‘สังศิตโพล’ หน 4 ‘ตู่’ ยังนำ ‘เจ๊หน่อย’ คุยพท.เป็นร.ร. ผลิตคนการเมืองขึ้นใหม่

“วิษณุ” แย้ม กกต.แบ่งเขตเลือกตั้งครบ 350 เขต ทุกอย่างจบแล้ว ใครเห็นต่างไปร้องศาลปกครอง เลขา กกต.รีบส่ง ปธ.กกต.ลงนาม โพลการเมืองระเบิดศึก “สังศิตโพล” สวนนิด้าฯ สำรวจ 4 รอบ “บิ๊กตู่” นอนมาเห็นๆ “สุดารัตน์-อภิสิทธิ์” ตามห่างๆ พรรคเครือข่าย “ทักษิณ” ดำดิ่ง แต่ พปชร.กระแสพุ่งปรี๊ด “โภคิน” สวนกลับอยู่มา 5 ปี รากหญ้าแห้งเหี่ยว หน.ปชป.คาด 7 ธ.ค. ถกปลดล็อกเรื่องเดียวบอกดี “บิ๊กป้อม” ส่งสัญญาณชัดเจนขวางส่งทหารประกบหาเสียง ปชป.จับตา กกต.แบ่งเขตซูเอี๋ยพรรคขาใหญ่ “หญิงหน่อย” ไม่ยี่หระอดีต ส.ส.โดดหนี คุย พท.คือโรงเรียนผลิตคนการเมือง ปลื้มเสียงโหวตให้นั่งนายกฯ สามมิตรรุมหยัน “มาร์ค” จะไปจับมือกับใครได้ เดี๋ยวก็วิ่งมาหาเอง เอาตัว “บุญทรง” ออกจากเรือนจำ ส่ง รพ.ตำรวจแล้ว

จากกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ประกาศยืนยันว่าการเลือกตั้งจะมีขึ้นในวันที่ 24 ก.พ.2562 แน่นอน และจะปลดล็อกให้พรรคการเมืองในวันที่ 11 ธ.ค.นั้น ล่าสุดนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เผยว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดการแบ่งเขตเลือกตั้งครบทั้ง 350 เขตแล้ว

“วิษณุ” แย้มแบ่งเขตเสร็จแล้ว

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 28 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปัญหาการแบ่งเขตเลือกตั้ง ที่ถูกโจมตีว่าการออกคำสั่ง คสช.ที่ 16/2561 เป็นการแทรกแซงครอบงำคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า ไม่ต้องอธิบายอะไร ตอนนี้ทราบว่าเขาแบ่งเสร็จแล้ว แจ้งมาตั้งแต่วันที่ 27 พ.ย. แต่ยังไม่ได้ส่งมา หากส่งมาก็คงประกาศลงราชกิจจานุเบกษาในไม่ช้า เมื่อประกาศในราชกิจจาฯ แล้ว ก็ไม่สามารถร้องเรียนได้ อำนาจเป็นของ กกต.เมื่อแบ่งแล้วก็จบ ถือว่าถึงที่สุด อาจจะไม่ยอมรับก็ได้ แต่ถือว่ามันถึงที่สุด เมื่อถามย้ำว่าแม้จะถึงที่สุดแล้ว แต่ถ้ามีคนเห็นต่างสามารถร้องเรียนกับองค์กรใดได้หรือไม่ นายวิษณุตอบว่า “ต้องไปร้องศาลปกครอง แต่ระหว่างที่ศาลยังไม่สั่งอะไร เขาก็เดินหน้าต่อไป”

...

กกต.แจงแบ่งครบทั้ง 350 เขต

นายวิษณุยังกล่าวถึงการตั้งข้อสังเกตว่าการรับสมัครผู้เข้ารับการสรรหาเป็น ส.ว. ไม่ค่อยคึกคักตื่นตัว มีคนมาสมัครน้อยว่า เราไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรจะไปตื่นอะไรกับเขา จะตื่นเฉพาะคนที่สนใจ ลุ้นก็ไม่ได้เพราะเขาไม่ให้เปิดเผยชื่อ และไม่ใช่ว่าคนจะอยากเป็นกันมากมาย แค่เป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัยก็ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินกันโกลาหล ส.ว.ต้องยื่นทั้งบัญชีทรัพย์สิน ต้องเปิดเผยและปิดประกาศให้คนรู้ คงไม่ใช่เรื่องสนุก

ด้าน พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า กกต.ได้พิจารณาเขตเลือกตั้งครบทั้ง 350 เขตแล้ว สำนักงาน กกต.ได้ส่งให้ประธาน กกต.ลงนาม คาดว่าจะใช้เวลาตรวจสอบไม่นานก่อนส่งประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาต่อไป

