ไม้ต้นนี้ พบขึ้นทั่วไปในป่าดิบทางภาคเหนือและภาคใต้ของประเทศไทย สูงจากระดับนํ้าทะเลตั้งแต่ 50-700 เมตร จัดเป็นไม้ยืนต้นที่มี
ดอกสวยงามและมีกลิ่นหอมชนิดหนึ่งที่นิยมปลูกแพร่หลายมาแต่โบราณ ส่วนใหญ่ ปลูกตามหัวไร่ ปลายนา หรือตามเรือกสวนทั่วไป เพื่อเก็บเอาดอกขายเป็นสินค้าให้คนซื้อไปใช้อบทำเครื่องหอมได้ดีมาก และจากความงดงามและกลิ่นหอมของดอกดังกล่าว "บุนนาค" ยังถูกนำไปรวมไว้ในบทเพลง ได้รับความนิยมจากผู้ฟังอย่างกว้างขวางในอดีตอีกด้วย
บุนนาค ยังมีสรรพคุณเป็นสมุนไพรชั้นดี โดย ใบ ใช้ตำพอกบาดแผลถูกหอกดาบ ดอก ปรุงเป็นยาบำรุงโลหิต ระงับกลิ่นกาย หรือสมัยก่อนนิยมเรียกว่า แก้สาบสางในกาย เปลือกต้น ใช้กระจายหนอง กะพี้ แก้เสมหะในคอ แก่น แก้เลือดออกตามไรฟัน โดยต้มอม ราก ขับลมในลำไส้ แพทย์ชนบทใช้ดอกปรุงเป็นยาหอม แต่งกลิ่นแต่งรสทำให้รับประทานง่ายขึ้น และเป็นยาหอมบำรุงดวงจิตให้ชุ่มชื้น แก้ร้อนกระสับกระส่าย แก้ลมวิงเวียนทำให้หน้ามืด ใจสั่น อ่อนเพลีย หัวใจหวิว ทำให้ชูกำลัง ราก ยังใช้พอกแผลสด แก้พิษงูได้ด้วย ประโยชน์อย่างอื่น เนื้อไม้ ใช้ทำหมอนรองรางรถไฟ ก่อสร้าง ต่อเรือ ทำพานท้ายและรางปืน ด้ามร่มทนทานมาก น้ำมันที่กลั่นจากเมล็ดใช้จุดตะเกียงได้ และทำเครื่องสำอางหลายอย่างด้วย
บุนนาค หรือ MESUA FER-REA LINN. อยู่ในวงศ์ GUTTIFERAE เป็นไม้ยืนต้น สูง 15-25 เมตร แตกกิ่งก้านเป็นพุ่มทรงกรวยควํ่า ใบเดี่ยว ออกตรงกันข้าม รูปใบหอกหรือขอบขนาน ปลายเรียวแหลม โคนสอบ ใบอ่อนเป็นสีชมพู ใบแก่มีคราบสีขาวหลังใบ
ดอก ออกเดี่ยวๆ หรือเป็นกระจุก 2-3 ดอก ตามซอกใบ มีกลีบดอก 4 กลีบ เป็นรูปไข่กลับ สีขาว หรือ สีเหลืองอ่อน ดอกบานเต็มที่เส้นผ่าศูนย์กลาง 5-10 ซม. มีเกสรตัวผู้จำนวนมาก ดอกมีกลิ่นหอมแรงและหอมไกล เวลามีดอกดกและดอกบานพร้อมกันทั้งต้น จะดูสวยงามและส่งกลิ่นหอมฟุ้งกระจายทั่วบริเวณใกล้เคียงเป็นที่ประทับใจมาก "ผล" รูปไข่มีเมล็ด 1-2 เมล็ด ดอกออกช่วงเดือนมีนาคม-กรกฎาคมทุกปี ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดและตอนกิ่ง มีต้นขนาดใหญ่ วางขายที่ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ บริเวณจำหน่ายไม้ยืนต้นปราจีนบุรี ราคาสอบถามกันเองครับ.
...
"นายเกษตร"