ชวนขาเที่ยวส่องแหล่ง "ที่เที่ยว" สถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศ ที่ขึ้นชื่อเรื่องวิวสวยเริด! บรรยากาศดี ผู้คนเป็นมิตร โดยครั้งนี้จะเป็นการแนะนำเมืองท่องเที่ยวต่างประเทศที่น่าสนใจในแถบยุโรป อเมริกา และตะวันออกกลาง...("ที่เที่ยว" สุพรรณ สนุก อิ่ม ฟิน ครบรส)
ส่วนจะมีเมืองไหนน่าเที่ยวพักผ่อนในช่วงปลายปี 2018 นี้บ้าง? ตาม ไลฟ์สไตล์ไทยรัฐ มาดูกัน...
1. โอ๊คแลนด์, ประเทศนิวซีแลนด์
สำหรับประเทศนิวซีแลนด์ ช่วงปลายปีอย่างเดือนพฤศจิกายนแบบนี้ เป็นช่วงที่มีอากาศดี ท่ามกลางวิวสวยๆ ของฤดูใบไม้ผลิ สภาพภูมิอากาศไม่หนาวมากและไม่ร้อนจนเกินไป ทัศนียภาพอันงดงามของนิวซีแลนด์เหมาะที่จะทำกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น การเดินป่า ปั่นจักรยาน ล่องแก่ง สำรวจอุทยานแห่งชาติ เที่ยวชมทะเลสาบ ภูเขา ทะเลและชายหาดสวยๆ
ส่วนเรื่องอาหารการกิน แนะนำให้ลองชิมอาหารทะเลสดๆ ของนิวซีแลนด์ ไม่ว่าจะเป็น หอยแมลงภู่ กุ้ง หอยนางรม ปลา และยังมีชีสกับเนื้อแกะ ที่เคยได้รับรางวัลระดับโลกในประเภทร้านอาหารท้องถิ่น
...
อีกอย่าง คือ ไวน์จากนิวซีแลนด์ มีชื่อเสียงระดับโลก ในเมือง Auckland ของนิวซีแลนด์ จึงมักจะมีการจัดทัวร์ชิมไวน์ ซึ่งเป็นกิจกรรมยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนที่นี่
2. ปาล์ม สปริงส์, แคลิฟอร์เนีย US
วันที่อากาศร้อนจนตัวแทบไหม้ได้ผ่านพ้นไปแล้ว และก็ถึงเวลาที่จะเพลิดเพลินกับกิจกรรมกลางแจ้งที่คุณชื่นชอบ ท่ามกลางอากาศดีๆ ในช่วงปลายปี 2018 ไม่ว่าจะเป็น กิจกรรมเดินป่า ช็อปปิ้ง รับประทานอาหารกลางแจ้ง ว่ายน้ำผ่อนคลาย หรือเดินเล่นในสวนร่มรื่น ในย่านปาล์ม สปริงส์ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
ที่นี่เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งเมืองท่องเที่ยวอันแสนคึกคัก มีร้านค้าตั้งเรียงรายที่ตกแต่งในสไตล์บูติกย้อนยุค ไม่ว่าจะเป็นแหล่งช็อปปิ้งเสื้อผ้า ร้านอาหารเก่าแก่ ร้านค้าปลีก ร้านแนวบูติกดีไซเนอร์ แถมยังมี Kimpton Rowan ซึ่งเป็นโรงแรมสไตล์ศิลปะกลางแจ้ง มีร้านอาหารแบบรูฟท็อปบาร์ เสิร์ฟอาหารสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน สามารถชมวิวภูเขาซานจาคินได้อย่างใกล้ชิด
3. เกาะเบอร์มิวดา, สหราชอาณาจักร UK
เกาะเบอร์มิวดา เป็นดินแดนโพ้นทะเลที่เก่าแก่ที่สุดของสหราชอาณาจักร ตั้งอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติก และอยู่นอกชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกา ห่างจากรัฐนอร์ทแคโรไลนาไปทางตะวันออก 580 ไมล์ ดินแดนแห่งนี้ในอดีตมีชาวอังกฤษมาตั้งรกรากก่อนการรวมตัวเป็นสหราชอาณาจักรถึงสองศตวรรษ