“สังศิตโพล” ชี้ “บิ๊กตู่” นอนมา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันนี้ นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต และ ผอ.โครงการสำรวจความนิยมของนักการเมืองที่ประชาชนปรารถนาให้เป็นนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้ง เปิดผลสำรวจความเห็นประชาชน ใน 350 เขตเลือกตั้ง 77 จังหวัด ผ่านกลุ่มประชากรทุกเพศ ทุกวัย และหลายระดับการศึกษา จำนวน 8,000 ตัวอย่างทั่วประเทศ โดยพบว่าครั้งที่ 1 เดือน พ.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. มาเป็นอันดับ 1 ครั้งที่ 2 เดือน มิ.ย. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ สลับขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ส่วนครั้งที่ 3 ครั้งที่ 4 ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์กลับขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่ง 27.06 เปอร์เซ็นต์ อันดับ 2 เป็นคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย ได้ 18.16 เปอร์เซ็นต์ และนายอภิสิทธิ์ได้ 15.55 เปอร์เซ็นต์

พรรคเครือข่าย “แม้ว” ดำดิ่ง

ผลการสำรวจยังสรุปว่า คะแนนนิยมพรรคของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี (ไทยรักไทย พลังประชาชน และเพื่อไทย) กำลังตกต่ำเสื่อมโทรม ขาดนักวิชาการ นักคิด และนักยุทธศาสตร์คิดสร้างนโยบาย ขณะที่นโยบายจำนำข้าวและค่าแรงขั้นต่ำ 350 บาทต่อวัน ก่อความเสียหายทางเศรษฐกิจ พบทุจริตรุนแรงทำคนชั้นกลางจำนวนมากหมดความเชื่อถือ และภาวะที่ขาดผู้นำที่มีบารมีมากพอที่จะรวบรวมสมาชิกจำนวนมากให้เป็นหนึ่งเดียวได้ ขณะที่การเกิดขึ้นของพรรคพลังประชารัฐที่กำลังมีอำนาจทาง การเมือง โดยเฉพาะนโยบายบัตรคนจน 30 บาทรักษาทุกโรค เบี้ยคนชรา ที่เอาชนะใจกลุ่มคนจน 11 ล้านคนได้อย่างรวดเร็ว

“โภคิน” ซัด 5 ปี รากหญ้าแห้งเหี่ยว

ช่วงเช้าที่สถานีไทยพีบีเอส คณะอนุกรรมการเตรียมคนไทยสู่ศตวรรษที่ 21 คณะทำงานสื่อเพื่อการปฏิรูป จัดเวทีเสวนา “การเมืองไทยกับการสร้างคนไทยศตวรรษที่ 21” มีตัวแทนพรรคการเมือง และนักวิชาการร่วมแสดงวิสัยทัศน์ นายโภคิน พลกุล แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า 10 ปีที่ผ่านมา คนไทยสับสนกับนโยบายประชานิยม ตั้งแต่ยุคพรรคไทยรักไทย มาจนถึงพรรคเพื่อไทย เสนอลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส เพราะมองปัญหาเศรษฐกิจต้องขับเคลื่อนที่ฐานราก แต่รัฐบาลนี้เอามาใส่ทุกอย่าง แต่อยู่มาจะ 5 ปีคนข้างล่างไม่มีอำนาจซื้อ ชาวบ้านจึงรู้สึกไม่เสมอภาค เราก็ปล่อยให้สิ่งเหล่านี้กัดกินประเทศ การเมืองต้องเป็นประชาธิปไตย เราอยากเป็นนายของประเทศ หรือให้คนอื่นมาเป็นนายแล้วเรารับใช้ ถ้าตอบคำถามเหล่านี้ไม่ได้ ประเทศก็ก้าวพ้นสิ่งเหล่านี้ไม่ได้

อย่าให้ใครมาโกงอำนาจอีก

นายโภคินกล่าวต่อว่า ถ้าเลือกนักการเมืองไม่ดีมาแล้วจะทำอย่างไร มีทางเลือก 2 ทาง คือ เราต้องเปลี่ยน หรือให้ทหารมาเปลี่ยน ถ้าเลือกทหารวงจรนี้จะไม่จบสิ้น เราจึงต้องกล้าพอที่จะพูด สังคมไทยอยู่กับประชานิยมมา 80 ปี แต่เงียบกับอำนาจนิยม ยอมรับอำนาจนิยมที่รุนแรง วันนี้มาถึงคำว่าข้าพเจ้าใช้อำนาจเบ็ดเสร็จในทางไหนก็ได้ให้ถือว่าชอบด้วยกฎหมาย บทบัญญัติรัฐธรรมนูญที่เขียนให้เสรีภาพกว่า 200 มาตรา ไม่มีความหมาย แพ้มาตรา 279 มาตราเดียว ทำไมต้องให้มาตรา 44 แก่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทั้งที่ไม่จำเป็น ก็เพราะถ้าคุณทำอะไรผิดก็ถือว่าถูกเพราะมาตรานี้ แต่พวกเราพูดถึงเรื่องนี้น้อยมากทั้งที่เป็นอุปสรรคใหญ่ แค่เริ่มต้นก็กุมอำนาจประชาชนไปแล้ว เราต้องเอาอำนาจประชาชนกลับคืนมา อย่าให้ใครมาโกงอำนาจอธิปไตยอีก

