ไฮไลต์จาก BMW และ MINI ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2019
BMW M850i xDrive Coupe ใหม่
BMW X5 xDrive30d M Sport ใหม่
BMW M2 Competition ใหม่
BMW M4 Convertible Edition 30 Years ใหม่
BMW X3 xDrive20d xLine และ M Sport รุ่นประกอบในประเทศ
MINI Hatch 3 ประตู และ 5 ประตู Oxford Edition
รถยนต์ต้นแบบ MINI John Cooper Works GP
สัมผัส BMW เสมือนจริงผ่าน HTC Vive VR Headset
...
BMW Group Thailand พร้อมยกทัพยานยนต์พรีเมียม ทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ BMW รวมถึง MINI มุ่งหน้าสู่งานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 35 ซึ่งจะจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน ถึง 10 ธันวาคม 2561 ที่ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 อิมแพค เมืองทองธานี นำขบวนโดยรถสปอร์ตจีทีรุ่นใหม่ล่าสุด BMW M850i xDrive Coupe สมาชิกใหม่ในเซกเมนต์สปอร์ตลักชัวรี่ ตามด้วย BMW new X5 xDrive30d M Sport 2019 มาพร้อมดีไซน์ใหม่ของเอสยูวีไซล์โตพร้อมการขับที่เน้นไดนามิก BMW M2 Competition สปอร์ตคูเป้เล็กพริกขี้หนู เครื่องยนต์ปรับใหม่ให้มีกำลังมากขึ้น BMW M4 Convertible Edition 30 Years ออกแบบพิเศษกับเอกลักษณ์รถสปอร์ตเปิดประทุนสมรรถนะสูง และปิดท้ายด้วย BMW X3 xDrive20d xLine และ M Sport รุ่นประกอบในประเทศที่โรงงาน BMW ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง
...
สำหรับแบรนด์ MINI ยังเตรียมต้อนรับแฟนๆ ด้วยรถ MINI Hatch Oxford Edition รุ่น 3 ประตู และรุ่น 5 ประตู พร้อมเผยโฉมรถยนต์ต้นแบบ MINI John Cooper Works GP เจ้าสนามแข่ง ที่จะมาปรากฏตัวให้ยลโฉมกันเป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
คริสเตียน วิดมานน์ ประธาน BMW Group Thailand กล่าวว่า "งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 35 สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของ BMW ที่มีต่อโลกของการขับขี่และการเดินทางในอนาคต ภายใต้คอนเซ็ปต์ "ขับสนุก! ก่อนยุคไร้คนขับ” ถึงแม้ BMW จะยังคงค้นหาและสำรวจความเป็นไปได้ใหม่ๆ ในด้านเทคโนโลยีการขับขี่แบบอัตโนมัติ ผ่านทางรถต้นแบบล้ำยุคอย่าง BMW Vision iNEXT และกลยุทธ์ ACES (Autonomous, Connected, Electrified, Shared) ขณะเดียวกัน BMW Group Thailand ก็ยังคงมุ่งมั่นมอบความสุขให้กับทุกคนที่รักการขับขี่ด้วยตนเองเช่นกัน และทัพยนตรกรรมที่นำเสนอภายในงาน พร้อมรถยนต์รุ่นใหม่ตระกูล M และ X ไปจนถึง MINI ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นได้ดี”
ท่องไปในโลกเสมือนจริงด้วยเทคโนโลยีจาก BMW
นวัตกรรมที่บูธ BMW ในปีนี้คืออุปกรณ์ HTC Vive VR Headset ซึ่งจะมอบประสบการณ์ดิจิทัลที่สมจริงให้ลูกค้า ถือเป็นก้าวแรกในการใช้เทคโนโลยี VR นำเสนอรถยนต์ให้ลูกค้าได้สัมผัสในทุกรายละเอียด ช่วยในการเลือกรถยนต์และช่วยตัดสินใจ ไม่ว่าจะเป็นการลองเลือกชุดแต่งและสีได้ตามใจชอบ รวมไปถึงได้สัมผัสรายละเอียดเบาะที่นั่ง และความแวววาวของตัวรถจากแสงตกกระทบยามค่ำคืน
...