สำหรับช่วงปลายปี 2018 โดยเฉพาะในเดือนพฤศจิกายน เหมาะที่จะมาเที่ยวพักผ่อนที่เกาะเบอร์มิวดามากๆ เพราะที่นี่มีชายหาดทรายสีชมพูที่สวยงามไม่เหมือนที่ไหนๆ ในโลก มีกิจกรรมให้สนุกมากมาย เช่น ดำน้ำตื้นชมแนวปะการัง ชมซากเรืออับปาง ชมรางรถไฟเบอร์มิวดายาว 18 ไมล์ ซึ่งทอดยาวผ่านทัศนียภาพอันงดงามและแนวชายฝั่ง ชมถ้ำคริสตัล ทะเลสาบใต้ดิน ชมสวนพฤกษศาสตร์ขนาด 36 เอเคอร์ที่ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2441
4. ซานอันโตนิโอ, เท็กซัส US
เมืองซานอันโตนิโอ รัฐเท็กซัส เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม โดยเฉพาะการมาเที่ยวล่องเรือแม่น้ำวอล์ค เดินชมตึกรามบ้านช่องที่มีสถาปัตยกรรมเก่าแก่ และเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ Reach ซึ่งจัดแสดงผลงานศิลปะและภูมิทัศน์พื้นเมือง ซึ่งเหมาะมากๆ ที่จะมาเที่ยวในช่วงเดือนพฤศจิกายน เพราะอากาศดี ไม่หนาวและไม่ร้อนจนเกินไป
ซานอันโตนิโอได้รับการยอมรับว่า เป็นเมืองที่สร้างสรรค์ด้านการทำอาหาร โดยเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก เมืองนี้ได้รับอิทธิพลของอาหารเม็กซิกัน สเปน เยอรมัน ฝรั่งเศส และอาหารพื้นเมือง ผสมผสานเข้าด้วยกันอย่างลงตัว
...
5. บัวโนสไอเรส, อาร์เจนตินา
กรุงบัวโนสไอเรส ในช่วงปลายปี 2018 เป็นเวลาที่เหมาะสำหรับการมาเที่ยวชม "ต้นจาการ์ดา" เป็นไม้ยืนต้นที่ออกดอกสีม่วงสวยงาม ทำให้เมืองนี้สวยโรแมนติกไปด้วยกลีบดอกสีม่วงร่วงโรยคลุมพื้นถนนเหมือนพรมหนาๆ นักท่องเที่ยวนิยมมาเดินเที่ยวพร้อมถ่ายรูปกันที่นี่
อีกทั้งยังมีกิจกรรมน่าสนุกอีกมากมาย เช่น การล่องเรือชมย่านบ้านเรือนและตลาดริมน้ำ แวะชิมอาหารรสชาติท้องถิ่นแท้ๆ ที่ Feria De Mataderos เที่ยวชมและช็อปปิ้งงานหัตถกรรมจากชาวเมือง ชมการแสดงดนตรี นักเต้นแทงโก เป็นต้น
สำหรับขาเที่ยวที่ชื่นชอบไวน์เป็นพิเศษ จะต้องหลงรักเมืองนี้แน่ๆ เพราะคุณจะได้เพลิดเพลินไปกับการจิบไวน์ที่มีชื่อเสียงของอาร์เจนตินา เช่น Malbec เป็นไวน์แดงที่มีรสและกลิ่นฟรุตตี้ เนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำ ระดับแทนนินกลางๆ เปรี้ยวพอประมาณ และยังมี Torrontes เป็นไวน์ขาวที่มีกลิ่นหอม ทั้งสองอย่างนี้เหมาะจะทานคู่กับอาหารท้องถิ่นอาร์เจนตินา เนื้อลูกวัวหรือเนื้อไก่ชุบเกล็ดขนมปังทอด
6. อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ UAE
...
