สาวๆ ออฟฟิศที่มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นจนใกล้คำว่า 'อวบระยะสุดท้าย' แม้ไม่ได้อ้วนเผละมากมาย แต่ก็มีความกังวลเกี่ยวกับหน้าท้องยื่น พุงใหญ่ ขาใหญ่ มีเซลลูไลต์ ไม่เฟิร์มกระชับเหมือนสาวแรกรุ่น อยากกลับไปมีหุ่นกลับมาเพรียวกระชับสวยเป๊ะ ทำยังไงดี?...(5 เมนู "อาหารลดความอ้วน" จาก "เมล็ดเจีย" )

ไลฟ์สไตล์ไทยรัฐ ไปเจอวิธีลดน้ำหนักที่น่าสนใจในโลกโซเชียล ซึ่งมีชาวเน็ตแชร์กันเยอะ เป็นวิธีและขั้นตอนการลดความอ้วนของคุณไปร์ท ผู้หญิงทำงานออฟฟิศคนหนึ่งวัย 30+ แต่เธอมีหุ่นเฟิร์มสวยเป๊ะยิ่งกว่าสาววัย 20 ต้นๆ ซะอีก 

เธอบอกว่า ไม่ได้เป็นคนอ้วนมากระดับร้อยโล น้ำหนักเคยพุ่งมากที่สุดอยู่ที่ 60 กก. แต่ก็มีปัญหารูปร่างอวบ ย้วย ไม่กระชับ จึงหาทางลดน้ำหนัก ซึ่งเธอเคยพยายามลดน้ำหนักหลายรูปแบบ ทั้งอดอาหาร กินยาถ่ายวันละเกือบ 10 เม็ด จนมีอาการป่วย ต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล

หลังจากนั้น น้ำหนักตัวก็สวิงมาก อ้วนๆ ผอมๆ สลับไปมา รูปร่างเผละ ไม่กระชับ หน้าตาไม่สดใส ดูโทรม และน้ำหนักก็ไม่ลดลงได้เยอะอย่างที่หวัง เธอเลยเปลี่ยนวิธีลดน้ำหนักแบบใหม่ เป็นวิธีที่ทำให้ผอมหุ่นดีแบบยั่งยืนและมีสุขภาพแข็งแรง แถมยังสามารถลดน้ำหนักได้เพิ่มอีก 8 กก. (จาก 55 กก. เหลือ 47 กก.) ภายใน 3 เดือน

...

อยากรู้แล้วละสิ...ว่าเธอลดนำ้หนักยังไง? ต้องกินอะไร? ออกกำลังกายแบบไหน? ไปหาคำตอบพร้อมกันเลย...

1. ตั้งเป้าหมาย ผอมแบบสุขภาพดี

หลายคนอาจจะตั้งเป้าหมายให้ตัวเลขน้ำหนักลดลงอย่างเดียว แต่จริงๆ แล้ว นอกจากตั้งเป้าหมายให้ผอม หุ่นดี น้ำหนักลดลงแล้ว ก็ควรเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ ให้มาเป็น Healthy lifestyle เพื่อที่จะได้ผอมสวยแบบสุขภาพดี ยั่งยืน ไม่โยโย่ งดการลดน้ำหนักแบบผิดๆ ที่เคยทำมาก่อน เช่น การอดอาหาร

ไปร์ทบอกว่าช่วงที่ลดน้ำหนักแรกๆ เธอใช้วิธีการอดข้าวได้เป็นสัปดาห์ๆ กินแต่น้ำ เพื่อลดน้ำหนัก รวมทั้งกินยาถ่ายทุกวัน วันละ 10 เม็ด วนเวียนอยู่แบบนี้ จนอายุล่วงเลยมาถึง 36 ปี รู้สึกไม่ค่อยมีแรง หน้าโทรม ไม่มีชีวิตชีวา ไม่สดใส รูปร่างเผละ น้ำหนักขึ้นๆ ลงๆ หน้าท้องบวมตลอด (มารู้ตอนหลังว่า นี่คือระบบเผาผลาญพัง)

เธอไปหารูปนางแบบหุ่นสวยมาเป็นแรงบันดาลใจตั้งเป้าหมายว่าจะต้องมีหุ่นแบบนี้ภายใน 6 เดือน แต่พอลองลดน้ำหนักตามวิธีนี้แล้ว ปรากฏว่าผ่านไปแค่ 3 เดือน เธอก็เริ่มเห็นผลที่ดีขึ้นทั้งในส่วนของสุขภาพและรูปร่าง

2. ปรับเปลี่ยนเวลานอน เวลาตื่น

เชื่อว่าสาวๆ หลายคนมีอาการแบบนี้ คือ ตอนเช้าไม่อยากตื่นไปทำงาน มักจะรู้สึกว่า ลางานดีไหม? ไม่อยากไปทำงานเลย พอเลิกงานตอนเย็นถึงบ้านดึก กินข้าวแล้วนั่งเล่นเน็ตจนเที่ยงคืน เลยเที่ยงคืนไปก็มี กว่าจะนอนได้ พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้ร่างกายพัง ไม่สดชื่น

ควรปรับนาฬิกาชีวิตใหม่ ทั้งเวลานอนและเวลาตื่น คือ จากเดิมเคยตื่น 8 โมงเช้า (ทำงาน 9 โมงเช้า) เปลี่ยนเป็นตื่น 6 โมงเช้า หลังจากตื่นจะดื่มน้ำ 1 แก้วใหญ่ ออกกำลังกาย และรับประทานอาหารเช้า ส่วนตอนเย็นพอกลับมาถึงบ้าน ให้ออกกำลังกาย และควรเข้านอนเวลา 23.00 น. หรือไม่ควรเกินเที่ยงคืน

...