อุปกรณ์เฮดเซ็ตนี้ประกอบไปด้วยหน้าจอแสดงผลความละเอียดสูงสองจอ พร้อมด้วยระบบติดตามตำแหน่งของผู้สวมใส่ด้วยเลเซอร์ ครอบคลุมพื้นที่ขนาด 5x5 เมตรในแอปพลิเคชันโลกเสมือนจริงของบีเอ็มดับเบิลยู สำหรับภาพกราฟฟิกภายในแอป พัฒนาขึ้นจากซอฟต์แวร์ Unreal Engine 4 โดยบริษัท เอพิค เกมส์ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังการพัฒนาเกมคอมพิวเตอร์ที่มีภาพสวยงามที่สุดในตลาด จึงทำให้ลูกค้าเห็นภาพรถยนต์ที่สมจริงในทุกองศา ตอบสนองต่อทุกการเคลื่อนไหวของผู้สวมเฮดเซ็ตได้อย่างรวดเร็วด้วยการแสดงผลที่ความเร็ว 90 เฟรมต่อวินาที ทั้งนี้ อุปกรณ์ VR ชุดนี้ทำงานร่วมกับเครื่องคอมพิวเตอร์สมรรถนะสูงที่ใช้ฮาร์ดแวร์รุ่นล่าสุดอันทรงพลัง พร้อมด้วยระบบทำความเย็นด้วยน้ำ เพื่อสรรสร้างภาพกราฟฟิกที่สวยสมจริงเหนือจินตนาการ
...
ไฮไลท์รถยนต์ BMW ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 35
BMW M850i xDrive Coupe ราคา 12,999,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)
นิยามใหม่ของรถสปอร์ตคูเป้ BMW M850i xDrive Coupe รถสปอร์ตทรง GT ที่เน้นความปราดเปรียล้ำสมัยเข้าไว้ด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ การเปิดตัวสมาชิกรุ่นแรกของ BMW Series-8 เป็นก้าวใหม่ของ BMW ในเซกเมนต์รถสปอร์ต M850i เป็นผลงานชิ้นเอกของ BMW ในตลาดยานยนต์ระดับพรีเมียม
M850i xDrive Coupe ใช้แนวทางการดีไซน์รูปแบบใหม่อันทรงพลัง ชุดแต่ง M Performance สอดรับกับทรงที่ลาดต่ำในแบบ GT เส้นสายและโค้งเว้าอันสง่างาม ทั้งที่บริเวณกระโปรงหน้าและตลอดแนวตัวถัง เอกลักษณ์กระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดใหญ่ ช่วงล่างของกระจังหน้ากว้างออกเพื่อเน้นย้ำถึงจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำของตัวรถ ช่องดักอากาศขนาดใหญ่ทั้งสองข้างช่วยเสริมสมรรถนะด้านแอโรไดนามิกส์ของตัวรถ คู่ไปกับสปอยเลอร์หน้าที่ทำหน้าที่ลดแรงยกบริเวณเพลาหน้า BMW M850i xDrive Coupe มาพร้อมไฟหน้า LED ที่ติดตั้งระบบ BMW Laserlight ในรูปทรงที่เล็กเรียว เป็นระบบส่องสว่างที่เล็กกว่าไฟหน้าของ BMW รุ่นอื่นๆ ไฟหลักทั้งสองดวงนำมาใช้งานได้ทั้งสำหรับไฟขับขี่ในเวลากลางวัน (daytime driving lights) และการควบคุมไฟสูง-ต่ำแบบอัตโนมัติด้วย High-beam assistant
หัวใจในการขับเคลื่อนของ BMW M850i วางเครื่องยนต์ V8 TwinPower Turbo พัฒนาใหม่ล่าสุด BMW M850i xDrive Coupe วางเครื่องยนต์เบนซิน แบบ V8 สูบ มีกระบอกสูบทั้งหมด 8 ตำแหนาง ปริมาตรความจุ 4.4 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 390 กิโลวัตต์ หรือ 530 แรงม้า ที่ 5,500 – 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 750 นิวตันเมตร ที่ 1,800 – 4,600 รอบต่อนาที เร่งความเร็วจากหยุดนิ่ง 0- 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 3.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