ชทพ.ยึดตำรา “ซุน วู” รู้เขารู้เรา

นายนิกร จำนง ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า ทุกประเทศมีรากมีที่มา การนำพาคนไทยเผชิญกับโลกที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ต้องค้นหาตัวเองก่อนไปสู่โลกที่ไหลแรงเปลี่ยนแปลงมาก คือรู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง ตามที่ซุน วู ว่าไว้ พรรคชาติไทยพัฒนามีแนวทางว่า บ้านเมืองจะไปไม่ได้ถ้ายังมีความขัดแย้ง จึงต้องสร้างความปรองดองทุกภาคส่วน ถ้านายทุนกับคนข้างล่างยังมีความเหลื่อมล้ำอยู่แบบนี้ จะไปได้ยาก พรรคจึงชูสโลแกนว่า “ก้าวข้ามความขัดแย้ง ร่วมแรงปฏิรูปประเทศไทย”

“ระวี” ขอข้ามทุกขั้วเผด็จการ

นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวว่า ต้องการให้ประเทศมีประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจ ที่มีการค้าเสรีที่เป็นธรรมไม่ใช่ปลาใหญ่กินปลาเล็ก สังคมธรรมาธิปไตยต้องเริ่มสร้างคนไทยให้มีจิตสำนึก วัฒนธรรม ที่สำคัญคนไทยศตวรรษที่ 21 ต้องมีความซื่อสัตย์ สุจริต โปร่งใส นักการเมืองต้องถูกทดสอบตอนที่มีอำนาจ ช่วงหลายสิบปีมานี้เราพยายามประกาศให้ปัญหาคอร์รัปชันเป็นวาระแห่งชาติ แต่เราก็เห็นว่าปัญหานี้ไม่เคยหายไปจากสังคมไทย แนวทางแก้ไขคือการสร้างสามัญสำนึกแบบเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 การเมืองวันนี้พรรคพลังธรรมใหม่จะก้าวข้ามเผด็จการทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเผด็จการทหาร หรือเผด็จการรัฐสภา หากเราเปลี่ยนการเมืองได้ จะสามารถเปลี่ยนคนไทยศตวรรษที่ 21 ได้

“มาร์ค” คาดถกปลดล็อกเพียวๆ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ว่า การหารือร่วมกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในวันที่ 7 ธ.ค.นี้ คาดว่าคงเป็นเรื่องการปลดล็อก เพราะไม่มีประเด็นอื่นที่ต้องหารือ เราต้องการให้การเลือกตั้งเป็นที่ยอมรับ ถ้ายังมีข้อจำกัดอยู่จะเป็นปัญหา คำสั่ง คสช.ล่าสุด สร้างปัญหาเรื่องการทำงานเป็นอิสระของ กกต. ทำไมต้องเอารัฐบาล กับ คสช. มาเกี่ยวข้องกับกระบวนการแบ่งเขตเลือกตั้ง เป็นเรื่องบั่นทอนความเชื่อมั่น ในข้อเท็จจริงเราทราบว่าพรรคการเมืองที่อิงอยู่กับผู้มีอำนาจในปัจจุบันเอาเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้งมาต่อรองดึงสมาชิกพรรคการเมืองอื่น

บอกดี “ป้อม” ส่งสัญญาณชัด

นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวท่าที พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ที่ยืนยันว่าจะมีการเลือกตั้งวันที่ 24 ก.พ.2562 แน่นอนว่า อะไรที่จะทำให้เกิดความชัดเจน ถือว่าดีสำหรับประเทศ ขณะนี้ทุกพรรคพร้อมและมุ่งไปสู่การเลือกตั้ง อะไรที่เดินไปตามปฏิทินที่กำหนดไว้ จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นต่อประเทศและรัฐบาล ส่วนผลสำรวจความเห็นที่ออกมาว่า คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย เหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ตนก็ดูอยู่หลายโพล ไม่มีปัญหา ถึงเวลาต้องแข่งขันกัน

ขวางส่งทหารประกบหาเสียง

เมื่อถามว่า ช่วงหาเสียงเลือกตั้งอาจมีการส่งทหารไปประกบผู้สมัคร ส.ส. นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ไม่เห็นความจำเป็นที่ คสช.ต้องส่งทหารไปประกบผู้สมัคร อยากถามว่าจะส่งไปประกบเพื่ออะไร เพราะมีกฎหมายรักษาความสงบเรียบร้อยอยู่แล้ว เชื่อว่าทุกพรรคไม่ต้องการให้เกิดความไม่สงบหรือขัดแย้งขึ้นอีก ทุกคนต้องการเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง จึงเป็นหน้าที่ของ กกต.ที่ต้องประกาศรูปแบบการหาเสียงให้ชัดเจน ไม่ให้เข้าข่ายขัดขวางการหาเสียง พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่าพร้อมส่งผู้สมัครครบทั้ง 350 เขต หลัง กกต.ประกาศแบ่งเขตเลือกตั้งแล้ว ไม่เกิน 3 สัปดาห์ตัวแทนสาขาพรรคประจำจังหวัด จะสำรวจความเห็นประชาชนในพื้นที่ เพื่อสรรหาผู้สมัครลงพื้นที่นั้นๆ