3. เปลี่ยนพฤติกรรมการกิน

เข้าใจดีว่าการเป็นสาวออฟฟิศ ต้องนั่งทำงานหน้าจอวันละหลายชั่วโมง ไม่ค่อยมีเวลาเลือกกินอาหารมีประโยชน์ ส่วนใหญ่เลยมักจะกินข้าวแกงง่ายๆ ตามด้วยขนมถุง หนังไก่ทอด กล้วยทอด กินน้ำหวาน กาแฟ ชานม ชาไข่มุก ไม่ค่อยดื่มน้ำเปล่า กินผักผลไม้น้อย ควรปรับเปลี่ยนมาใส่ใจเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ ครบ 5 หมู่ งดของทอด งดของหวาน งดของมันๆ

4. คำนวณแคลอรี

หัดคำนวณพลังงานที่ใช้ต่อวันในภาวะร่างกายปกติ ช่วงที่ลดน้ำหนัก ให้กินอาหารให้พลังงานอยู่ระหว่าง 1,300-1,500 กิโลแคลอรี ต่อมาในช่วงการรักษารูปร่าง ให้กินอยู่ที่ 1,500-1,600 กิโลแคลอรี

5. นำ้เปล่าสำคัญมาก ดื่มเยอะๆ 

ควรดื่มน้ำเยอะๆ ช่วยได้มากเรื่องการเผาผลาญ และเรื่องผิวพรรณ และในการลดนำ้หนักช่วง 2 เดือนแรก ไม่ควรมีมื้อพิเศษ (Cheat Day) ถ้ามีแล้วเดี๋ยวตบะแตก อดไม่ได้ กลายเป็นว่าที่ทำมาทั้งหมดอาจพังไม่เป็นท่า อีกอย่างคือ ควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ถ้าจำเป็นจริงๆ เช่น ออกงานสังคมก็ให้ดื่มได้บ้าง นานๆ ที

...

6. ควบคุมอาหาร 80% 

ในส่วนของการเลือกอาหารการกิน ถ้ายังไม่เห็นภาพ ลองทำตามวิธีของสาวคนนี้ดู เธอหันมาทำอาหารกินเอง เพราะควบคุมแคลอรีได้ง่ายกว่า และสามารถเลือกวัตถุดิบที่ดีต่อสุขภาพได้ด้วย อาจจะไม่ใช่อาหารคลีน 100% แต่กินแล้วไม่อ้วน วิธีปรับเปลี่ยนวิธีกินของเธอมีดังนี้

- ใช้น้ำมันสเปรย์ แทนน้ำมันจากขวด
- ใช้หญ้าหวานแทนน้ำตาล
- งดของทอด/ของหวาน
- ลดอาหารเค็ม เพราะทำให้ตัวบวมน้ำ 
- นับแคลอรีอาหารที่กินในแต่ละวัน 
- ห้ามอดอาหารเด็ดขาด เพราะมีโอกาสโยโย่สูงมาก
- เลือกทานแป้งไม่ขัดสี
- เลือกทานไขมันดีจาก อัลมอนด์ อะโวคาโด เนยถั่ว ปลาแซลมอน
- เปลี่ยนมากินอเมริกาโน่เย็น ไม่ใส่น้ำตาล ไม่ใส่ครีม
- กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ อย่าลืมผัก-ผลไม้

...

7. ออกกำลังกาย 20%

หลังจากตื่นนอนตอนเช้า 6 โมงเช้า ให้ออกกำลังกาย โดยเล่น AB หน้าท้องเป็นหลัก ประมาณ 15 นาที ส่วนตอนเย็น หลังเลิกงาน อย่าเพิ่งทานข้าว ให้ออกกำลังกายก่อนเลย 30-45 นาที เน้นช่วงขาและแขนเป็นหลัก รวมๆ ก็สัปดาห์ละ 5-6 วัน

มีอุปกรณ์ คือ ดัมบ์เบล 1 อัน ซึ่งใช้สำหรับออกกำลังกายตามคลิปต่างๆ ในโซเชียล เน้นบอดี้เวต ไม่เน้นคาร์ดิโอ แต่สำหรับคนที่น้ำหนักเยอะมากๆ แนะนำให้ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ กับบอดี้เวตควบคู่กันไป ผิวหนังจะได้ไม่ย้วย

วิธีและขั้นตอนการลดความอ้วนทั้งหมดนี้ เอาเป็นว่ามันอาจจะไม่ง่าย แต่ก็คงไม่ยากเกินไปสำหรับสาวๆ ที่อยากกลับมามีหุ่นสวย เพรียว รูปร่างกระชับ ใช่มั้ยล่ะคะ?


ที่มา : คุณไปร์ท

อ่านข่าว