โครงสร้างตัวถัง เทคโนโลยีการขับขี่ และระบบช่วงล่าง ได้รับการออกแบบมาเพื่อสมรรถนะการขับเคลื่อน M850i และ M8 GTE ที่เป็นรถแข่ง Endurance ตัวเลขการกระจายน้ำหนักอย่างสมมาตร 50-50 (น้ำหนักตกที่ด้านหน้า-หลัง เท่ากัน) พร้อมโครงสร้างตัวถังและระบบขับเคลื่อนที่ผลิตจากวัสดุอะลูมิเนียม แมกนีเซียม และคาร์บอนไฟเบอร์ ให้คุณสมบัติความแข็งแรงและมีน้ำหนักเบา M850i xDrive Coupe มีระบบ Driving Experience Control เพิ่มความสนุกให้แก่การควบคุมด้วยโหมด ADAPTIVE พร้อมรองรับการตั้งค่าขับขี่ในโหมด COMFORT และ ECO Pro หรือโหมด SPORT และ SPORT+ ให้ผู้ขับสามารถใช้งานในเมืองได้อย่างคล่องตัว หรือขับทางไกลได้อย่างราบรื่น ชุดแต่ง M Performance ของ M850i xDrive Coupe เติมเต็มจิตวิญญาณของมอเตอร์สปอร์ตจาก M-Power ช่วงล่างแบบ Adaptive M Suspension Professional สปอยเลอร์หลัง M ล้ออัลลอยน้ำหนักเบาลาย Y-spoke ขอบ 20 นิ้ว พวงมาลัยหุ้มหนังพร้อมสวิชท์ควบคุมมัลติฟังก์ชั่น M หลังวงพวงมาลัยมีแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle shift ชุดแต่งภายนอกสีดำเงา ภายในตกแต่งด้วยสแตนเลสสตีล และผลึกแก้ว ‘CraftedClarity’ ไฟบริเวณขอบประตูที่ส่องสว่างด้วยเอกลักษณ์ชื่อรุ่น
ภายในของ M850i xDrive Coupe หรูหราสง่างามด้วยงานตัดเย็บและการคัดเลือกวัสดุคุณภาพสูงเพื่อสร้างความพึงพอใจ การออกแบบแผงหน้าปัดใหม่กับหน้าปัดมาตรวัดแบบจอภาพ TFT เบาะนั่งและอุปกรณ์ต่างๆ ให้ความสะดวกสบายและความปลอดภัย ผลึกแก้วที่ตกแต่งบริเวณคันเกียร์พร้อมสัญลักษณ์เลข 8 ปุ่ม iDrive ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ และปุ่มควบคุมเสียง ออกแบบใหม่ทั้งหมด เบาะหน้า-หลังแบบใหม่ในสไตล์สปอร์ต หุ้มด้วยหนังแท้ Merino ตำแหน่งของที่นั่งปรับระดับให้ต่ำลงมากกว่าเดิม
M850i xDrive Coupe นี้ ยังเป็นอีกหนึ่งก้าวสู่ยุคแห่งยานยนต์ไร้คนขับ ด้วยระบบ Parking Assistant Plus และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่ล้ำสมัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติที่สามารถตรวจจับรถและคนเดินถนนด้วยความเร็วต่ำ (Person Warning with City Braking Function) ระบบเตือนเพื่อป้องกันการชนด้านหลัง (Rear-collision prevention) ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องจราจร (Lane Departure Warning) ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตา (Blind spot detection) ระบบเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง (Crossing-traffic warning rear) และระบบเตือนป้ายจราจร (Speed limit info and no-overtaking indicator) แสดงผลด้วยแผงหน้าปัดดิจิทัลเต็มรูปแบบ และหน้าจอ Control Display ขนาด 10.25 นิ้ว พร้อม BMW Head-Up Display เวอร์ชั่นล่าสุด ฉายภาพขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม 16% ในรูปแบบสามมิติ M850i xDrive Coupe ติดตั้งระบบเชื่อมต่อ BMW ConnectedDrive ระบบ iDrive เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด และฟังก์ชั่น BMW Gesture Control เป็นอุปกรณ์พื้นฐาน
BMW new X5 xDrive30d M Sport 2019
ยังไม่ประกาศราคาอย่างเป็นทางการ
BMW นำ new X5 รุ่นใหม่ล่าสุดมาโชว์โฉมที่แท้จริง ด้วยการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับรถยนต์ในกลุ่ม Sports Activity Vehicle ตระกูล X5 เจเนอเรชั่นที่ 4 ด้วยรูปลักษณ์อันเฉพาะตัวของ Sports Activity Vehicle แต่มาในรูปแบบของดีไซน์ใหม่หมดหัวจดท้าย พื้นผิวตัวถังราบเรียบ ตัดกับเส้นสายที่เฉียบคมและดุดัน new X5 รุ่นล่าสุดมีขนาดใหญ่ขึ้น โดยมีความยาวถึง 4,922 มิลลิเมตร กว้าง 2,004 มิลลิเมตร และสูง 1,745 มิลลิเมตร ปริมาตรความจุห้องเก็บสัมภาระท้ายเมื่อยังไม่พับเบาะ 650 ลิตร และจะเพิ่มเป็น 1,870 ลิตร เมื่อพับเบาะผู้โดยสารตอนหลัง