อาบูดาบี เป็นเมืองหลวงของ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) เป็นเมืองท่องเที่ยวที่สามารถนำเอาความทันสมัยมาผสมผสานเข้ากับวัฒนธรรมอาหรับโบราณได้อย่างลงตัว ในปีนี้ "พิพิธภัณฑ์ลูฟร์" ของอาบูดาบีจะฉลองครบรอบ 1 ปี หลังจากเปิดตัวไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2017
สถานที่ท่องเที่ยวที่ห้ามพลาดชม ได้แก่ มัสยิดใหญ่ Sheikh Zayed เป็นผลงานทางสถาปัตยกรรมที่งดงามประกอบด้วยโดมที่ทำจากหินอ่อนสีขาวบริสุทธิ์ 82 ชิ้น พรมทอมือที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีการออกแบบเหรียญอิสลามแบบซับซ้อนซึ่งสร้างขึ้นโดยช่างฝีมือประมาณ 1,200 คน เปิดให้เข้าชมฟรีตั้งแต่วันเสาร์-วันพฤหัสบดี ในทุกๆ สัปดาห์ แต่ต้องปฏิบัติตามกฎและแต่งกายให้เหมาะสม
7. เซดอนา, แอริโซนา US
เมืองเซดอนา รัฐแอริโซนา เป็นอีกเมืองหนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเที่ยวพักผ่อน มีเทศกาลและงานฉลองที่น่าสนใจ เช่น กิจกรรมเพื่อสุขภาพ, สปาบำบัด, การเดินชมหอศิลป์และศิลปะ, ชมงานฝีมือของคนท้องถิ่น, เที่ยวชมหุบเขา Verde, เที่ยวชมและทัวร์ชิมไวน์สดใหม่จากโรงงานผลิตไวน์
เที่ยวชมอุทยานแห่งชาติ Red Rock ซึ่งเป็นธรรมชาติที่มีทัศนียภาพอันสวยงาม มีพืชพื้นเมือง สัตว์ป่า และนกมากมาย เป็นที่นิยมของนักเดินป่า สามารถเดินทางโดยรถจี๊ป, ขี่ม้า, บอลลูน หรือเฮลิคอปเตอร์ก็ได้
8. เกาะฮิลตัน เฮด, เซาท์แคโรไลนา US
เกาะฮิลตัน เฮด เป็นหนึ่งในเกาะที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกอยากมาเยือนมากที่สุด โดยได้อันดับ 1 จากผลการโหวตของผู้อ่าน Travel + Leisure ติดต่อกัน 3 ปีซ้อน เนื่องจากเกาะแห่งนี้มีบรรยากาศที่น่ารื่นรมย์ วิวสวยงาม และมีกิจกรรมยอดนิยมที่เหมาะกับการมาเที่ยวช่วงปลายปีแบบนี้ นั่นคือ การปั่นจักรยานบนทางเดินที่ยาวถึง 60 ไมล์ ครอบคลุมพื้นที่รอบเกาะ รวมทั้งมีชายหาดที่ยาวถึง 12 ไมล์ เดินเที่ยวชมได้แบบไม่รู้เบื่อ
...
อีกทั้งยังเป็นแลนด์มาร์คของนักดูนก ที่นิยมเดินทางมาเที่ยวที่นี่ทุกปี เพราะสามารถชมนกกระยางป่า นกกระสาไม้ นกนางนวลทะเล และนกเหยี่ยวออสเปร ซึ่งเป็นนกหายากได้อีกด้วย
9. มอนทรีออล, แคนาดา
เมืองมอนทรีออล ประเทศแคนาดา เป็นเมืองที่พูดภาษาฝรั่งเศสเป็นหลัก ในตัวเมืองเต็มไปด้วยกลิ่นอายยุโรปที่ชัดเจนมาก ไม่ว่าจะเป็นถนนที่ปูด้วยก้อนหิน ไปจนถึงร้านค้าสไตล์บูติค และคาเฟ่สวยงามแปลกตา เมืองนี้มีพิพิธภัณฑ์มากมายหลายประเภท เช่น พิพิธภัณฑ์ทางธรรมชาติ พิพิธภัณฑ์ศิลปะ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์
โดยเฉพาะพิพิธภัณฑ์วิจิตรศิลป์แห่งมอนทรีออล มีการจัดนิทรรศการชั่วคราวที่รวมสาขาต่างๆ ทางศิลปะ ศิลปกรรม ดนตรี ภาพยนตร์ แฟชั่น และการออกแบบ ซึ่งเป็นที่นิยมทั่วโลก นักท่องเที่ยวสามารถเช่ารถม้านั่งชมรอบเมืองได้ด้วย
สถานที่ท่องเที่ยวที่ห้ามพลาดชม ได้แก่ คริสตจักรคาทอลิกที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองมอนทรีออล ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ.1656 ภายในโบสถ์มีการประดับกระจกสีที่เล่าประวัติความเป็นมาของเมือง มีร้านค้าและร้านอาหารกว่า 1,000 แห่ง และมีหอคอย Montreal Tower หอสูงที่สุดในโลก
10. เมืองลิสบอน, โปรตุเกส
ช่วงปลายปีอย่างเดือนพฤศจิกายน 2018 เป็นช่วงที่เมืองลิสบอนมีอุณหภูมิค่อนข้างเย็น นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาเที่ยวชม เมืองบนเนินเขาและทัศนียภาพที่งดงาม
"ย่านอัลฟามา" เป็นย่านประวัติศาสตร์ของเมือง ที่จะต้องเดินขึ้นไปบนเนินเขาผ่านถนนแคบๆ เที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ Fado ในเมือง Alfama และแวะชิมอาหารที่ บาร์ของฟูโร่ของเมือง เสิร์ฟอาหารทะเลมากมายในลิสบอน เช่น ปลาหมึก, ปลาซาร์ดีน, หอย, ปลาทูน่า และปลาดองแห้งแบบดั้งเดิมของโปรตุเกส (bacalhau).
ที่มา : travelandleisure
อ่านข่าว