“จุรินทร์” โต้มีเวลาหาเสียง 40 วัน

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า วันนี้ควรมีคำตอบชัดเจนเรื่องปลดล็อกได้แล้ว หากมีเลือกตั้งวันที่ 24 ก.พ.2562 ตามที่ คสช.กำหนด จะมีการเปิดรับผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ในวันที่ 14-18 ม.ค. หมายความว่าผู้สมัครแต่ละพรรคจะมีเวลาหาเสียงหลังจากได้หมายเลขแล้วประมาณ 40 วัน ทุกฝ่ายต้องการเห็นการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ ยุติธรรม แม้ว่ากติกาคือรัฐธรรมนูญจะไม่เป็นธรรมตั้งแต่ต้น รวมทั้งพิธีกรรมทางการเมือง การใช้พลังดูดจะทำให้กลายเป็นตราบาปทางการเมืองของบางพรรค โดยเฉพาะการใช้พลังดูดต่อรองเรื่องคดีความ ถือเป็นการทำลายหลักนิติธรรมอย่างที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น กระบวนการที่เหลืออยู่ทุกฝ่ายยังต้องการเห็นความยุติธรรมของการแบ่งเขต การดูแลการเลือกตั้งของ กกต. และผู้เกี่ยวข้อง

จับตา กกต.แบ่งเขตซูเอี๋ยขาใหญ่

นายธนา ชีรวินิจ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันความพร้อมในการส่งผู้สมัครที่มีคุณภาพครบทั้ง 350 เขต เชื่อว่าประชาชนอยากได้นักการเมืองซื่อสัตย์ สุจริต ยึดมั่นผลประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง พรรคประชาธิปัตย์ในยุคนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะเป็นประชาธิปัตย์ที่ไม่เกรงใจใครอีกแล้ว ถ้าขัดหลักการ หรือผลประโยชน์ของประเทศ เราจะต่อสู้และยืนหยัด ทั้งนี้ นายกรณ์ จาติกวณิช เป็นประธานจัดทำนโยบายพรรคเสร็จสมบูรณ์แล้ว จะเริ่มแถลงตั้งแต่สัปดาห์หน้า ส่วนปัญหาการแบ่งเขตเลือกตั้งที่มีบางพรรคนำเรื่องนี้มาเจรจาต่อรองให้ย้ายพรรค เช่น จ.สุโขทัย กาญจนบุรี มีความพยายามทำให้ตัวเองได้เปรียบ ซึ่งนายอภิสิทธิ์ ทำหนังสือคัดค้านไปยัง กกต.แล้ว และพรรคจะตรวจสอบต่อไปว่า กกต.ได้ดำเนินการเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบหรือไม่ เพราะเป็นห่วงว่าจะทำให้บ้านเมืองเข้าสู่วงจรความขัดแย้งแบบเดิม

แฉสุโขทัยเริ่มเก็บบัตรประชาชน

นายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฏ์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า มีบางพรรคการเมืองใช้อำนาจรัฐและความได้เปรียบผ่านโครงการของรัฐ เพื่อทำลายคู่ต่อสู้ทางการเมือง มีการร้องเรียนว่าที่ จ.สุโขทัย ใช้การเก็บบัตรประชาชนอ้างว่าจะนำไปทำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การทำเช่นนี้จะนำไปสู่ปัญหาในอนาคต กกต. ต้องลงไปดู เพราะมีหลักฐานเป็นคลิปเสียงและภาพ แต่ยังไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะยังไม่มีประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง ฝากถึงประชาชนว่าต้องไม่หลงกลนักการเมืองประเภทชอบทวงบุญคุณ หรือมีความใกล้ชิดกับผู้มีอำนาจรัฐ ขณะที่ กกต.ต้องสร้างความเชื่อมั่น ไม่เป็นเครื่องมือของใคร

จวก “เด็กเทือก” หาเหตุตีรวน

นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าวนายวิรัช ร่มเย็น อดีต ส.ส.ระนอง พรรคประชาธิปัตย์ มีความขัดแย้งกับนายคมกฤษ ฉัตรมาลีรัตน์ นายก อบจ.ระนอง และสมาชิกพรรคภูมิใจไทย เรื่องการลงสมัคร ส.ส.ระนอง ว่า ข้อเท็จจริงนายวิรัชกับตระกูลฉัตรมาลีรัตน์ เป็นคู่แข่งกันในพื้นที่มาตลอด ที่บอกว่านายวิรัชผิดคำพูดไม่ยอมขึ้นบัญชีรายชื่อนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะพรรคประชาธิปัตย์ต้องการให้นายวิรัชลงสมัคร ส.ส.เขตเท่านั้น ยืนยันว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะชนะอย่างแน่นอน แม้ฝ่ายตรงข้ามจะใช้วิทยายุทธ อย่างไรก็ตาม เดิมตระกูลฉัตรมาลีรัตน์เป็นคนของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) พยายามกดดันให้นายวิรัชขึ้นบัญชีรายชื่อ แต่สุดท้ายทำไม่สำเร็จ ส่วนที่ไม่ยอมให้นายคมกฤษไปสังกัดพรรค รปช. เพราะมั่นใจว่าแพ้เลือกตั้งแน่นอน จึงให้ไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย ยืนยันว่าผู้สมัครของพรรค รปช.ของนายสุเทพ ในพื้นที่ภาคใต้จะสอบตกทั้งหมด