new X5 มาพร้อมชุดแต่ง M Aerodynamics ขอบกระจกประตูสีดำ แรคหลังคาสีดำเงา กระจังหน้าทรงไตคู่ใช้ผิวอลูมิเนียมแบบด้าน ชุดเบรกและช่วงล่าง M Sport ล้ออัลลอย M ขนาด 22 นิ้ว ลาย Double-spoke ระบบส่งกำลังใช้เกียร์อัตโนมัติ ZF 8 สปีด แบบ Steptronic เครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียง 6 สูบ วางตามยาวขับเคลื่อน 4 ล้อ เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo กำลังสูงสุด 195 กิโลวัตต์ หรือ 265 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 620 นิวตันเมตร ที่ 2,000-2,500 รอบต่อนาที เร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 6.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
BMW new X5 คล่องตัวด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive เจเนอเรชั่นล่าสุด ที่ได้รับการพัฒนากำลังขับเคลื่อนและควบคุมการทรงตัว การถ่ายแรงขับเคลื่อนอย่างนุ่มนวลช่วงล่างแบบ Adaptive M ระบบควบคุมการยึดเกาะถนน (Dynamic Traction Control) ระบบ Driving Experience Control สำหรับเลือกรูปแบบการขับขี่พร้อมโหมด ECO PRO และระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (Dynamic Stability Control)
ห้องโดยสารของ new X5 2019 ใช้วัสดุคุณภาพสูงและดีไซน์ที่สอดรับกับการใช้งานบนความสะดวกสบาย ระบบควบคุมที่ล้ำสมัย แผงหน้าปัดดิจิทัลและจอ Control Display ออกแบบทั้งกราฟฟิคและดีไซน์เพื่อเชื่อมโยงการใช้งาน เบาะนั่งหนังแท้ Dakota พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบ M Sport ฟีเจอร์อื่น ๆ เช่น หลังคากระจกแบบ Panorama ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นเก่า 30% เบาะหลังพับได้แบบ 40 : 20 : 40 รองรับปริมาตรการบรรจุของตั้งแต่ 645 ลิตรถึง 1,870 ลิตร ฝาท้ายแบบใหม่แยกเปิดสองส่วนเพื่อให้สะดวกต่อการขนย้ายสัมภาระ ซึ่งสามารถเปิดปิดอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้า ระบบช่วยขับแบบล่าสุด เช่น ระบบ Parking Assistant Plus ที่มาพร้อมกับระบบช่วยถอยรถในทิศทางเดิมแบบอัตโนมัติ ช่วยให้ตัวรถสามารถจดจำทิศทางที่ขับตรงไปข้างหน้าในระยะ 50 เมตรสุดท้าย ด้วยความเร็วไม่เกิน 36 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถอยออกในทิศทางเดิมแบบอัตโนมัติ ทั้งนี้ ระบบ Parking Assistant Plus มาพร้อมกับกล้องมองรอบทิศทาง Surround View Camera รวมทั้งวิวด้านบน วิวพาโนรามิค และรีโมท 3D เชื่อมต่อเพื่อดูภาพของรถที่จอดทางโทรศัพท์สมาร์ทโฟนได้ ผ่านระบบ BMW ConnectedDrive ระบบ Driving Experience Control เลือกรูปแบบการขับขี่พร้อม ECO PRO ที่ได้รับการติดตั้งเป็นอุปกรณ์พื้นฐาน
อีกหนึ่งความพิเศษของ Sports Activity Vehicle คือระบบ BMW Live Cockpit Professional ใช้จอแสดงผลขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมการเชื่อมต่อที่ครบครัน ส่วน BMW Head-Up Display เจเนอเรชั่นล่าสุด ขนาด 7x3.5 นิ้ว แสดงภาพกราฟฟิคสามมิติ ขณะที่ระบบควบคุมผ่าน iDrive, BMW Gesture Control และจอ Control Display ระบบสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว X5 xDrive30d M Sport ยังมีระบบเชื่อมต่อ BMW ConnectedDrive เพื่อให้ความช่วยเหลือต่างๆเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
