาในปี พ.ศ.2553 นายสุรชัย ได้ก่อเหตุใช้ปืน เอ็ม 79 ยิงใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลุมพินี บริเวณแยกศาลาแดง ทำให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต 2 นาย จากเหตุความวุ่นวายทางการเมืองเมื่อปี 2553 จนถูกออกหมายจับโดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ตามหมายจับศาลอาญา จำนวน 2 คดี ประกอบด้วย คดี "ก่อการร้ายและฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน" กับ คดี "ร่วมกันฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน มีและใช้เครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนจะอนุญาตให้ไม่ได้ไว้ในครอบครอง กระทำให้เกิดระเบิดเป็นเหตุให้บุคคลอื่นได้รับอันตรายสาหัสและมีผู้ถึงแก่ความตาย" ทั้ง 2 คดีนี้อยู่ระหว่างการหลบหนี กระทั่งถัดมาในปี 2560 นายสุรชัย ยังได้หลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษาในคดีพยายามฆ่าโดยไตร่ตรอง ตามหมายจับศาลจังหวัดพัทยา อีกด้วย ก่อนจะมาก่อเหตุล่าสุดดังกล่าว 

จากการสอบสวน นายสรุชัย ให้การรับสารภาพว่า ก่อนหน้านี้ระหว่างที่กำลังหลบหนีคดี ตามหมายจับค้างเก่าอยู่นั้น ได้มาพบเจอกับ น.ส.แววดาว พนักงานร้านคาราโอเกะ ก่อนจะคบหาและอยู่กินกันแบบสามีภรรยามาได้ประมาณ 6 เดือน กระทั่งช่วงหลังจับได้ว่า น.ส.แววดาว มีชายหนุ่มมาติดพัน และพยายามตีตัวออกห่าง ด้วยความหึงหวงจึงทำให้มีปากเสียง ทะเลาะวิวาทกันอย่างรุนแรงขึ้น ก่อนที่ตนจะบันดาลโทสะพลั้งมือก่อเหตุดังกล่าว หลังจากก่อเหตุเกิดสำนึกผิดต่อสิ่งที่ทำ จึงได้เขียนข้อความข้อโทษลงบนกระดานฟิวเจอร์บอร์ด แล้วนำไปวางไว้บนหน้าอกของ น.ส.แววดาว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับ ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.จอหอ รับตัวไปดำเนินการตามกฎหมายต่อไป