จัดแถวผู้สมัคร 3 จว.ภาคกลาง

นายธัญญนิธิ ชวรัตน์นิธิโชติ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคได้วางตัวผู้สมัคร ส.ส. ใน 3 จังหวัดกลาง คือ จ.ราชบุรี ได้แก่ นางกัลยา ศิริเนาวกุล พ.ต.ท.สันทัด เจียมสกุล นายชัยทิพย์ กมลพันธ์ทิพย์ นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ และนายชัยโรจน์ เอกอัครอัญธรณ์ จ.นครปฐม ได้แก่ พ.ท.สินธพ แก้วพิจิตร นายสมคิด เปี่ยมคล้า นายชวินชยาทิต ภาณหสตังไทรงาม นายสมชาย มณีรัตน์ นายสุรชัย อนุตธโต จ.นนทบุรี ได้แก่ ดร.วิภาวัลย์ วรวรรณปรีชา นายเฉลิมพล นิยมสินธุ์ นายกฤตพัศ อัจฉริยะประสิทธิ์ นายวิรัตน์ บรรดาศักดิ์ นายจำลอง ขำสา นายสัมฤทธิ์ ด้วงโสน ซึ่งพรรคได้สำรวจความนิยมแล้วได้รับการตอบรับดี มั่นใจว่าจะชนะยกทีม

พท.คุยโรงเรียนผลิตคนการเมือง

ที่พรรคเพื่อไทย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย 28 คน ลาออกไปสังกัดพรรคอื่นว่า ไม่เป็นปัญหา ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีอดีต ส.ส.ย้ายพรรค สมัยพรรคไทยรักไทยถูกรัฐประหารปี 2549 มีอดีต ส.ส.ออกไปกว่าครึ่ง จนถูกดูแคลนว่าได้แต่นกแลมา แต่ผลการเลือกตั้งออกมาปรากฏว่าประชาชนไว้ใจนกแล ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยพร้อมสร้างคนใหม่ ให้เกิดการปฏิรูปหลายส่วนประสบความสำเร็จ เขตที่มีคนลาออกไปจะมีผู้สมัครหน้าใหม่แทน คิดว่าพรรคเพื่อไทยเป็นโรงเรียนผลิตคนการเมือง มั่นใจว่าประชาชนดูที่นโยบายว่าพรรคใดทำสำเร็จ พรรคไหนแก้ปัญหาปากท้องได้

“หญิงหน่อย” ขอบคุณเสียงโหวต

เมื่อถามถึงผลสำรวจความคิดเห็นของนิด้าโพล ที่ประชาชนอยากให้คุณหญิงสุดารัตน์เป็นนายกฯ คนต่อไป คุณหญิงสุดารัตน์ตอบว่า การสำรวจโพลต่างๆ เป็นประโยชน์ที่จะเอามาเป็นข้อมูล เป็นไฟส่องทางในการทำงานต่อไป พร้อมน้อมรับฟังทุกโพล และขอบคุณประชาชนที่สนับสนุน ส่วนกระแสข่าวว่าตนจะลงสมัครแบบเขตนั้น ไม่ทราบ มีคนแถลงแบบไม่ปรากฏชื่อเรื่อยๆ แต่ขอว่าหากมีข้อสงสัยให้สอบถามโดยตรงได้ สำหรับกระแสข่าวนายพานทองแท้ หรือโอ๊ค ชินวัตร จะร่วมขึ้นเวทีเดินสายปราศรัยหาเสียงทั่วประเทศนั้น ยังไม่ถึงขั้นนั้น และยังแปลกใจกับกระแสข่าวเรื่องทีมหาเสียงที่มีออกมา เพราะความสามารถของนายพานทองแท้เน้นไปที่เรื่องเทคโนโลยี ซึ่งจะช่วยพรรคทำการประชาสัมพันธ์สื่อใหม่และกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้