BMW M2 Competition
ราคา 6,299,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)
M2 รถสปอร์ตคูเป้ไซล์กะทัดรัดที่ครองใจของแฟนคลับรถยนต์ตระกูล M ได้เวลาหวนคืนสู่วงการรถสปอร์ตสมรรถนะสูงอีกครั้งในรุ่น M2 Competition เสริมความโหดอย่างต่อเนื่องจากรุ่นก่อนหน้า เครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 6 กระบอกสูบ ปริมาตรความจุ 3.0 ลิตร เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo กำลังสูงสุด 302 กิโลวัตต์ หรือ 410 แรงม้า ที่ 5,230 – 7,000 รอบต่อนาที เพิ่มขึ้นจาก M2 Coupe ถึง 40 แรงม้า แรงบิดสูงสุดเพิ่มขึ้นจาก 465 นิวตันเมตร เป็น 550 นิวตันเมตร ที่ 2,350 – 5,230 รอบต่อนาที เร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 4.2 วินาที ความเร็วสูงสุดแตะ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระบบส่งกำลังใช้เกียร์อัตโนมัติ M แบบคลัตช์คู่ (ทวินคลัตช์) พร้อม Drivelogic ระบบระบายความร้อนปรับปรุงใหม่เพื่อทำให้เครื่องยนต์สามารถทำงานในรอบสูงได้อย่างต่อเนื่อง โดยรักษาระดับอุณหภูมิที่เหมาะสม
โฉมของ BMW M2 Competition มาพร้อมกับรายละเอียดของงานดีไซน์ที่ปรับเปลี่ยนไป ทั้งในด้านรูปโฉมและสมรรถนะ นับตั้งแต่สีตัวถังใหม่ล่าสุด Metallic Hockenheim Silver มุมมองด้านหน้าของตัวรถดุดันด้วยช่องดักอากาศขนาดใหญ่ กระจังหน้าไตคู่แบบสองซี่สีดำเงา ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการไหลเวียนของอากาศสำหรับการระบายความร้อนของเครื่องยนต์ ฝากระโปรงหน้าออกแบบเพื่อพัฒนาระบบอากาศพลศาสตร์ กระจกข้างแบบก้านคู่ใ ล้ออัลลอย M ขอบ 19 นิ้ว สีดำลาย Y-spoke ท่อไอเสียแบบคู่ควบคุมกลไกของวาล์วภายในท่อด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์
ดีไซน์ภายในของ M2 Competition มุ่งไปที่อารมณ์ของความเป็นรถสปอร์ต เบาะนั่งสปอร์ตหนังแท้ Dakota แบบใหม่พร้อมที่หนุนหลังปรับไฟฟ้าและที่รองศีรษะในตัว ชุดแต่งภายในทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ เข็มขัดนิรภัยดีไซน์ M ระบบความบันเทิงและการสื่อสารใช้จอ Control Display ขนาด 8.8 นิ้ว พร้อมระบบ iDrive และการเชื่อมต่อ BMW ConnectedDrive พร้อมแท่นชาร์จไร้สายสำหรับสมาร์ทโฟน
BMW M4 Convertible Edition 30 Years
ราคา 8,999,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)
ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา รถสปอร์ตเปิดประทุนตระกูล M ครองใจแฟนคลับ BMW M-Power ทั่วโลกด้วยอิสรภาพแห่งการควบคุม สมรรถนะของการขับเคลื่อน รถ M4 Convertible Edition 30 Years รุ่นพิเศษ ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 300 คันทั่วโลก และเพียง 2 คันเท่านั้นที่เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย M4 Convertible Edition 30 Years วางเครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 6 กระบอกสูบ กำลังสูงสุด 331 กิโลวัตต์ หรือ 450 แรงม้า ชุดแต่ง M Competition โหมดการขับขี่ M Drive ช่วงล่าง adaptive M สามารถตั้งค่าโหมด SPORT เพื่อเพิ่มสมรรถนะในการทำความเร็ว ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (Dynamic Stability Control) โหมด M Dynamic (MDM) M4 รุ่นพิเศษใช้ตัวถังน้ำหนักเบาด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ (CFRP)
