สารภาพแล้วไอ้หื่นในคราบพลเมืองดี ขี่จยย.อาสาพานักศึกษาสาว ม.ดังนครปฐม ไปส่งทำกิจกรรมจิตอาสาที่องค์พระฯ แต่กลับเลี้ยวเข้าม่านรูด ข่มขืนยับ ตร.ย่องพาไปทำแผนกลัวโดนประชาทัณฑ์พร้อมคัดค้านประกัน
จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัว นายอนุรักษ์ โชติชูทิพย์ อายุ 35 ปี อาชีพรับจ้าง อยู่บ้านเลขที่ 37-39 ถนน 25 มกรา ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมืองนครปฐม ผู้ต้องหาตามหมายจับศาล จ.นครปฐม ข้อหาข่มขืนกระทำชำเรา น.ส.เอ (นามสมมติ) นักศึกษา ชั้นปี 2 อายุ 20 ปี ที่นัดกับกลุ่มเพื่อนเพื่อไปจัดกิจกรรมเป็นจิตอาสาช่วยในงานองค์พระปฐมเจดีย์ แต่ผู้เสียหายมาช้ากลุ่มเพื่อนจึงไปกันก่อน ขณะยืนรอ จยย.รับจ้าง คนร้ายเห็นเหยื่อยืนรอรถอยู่ริมถนน ออกอุบายอาสาพาไปส่ง เมื่อเด็กนักศึกษาขึ้นรถ กลับไม่พาไปส่งที่องค์พระฯ ตามที่บอก ย้อนรถวนกลับไปที่ถนนมาลัยแมนแล้วเลี้ยวพาเข้าโรงแรมม่านรูดไปข่มขืนทันที
ทั้งนี้ตำรวจได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด เห็นทะเบียนรถ จยย.ของคนร้ายชัดเจนและทราบว่าคนร้ายเป็นใคร จึงขอหมายศาลจังหวัดครปฐมจับกุมตัวได้ขณะหลบอยู่ภายในบ้าน พร้อมรถ จยย. เบื้องต้นให้การปฏิเสธว่าไม่รู้เห็นใดๆ ทั้งสิ้น เหตุเกิดเมื่อวันที่ 26 พ.ย.61 เวลา 18.00 น. ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น. ของวันที่ 28 พ.ย.61 ที่ สภ.เมืองนครปฐม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัว นายอนุรักษ์ โชติชูทิพย์ อายุ 35 ปี ที่ตกเป็นผู้ต้องหาข่มขืน น.ส.เอ ครบกำหนด 48 ชั่วโมง ต้องนำตัวไปฝากขังยังศาล จ.นครปฐม โดยมีภรรยาและญาติได้เดินทางมาเยี่ยมที่ห้องขัง พร้อมหอบหิ้วอาหารน้ำดื่มและนำเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้ แต่ไม่ยอมพูดคุยกับผู้สื่อข่าว
จนกระทั่งถึงเวลา 10.00 น. ได้เวลาส่งตัวผู้ต้องหานำไปส่งศาลนครปฐม เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวลงจากห้องขัง โดยมีผู้ต้องหารายอื่นอีก 4 ราย เดินเรียงรายสวมกุญแจมือและมีโซ่ร้อยติดกัน ส่วนนายอนุรักษ์เปลี่ยนเสื้อผ้าโดยมีเสื้อคลุมแขนยาวแบบมีหมวกคลุมสวมทับและสวมกางเกงขาสั้นหลากสีปิดหน้าปิดตามิดชิดป้องกันไม่ให้สื่อมวลชนถ่ายภาพ เดินรวมกลุ่มกับผู้ต้องหารายอื่น ตำรวจพาขึ้นรถส่งผู้ต้องหาแล้วเดินทางไปยังศาลจังหวัดนครปฐม
...
พ.ต.อ.ไพฑูรย์ พิทักษ์ธรรม ผกก.สภ.เมืองนครปฐม เผยว่า สำหรับคดีนี้ นายอนุรักษ์ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพแล้วว่าเป็นผู้ก่อเหตุ โดยตำรวจนำตัวมาสอบสวนทั้งคืน จนจำนนด้วยหลักฐานกล้องวงจรปิด กระทั่งเวลา 00.00 น. ของวันที่ 28 พ.ย.61 ผู้ต้องหายอมรับสารภาพ จากนั้นได้ให้ตำรวจไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ตั้งแต่จุดทำตัวเป็นพลเมืองดีขี่ จยย.เข้าไปรับอ้างจะไปส่งให้ จนย้อนเส้นทางเพราะรถติดแล้วมุ่งหน้าไปยังโรงแรมม่านรูด เข้าเปิดห้องล็อกตัวเข้าไปภายในห้องทำร้ายร่างกายและขู่ไม่ให้ร้อง ลงมือข่มขืนจนกระทั่งเสร็จกิจแล้วขู่บังคับไม่ให้นำเรื่องบอกใคร รวมทั้งขู่ว่าจะฆ่า ก่อนที่จะรีบออกจากโรงแรมหลบหนีไป ในการทำแผนครั้งนี้ผู้ต้องหายินยอมทุกอย่าง ประกอบกับไม่ต้องการให้เรื่องเอิกเกริก เพราะกลัวว่าอนาคตเด็กจะเสีย และหากคนทราบข่าว อาจจะมารุมประชาทัณฑ์ได้
พ.ต.อ.ไพฑูรย์ ยังกล่าวอีกว่า ในการนำตัวส่งฝากครั้งนี้ ได้ทำเรื่องคัดค้านการประกันตัวจากศาล ด้วยเพราะกลัวว่าหากผู้ต้องหาออกมาอาจจะมาข่มขู่หรือคุกคามน้องนักศึกษาด้วย จึงทำเรื่องคัดค้าน นอกจากนี้ยังสั่งให้มีการตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหาด้วยว่าเคยก่อเหตุในลักษณะนี้มาบ้างหรือไม่ หรือมีคดีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดหรือไม่ เพื่อเป็นข้อมูลแจ้งข้อหาเพิ่มเติมอีก.