เย้ยอดีต ส.ส.เลือกผิดสอบตก

นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตัวเลขอดีต ส.ส.ที่ลาออกไปอยู่พรรคอื่น ไม่นับรวมที่ไปพรรคไทยรักษาชาติ อยู่ที่ 28 คน สิ่งสำคัญอยู่ที่พรรค หากประชาชนไว้ใจจะเป็นตัวแปรสำคัญทำให้เขาเลือก การที่อดีต ส.ส.ประมาณ 50 คนไหลไปอยู่พรรคผู้มีอำนาจ แต่การเลือกตั้งทุกครั้งจะมีตัวเลข 20-30% ที่อดีต ส.ส.ไม่สามารถกลับเข้าสภาได้ ตรงนี้ต้องมาพิสูจน์กันว่าช่วง 4-5 ปี ที่ผ่านมา ที่ประชาชนได้เผชิญกับสถานการณ์ต่างๆ เขาอยากได้คณะรัฐบาลที่ตอบสนองการแก้ปัญหาแบบไหน อดีต ส.ส.เองหากเลือกอยู่ผิดข้าง โอกาสกลับคืนเข้าสภาฯ ก็มีไม่มาก ยืนยันว่าเราไม่มีปัญหาเพราะมีบุคลากรที่มีคุณภาพให้ประชาชนเลือกใช้งานมากกว่าจำนวนเขตที่มีอยู่ มั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยมีเครดิตเพียงพอที่ประชาชนจะฝากความไว้วางใจได้

ท้า “บิ๊กตู่” ยืนหน้าสปอตไลต์

เมื่อถามว่าพวกที่ออกไปมีเจตนาลาออกช่วงสุดท้ายให้หาตัวผู้สมัครไม่ทัน นายภูมิธรรมตอบว่า เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ การตัดสินใจย้ายออกจากพรรคเพื่อไทยไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะคะแนนนิยมที่มีต่อพรรค ส่วนกระแสยุบพรรคนั้นเราไม่เคยกังวล แม้ช่วง 3 วันสุดท้ายก่อนวันที่ 26 พ.ย. มีการปล่อยข่าวเรื่องนี้ ก่อให้เกิดความสับสนในหมู่นักการเมือง แต่คดีความต่างๆไม่ได้ไปไกล สำหรับนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ ตอนนี้ยังเป็นสมาชิกพรรคอยู่ อย่างไรก็ตามไม่ได้เป็นห่วงว่า พล.อ.ประยุทธ์จะกลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้งตามข้อกฎหมายใด แต่สิ่งสำคัญกว่านั้นคือความสง่างาม สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ควรทำคืออาสาตัวเองเข้ามายืนหน้าสปอตไลต์ ให้ประชาชนเห็นเพื่อตัดสินใจว่าจะให้ทำงานต่อไปหรือไม่ เหมือนนักการเมืองทั่วไป ดีกว่ายืนอยู่ห่างๆ ให้ตัวเองได้เปรียบทุกอย่าง แบบนั้นไม่สง่างาม ส่วนที่ คสช.ให้เวลาหาเสียง 60 วันนั้น ไม่ใช่เรื่องน้อยหรือมาก แต่ผิดวิสัยที่ประเทศประชาธิปไตยเขาทำกัน ทุกคนเห็นอยู่แล้วว่ารัฐบาลใช้ทุกช่องทางชิงความได้เปรียบ แต่ทุกพรรคพร้อมสู้ เพราะเชื่อว่าประชาชนดูอยู่

“เอนก” จี้ผู้นำแสดงความชัดเจน

นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย กล่าวว่า ในการหารือร่วมวันที่ 7 ธ.ค. หากมีการปลดล็อกอยากให้เป็นไปตามมารยาทการเมือง ต้องให้เวลาพรรคการเมืองหาเสียง ส่วนการเสนอบัญชีรายชื่อนายกฯ ของพรรครวมพลังประชาชาติไทย ยังไม่มี ส่วนท่าทีที่ยังไม่ชัดเจนของ พล.อ.ประยุทธ์นั้น ส่วนตัวเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ ต้องมีความชัดเจนทางการเมือง เพราะถือว่าเป็นผู้ใหญ่ เป็นผู้นำประเทศและผู้นำรัฐบาล

ฉะ “วัฒนา” ผลักมิตรเป็นศัตรู

ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. และกองเชียร์พรรคเพื่อชาติ ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กว่า เห็นเฟซบุ๊กนายวัฒนา เมืองสุข สมาชิกพรรคเพื่อไทย พูดถึงการย้ายพรรคของอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย โดยรวมพรรคเพื่อชาติไปอยู่ในกลุ่มเดียวกับพรรคพลังประชารัฐ แล้วเอาพรรคเพื่อไทยและพรรคไทยรักษาชาติเป็นพวกเดียวกัน เหมือนว่าได้จัดกลุ่มก้อนทางการเมืองให้พรรคเพื่อชาติไปอยู่ซีกเดียวกับพลังประชารัฐ ไม่ทราบว่านายวัฒนาต้องการอะไร หากไม่ชี้แจงปล่อยให้เข้าใจเช่นนี้จะเกิดความเสียหาย อยากเตือนว่าถ้ายังไม่หยุด ก็พร้อมเป็นคู่วิวาทได้ทุกวันกับนายวัฒนา ตนเป็นคนตรงไปตรงมา ประเภทหาเศษหาเลยไม่นิยม การรบกับศัตรูยังไม่พออีกหรือ คิดจะมารบกับหมู่มิตร ฝากให้คิดดีๆ ถ้ายังคิดไม่ได้ตนพร้อมทุกกรณี