BMW M4 Convertible Edition 30 Years สีเหลือง Mandarin II และ
สีฟ้าเมทัลลิก Macao Blue ตัดกับขอบกระจก BMW Individual High-Gloss Shadow Line กระจังหน้าไตคู่ ช่องระบายอากาศด้านข้างสไตล์ M สัญลักษณ์ชื่อรุ่น ล้ออัลลอยน้ำหนักเบาของ M ขอบ 20 นิ้ว ลาย Star-spoke สี Orbit Grey
ภายในของ M4 Convertible Edition 30 Years ทั้งเบาะนั่ง ที่วางแขน และแผงประตูบุด้วยหนังแท้ Merino สีดำตัดฟ้า Black/Fjord Blue เข้ากับสีฟ้าเมทัลลิก Macao Blue ของตัวถัง เส้นตะเข็บสีเหลืองบนพื้นและเบาะหนังแท้ Merino สีดำสำหรับตัวรถในสีเหลือง Mandarin II ตะเข็บบริเวณเบาะรองศีรษะและพรมปูพื้นรถดีไซน์ M ใช้โทนสีที่ตัดกับพื้นผิวอื่นๆ วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ภายในห้องโดยสารที่ถูกนำมาตกแต่งประดับประดาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานใน M4 เปิดประทุนทุกสี เฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปีด้วยการจารึกอักษร “30 Jahre Edition” ลงบนขอบประตูและเบาะรองศีรษะ ขณะที่แผงคอนโซลหน้ารถในฝั่งที่นั่งผู้โดยสารก็มีการสลักอักษรดังกล่าว พร้อมด้วยตัวเลข “1/300” เพื่อเน้นย้ำถึงรูปแบบของการผลิต ลิมิเต็ดเอดิชั่น
BMW X3 xDrive20d xLine และ M Sport รุ่นประกอบในประเทศ
ราคา X3 xDrive20d xLine: 3,359,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)
ราคา X3 xDrive20d M Sport: 3,659,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)
หลังจากที่ได้เปิดตัวออฟโรดไซล์กลาง BMW X3 เจนเนอเรชั่นที่ 3 ไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ในงานแสดงรถยนต์มอเตอร์เอ็กซ์โปร สัมผัสกับรถ X3 xDrive20d xLine และ X3 xDrive20d M Sport รุ่นประกอบในประเทศ จากสายการผลิตของโรงงานที่จังหวัดระยอง ในราคาที่ลดลงถึง 340,000 บาทสำหรับรุ่น xLine และ 140,000 บาทสำหรับรุ่น M Sport BMW X3 xDrive20d xLine ใส่ล้ออัลลอยลาย Y-spoke ขนาด 19 นิ้ว ภายนอกตกแต่งด้วยอะลูมิเนียมแบบด้าน ส่วน BMW X3 xDrive20d M Sport มาพร้อมกับล้ออัลลอย M ลาย Double-spoke ขนาด 19 นิ้ว ชุดตกแต่งรอบคันดีไซน์ M Aerodynamics ขอบหน้าต่างสีดำเงา
X3 xDrive20d xLine และ X3 xDrive20d M Sport ใช้เครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียงแบบ 4 กระบอกสูบ เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ ZF 8 สปีด แบบ Steptronic แป้นเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยในรุ่น M Sport ทั้งสองรุ่นให้กำลังสูงสุด 140 กิโลวัตต์ หรือ 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร เร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 8 วินาที โดยมีความเร็วสูงสุด 213 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 17.6 กิโลเมตรต่อลิตร ตัวเฃลขการปล่อย CO2 เฉลี่ย 150 กรัมต่อ 1 กิโลเมตร BMW X3 xDrive20d M Sport ใช้ช่วงล่าง M Sport