“ธนาธร” ลั่นปลดโซ่ตรวนทุน

ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวบรรยายพิเศษหัวข้อ ความสัมพันธ์ของธุรกิจกับการเมืองว่า นโยบายและกฎหมายของทุกประเทศ ล้วนมีที่มาจากการต่อสู้เรียกร้องผลประโยชน์ ระหว่างรัฐ ภาคประชาสังคม และกลุ่มทุนที่มีอิทธิพล แต่ในประเทศไทยถูกกดทับด้วยโครงสร้างที่ไม่เป็นธรรมมานาน ทำให้ประเทศของเราเศรษฐกิจตกต่ำต่อเนื่อง ประชาชนจำนวนมากต้องยากลำบาก เพราะความเหลื่อมล้ำ เนื่องจากระบบทุนนิยมผูกขาดที่เอื้อประโยชน์ให้กับแค่ไม่กี่ตระกูล เข้าไปเกาะกินผลประโยชน์จากรัฐ ด้วยธุรกิจสัมปทานผูกขาด หากเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลง โครงสร้างที่กดทับนี้ได้ เราจะไม่สามารถพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าได้เลย

“สมศักดิ์” ให้รอดูนโยบายอีก 7 วัน

ช่วงบ่ายที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจในการรณรงค์การหาเสียงเลือกตั้งพรรคพลังประชารัฐ เรียกประชุมคณะกรรมการนัดแรก มีสมาชิกที่เข้าร่วม อาทิ นายอนุชา นาคาศัย นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข นายภิรมย์ พลเศษ นายสมศักดิ์กล่าวก่อนประชุมว่า เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้เตรียมพร้อมในข้อกฎหมาย ส่วนนโยบายพรรคจะนำเอานโยบายรัฐบาล และความโดดเด่นของตัวผู้สมัคร มาใช้หาเสียง ส่วนจะมีจุดขายอะไรดึงดูดนั้นขอให้รอดูภายใน 7 วันนี้

ย้อน “อภิสิทธิ์” จะไปจับมือใครได้

นายสมศักดิ์ยังกล่าวถึงผลโพลคะแนนนิยม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาเป็นอันดับ 1 ว่า เพราะ พล.อ.ประยุทธ์และพรรคพลังประชารัฐอยู่แถวหน้ามาตลอด มีปัจจัยความสงบสุขของบ้านเมือง สร้างความมั่นใจแก่ประชาชน ไม่ทำให้นักลงทุนและนักท่องเที่ยววิตกเหมือนอดีต เช่น ความวุ่นวายในการประชุมผู้นำอาเซียนปี 2552 เมื่อถามว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศไม่มีทางจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ แน่นอน นายสมศักดิ์ย้อนถามว่า “คุณอภิสิทธิ์พูดอย่างนั้นเหรอ แล้วจะไปจับกับใครล่ะ”

นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า “โอ๊ย ไม่จับหรอก แต่วิ่งตามมาเลย เชื่อผมเถอะอยู่การเมืองมา 30 กว่าปี ที่บอกว่าไม่จับๆ สุดท้ายก็วิ่งตามมาหมด”

แขวะ พท.รู้แก่ใจใครเกรดไหน

นายปรีชายังกล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทย ระบุว่าอดีต ส.ส.ส่วนใหญ่ที่ย้ายมาพรรคพลังประชารัฐ เป็นพวกแถวสามที่ไม่ใช่ตัวเด่นนั้น ขอให้ดูรายชื่อ เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยเองรู้อยู่แก่ใจ ไม่อย่างนั้นอดีตรัฐมนตรีจะย้ายมาทำไม ตนไม่เคยกลัวพรรคไหน คนที่ตนต้องกลัวคือประชาชน เพราะเป็นผู้ที่ต้องกาคะแนน และกระแสพื้นที่ตอนนี้ก็ดี โดยเฉพาะ จ.เลย มั่นใจ 100 เปอร์เซ็นต์ได้ยกจังหวัด

ทษช.วาง “พิชัย-พิชิต” ดูงานสำคัญ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคไทยรักษาชาติว่า คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ได้ประชุมเพื่อจัดแบ่งงาน โดยที่ประชุมมอบหมายให้นายพิชิต ชื่นบาน เป็นประธานคณะทำงานด้านกฎหมาย นายพิชัย นริพทะพันธุ์ เป็นประธานคณะทำงานด้านเศรษฐกิจ นายปิยวัชร นิยมฤกษ์ อดีตรองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ประธานคณะทำงาน ด้านต่างประเทศ โดยตำแหน่งทั้งหมด ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรค และนายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์พรรค จะเป็นผู้เปิดเผยรายละเอียดอีกครั้ง