ภายในห้องโดยสารให้มุมมองในแบบฉบับของ BMW เบาะนั่งปรับไฟฟ้าพร้อมระบบจำตำแหน่งเฉพาะฝั่งคนขับและเบาะนั่งตอนหน้าแบบ M Sport คอนโซลด้านบนหุ้มด้วยหนัง Sensatec และเสริมบรรยากาศด้วยชุดไฟ ambient light ห้องโดยสารตกแต่งด้วยไม้ลาย Fineline Anthracite แถบโครเมียมใน X3 xDrive20d xLine ส่วน X3 xDrive20d M Sport เสริมลุคพรีเมียมด้วยการตกแต่งด้วยอะลูมิเนียมพ่นลาย พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้มหนัง M Sport แป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle shift ระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ กล้องมองหลัง ปุ่มควบคุมระบบปฏิบัติการณ์ iDrive สั่งงานด้วยระบบสัมผัส จอแสดงผลภาพความละเอียดสูงขนาด 10.25 นิ้ว ระบบการสั่งงาน BMW Gesture Controlควบคุมระบบนำทางและระบบบันเทิงสื่อสาร ผ่านการเคลื่อนไหวของมือ การสั่งงานด้วยเสียง (Intelligent Voice Control Assistance) รุ่น M Sport มีจอภาพแสดงข้อมูลการขับขี่ในระดับสายตา (BMW Head-up Display) และระบบเสียง HiFi loudspeaker
ไฮไลท์รถยนต์ MINI ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 35
MINI Hatch 3 ประตู และ 5 ประตู Oxford Edition
MINI Hatch 3 ประตู Cooper S ราคา 2,819,999 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรมบำรุงรักษา MSI Standard)
มินิ Hatch 5 ประตู Cppoer S ราคา 2,859,999 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรมบำรุงรักษา MSI Standard)
MINI Cppoer S Hatch 3 ประตู และ Hatch 5 ประตู Oxford Edition เป็น MINI รุ่นพิเศษที่นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยเพียง 60 คัน มาพร้อมเอกลักษณ์ที่แตกต่างจากรุ่นปกติมากมาย ตัวถังสีแดง Pure Burgundy หลังคาสีดำ กระจกมองข้างสี Melting Silver ล้ออัลลอย ขอบ 17 นิ้ว สีดำลาย Cosmos Spoke สติ๊กเกอร์ลายทางคู่ เอกลักษณ์ที่บริเวณด้านหน้ารถ ด้านหลังรถ และมือจับประตู ส่วนฝาปิดถังน้ำมัน กรอบไฟหน้าหลัง ใช้สี Piano Black ไฟท้ายรูปทรงและเส้นไฟ LED ลายธงยูเนียนแจ็ค
MINI Hatch รุ่นพิเศษ Oxford Edition นับเป็นครั้งแรกของ MINI ในการนำเทคโนโลยี 3D Printing หรือการพิมพ์แบบ 3 มิติ มาใช้เสริมสร้างรถยนต์รุ่นนี้ให้มีเอกลักษณ์แตกต่างมากยิ่งขึ้น โดยบริเวณแถบด้านข้าง จะประทับชื่อรุ่น ‘OXFORD’ ไว้อย่างเด่นชัด ส่วนภายในของตัวรถ ถือว่าตอกย้ำคาแรคเตอร์ในสไตล์อังกฤษด้วยไฟเรืองแสงลายธงยูเนียนแจ็คบริเวณคอนโซลด้านหน้า เบาะนั่งและพวงมาลัยตกแต่งด้วยลายธงยูเนียนแจ็คเช่นเดียวกัน
MINI Hatch Cooper S Oxford Edition วางเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร เทอร์โบแปรผัน Twin Scroll เทคโนโลยี MINI TwinPower Turbo เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร พร้อมคันเกียร์ที่เป็นระบบไฟฟ้า เกียร์อัตโนมัติ Steptronic 7 สปีด คลัตช์คู่ (Double Clutch Transmission)ให้การเปลี่ยนเกียร์ที่รวดเร็วและไหลลื่น อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงดีขึ้นกว่าเดิม ระบบช่วงล่างแบบ Adaptive รองรับแรงกระแทกและเพิ่มความนุ่มนวล
MINI Hatch Oxford Edition ใช้การแสดงผลด้วยจอระบบสัมผัสขนาด 6.5 นิ้วที่อยู่บริเวณกลางแผงคอนโซลรถ ระบบนำทางเชื่อมต่อกับกล้องมองหลัง ทำให้การจอดเป็นเรื่องง่ายและปลอดภัยขึ้น รองรับเทคโนโลยี MINI Connected ที่จะเชื่อมต่อฟังก์ชั่นต่างๆ บนรถยนต์กับสมาร์ทโฟนได้อย่างไร้รอยต่อ