“บิ๊กป้อม” ลุยอีสานคืนโฉนดที่ดิน

อีกเรื่อง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เดินลงพื้นที่ภาคอีสานตอนบน ที่โรงเรียนเลยพิทยาคม จ.เลย เพื่อมอบทรัพย์สินส่งคืนให้ประชาชนจากมาตรการบังคับใช้กฎหมายขับเคลื่อนแก้ปัญหาหนี้นอกระบบพร้อมกันทั่วประเทศ โดย พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า พื้นที่ภาคอีสานมีประชาชนเป็นหนี้นอกระบบสะสมมากถึง 560,000 ราย ขอให้หน่วยงานรัฐในพื้นที่เร่งเข้าไปช่วยเหลือปลดล็อกปัญหาหนี้นอกระบบที่เป็นกับดักความยากจนของประชาชน และขอบคุณทุกส่วนราชการที่พยายามแก้ปัญหา โดยเฉพาะศูนย์ปฏิบัติการป้องกันปราบปรามการฉ้อโกงทรัพย์สินของประชาชน สามารถไกล่เกลี่ยคืนทรัพย์สินพร้อมกันทั่วประเทศแล้ว 5 ครั้งมูลค่ารวม 13,736 ล้านบาท เป็นโฉนดที่ดิน 9,526 ฉบับ พื้นที่ 31,838 ไร่

นำตัว “บุญทรง” ไป รพ.ตำรวจ

วันเดียวกันเวลา 17.20 น. พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงกรณีนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ผู้ต้องหาเรือนจำกลางคลองเปรม ในคดีทุจริตระบายข้าวจีทูจีต้องโทษจำคุก 42 ปี มีอาการป่วยเป็นโรคหมอนรองกระดูกสันหลังอักเสบบริเวณต้นคอ ว่า ช่วงค่ำวันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่เรือนจำนำนายบุญทรงไปส่งให้อยู่ในความดูแลของโรงพยาบาลตำรวจ พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ 2 นาย ไปควบคุมป้องกันการหลบหนี ทั้งนี้ การส่งตัวไปรักษาเนื่องจากแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ มีหนังสือขอตัวมา เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนผ่าตัด เพราะทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ไม่สามารถรักษาโรคดังกล่าวได้ ส่วนต้องผ่าตัดเมื่อไหร่ ต้องรอความพร้อม และความเห็นของแพทย์

นายกฯยันจัด ลต.ยุติธรรมสุดๆ

เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 27 พ.ย. (ตามเวลาท้องถิ่นช้ากว่าไทย 6 ชั่วโมง) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ที่อยู่ระหว่างการเยือนสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี วันที่ 27-29 พ.ย. ได้พบปะพูดคุยกับคนไทยจากชุมชนไทยในเยอรมนี พร้อมรับชมการแสดงรำไทยจากเยาวชนเชื้อสายไทย-เยอรมนี พร้อมกล่าวว่า รัฐบาลจะจัดการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรมที่สุด การย้ายพรรคของนักการเมือง ถือเป็นกลไกทางการเมือง ในฐานะนายกฯไม่มีอำนาจในส่วนนี้ เชื่อว่าทุกคนคงไม่ลืมประเทศไทย แต่ตอนนี้มีแต่ความขัดแย้งกันเอง ประชาธิปไตยคือการรับฟังเสียงส่วนใหญ่ ยืนยันว่าทำงานไม่ได้หวังผลประโยชน์ ที่ผ่านมาสังคมบิดเบือนปราศจากความปรองดอง แต่ตนทำให้ทุกคนดูโทรทัศน์ช่องเดียวกันได้แล้ว วันนี้ไม่ได้มาเรื่องการเมือง แต่มาเยี่ยมคนไทยเอาหัวใจมาฝาก ขอให้รักน้อยๆแต่รักนานๆ เพราะรักหวือหวาเดี๋ยวก็เลิกรัก

“อังเกลา” อวยพรให้เลือกตั้งสำเร็จ

ต่อมาเวลา 12.30 น.วันที่ 28 พ.ย. (ตามเวลาท้องถิ่นช้ากว่าไทย 6 ชั่วโมง) ที่สำนักนายกรัฐมนตรีสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. เข้าพบหารือกับนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี จากนั้นมีการแถลงข่าวร่วมกัน นางอังเกลา แมร์เคิล กล่าวว่า มีความยินดีต่อพัฒนาการการเมืองของไทยที่กำลังจะมีการเลือกตั้งต้นปีหน้า ขอให้ไทยประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง เยอรมนีพร้อมขับเคลื่อนความสัมพันธ์และความร่วมมือต่างๆให้ประสบผลสำเร็จต่อไป ขณะที่นายกฯกล่าวว่า ขอบคุณที่รัฐบาลเยอรมนีให้การต้อนรับอย่างสมเกียรติ เยอรมนีถือเป็น 1 ในพันธมิตรที่ยาวนานและสำคัญที่สุดของไทยในยุโรป มีความสัมพันธ์ระหว่างกันยาวนานถึง 156 ปี ตั้งเป้าเพิ่มพูนการค้าให้ถึง 1.5 หมื่นล้านยูโรภายในปี 2563 พร้อมส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนที่ยั่งยืนผ่านความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การพัฒนาประเทศ เยอรมนีเป็นต้นแบบการพัฒนาของไทยในหลายด้าน โดยเฉพาะเป็นต้นแบบและแรงบันดาลใจในการขับเคลื่อนสู่อุตสาหกรรม 4.0