รถยนต์ต้นแบบ MINI John Cooper Works GP
จากชัยชนะในการแข่งขันมอนติคาร์โล แรลลี เมื่อปี พ.ศ. 2510 สู่แรงบันดาลใจเบื้องหลังแนวคิดของรถยนต์ต้นแบบ MINI John Cooper Works GP สะท้อนถึงความปราดเปรียวด้วยหัวใจของโลกมอเตอร์สปอร์ตในสไตล์ MINI เป็นการสานต่อตำนานของ MINI ตัวแรงหลายรุ่น อย่าง MINI John Cooper Works GP รุ่นปี 2012 และ MINI Cooper S รุ่นปี 2006 ที่มาพร้อมชุดแต่ง John Cooper Works GP
รถยนต์ต้นแบบ MINI John Cooper Works GP ตัวถังสีดำ Black Jack Anthracite สีตัวถังถูกพ่นพิเศษแบบเหลือบเป็นประกายสลับสีเทาและดำ ตัดกับสีแดง Curbside Red และสีส้ม High Speed Orange ความกว้างของลิ้นหน้าทรงกวาดพื้นขนาดใหญ่ กระจังรังผึ้งด้านหน้าและกันชนหลัง พ่วงด้วยสเกิร์ตด้านข้างและสปอยเลอร์บนหลังคา การใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ที่มีคุณสมบัติด้านความแข็งแกร่งและน้ำหนักเบาพิเศษ ทำให้รถมีน้ำหนักเบาและมีการกระจายน้ำหนักที่สมดุล ดีไซน์บั้นท้ายติดตั้งท่อไอระบายเสียคู่ตรงกลางสปอยเลอร์หลัง ไฟท้ายแบบใหม่ที่มาในดีไซน์ธงยูเนียนแจ็คครึ่งผืน
งานตกแต่งภายในนั้นเน้นความเรียบง่ายเพื่อขับในสนามแข่งโดยเฉพาะ โดยผสมผสานดีไซน์สปอร์ตเข้ากับรายละเอียดต่างๆ ห้องโดยสารสีขาวตัดด้วยหนังสีดำดุดันจากเบาะรองศีรษะและเบาะที่นั่งกระชับลำตัว โรลเคจนิรภัยอลูมิเนียม แผงหน้าปัดสีดำ ะระบบควบคุมแบบดิจิทัล หน้าจอขนาดใหญ่กลางแผงคอนโซลรถ
โปรโมชั่น BMW และ MINI ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 35
ลูกค้า BMW และ MINI ที่จองรถยนต์ภายในงานและมีกำหนดรับส่งมอบรถยนต์ภายในวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2561 จะได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ เช่น
ยกระดับโปรแกรมบำรุงรักษา BSI (BMW Service Inclusive) ยกเว้น BMW i
สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถ BMW ทุกรุ่น ยกเว้น BMW i3 / i8 เมื่อซื้อโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Ultimate จะได้รับการยกระดับจากระยะเวลาบำรุงรักษา 5 ปี / 100,000 กิโลเมตร ขยายเป็น 10 ปี / 100,000 กิโลเมตร*
ยกระดับโปรแกรมบำรุงรักษา MSI (MINI Service Inclusive)
สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถ MINI ทุกรุ่น จะได้รับการยกระดับ MSI Standard ฟรี จากระยะเวลาบำรุงรักษา 3 ปี / 60,000 กิโลเมตร ขยายเป็น 10 ปี / 100,000 กิโลเมตร**
สำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์ผ่านทาง บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส รับฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปีเต็ม
รับฟรี หมวกแก๊ปจาก MINI John Cooper Works พิเศษเฉพาะผู้มาทดลองขับรถยนต์มินิเท่านั้น
*ครอบคลุมการบริการดูแลบำรุงรักษา 10 ปี / 100,000 กม. และครอบคลุมการรับประกันและสมาชิกภาพ BMW Mobility Service เป็นระยะเวลา 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
**ครอบคลุมการบริการดูแลบำรุงรักษา 10 ปี / 100,000 กม. และครอบคลุมการรับประกันและสมาชิกภาพ MINI Mobility Service เป็นระยะเวลา 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง.
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/